4
ผู้ใหญ่ที่กลับมาเห็นเด็ก ๆ นอนเรียงกันอยู่บนฟูกแล้วหลับอย่างแสนสบายถึงกับยิ้มเอ็นดู มิรินนอนอยู่ในมุ้งครอบสีชมพูขนาดเล็ก ถูกพี่ ๆ ประแป้งจนหน้าขาว
“สงสัยคงจะอาบน้ำอาบท่ากันแล้วค่ะ” เสียงผู้ใหญ่คุยกัน ทำอาหารด้วยกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เด็ก ๆ ตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน
พวกผู้ใหญ่ทำอาหารรับประทานกันเหมือนเคย เสียงของมิรินร้องไห้จ้า ก่อนที่อัสนีจะอุ้มน้องขึ้นตบก้น เด็กน้อยฉี่อีกครั้งหลังจากตื่นนอน เขาจึงต้องจัดการล้างก้นให้น้องแล้วซับจนแห้ง ก่อนจะอุ้มออกมาดูผู้ใหญ่ด้านนอก
“เมื่อไหร่น้องจะกินข้าวได้ครับ” อัสนีเอ่ยถามมารดาด้วยความสงสัย โยธินกับพายุกำลังช่วยกันปิ้งย่างบาร์บีคิวอยู่อีกด้าน
บาร์บีคิวเป็นอาหารโปรดของทุกคน เพราะซอสสูตรเด็ดรสชาติเข้มข้นทำให้เด็ก ๆ ติดอกติดใจเป็นอันมาก
สามครอบครัวเป็นเพื่อนสนิทกัน ทุกคนรักธรรมชาติจึงมาซื้อที่ดินลงหลักปักฐานกันอยู่ที่นี่ ทั้งสามทำเกษตรแนวอนุรักษ์ธรรมชาติ อยู่ในที่อากาศดี ๆ และช่วยกันเก็บเมล็ดพันธุ์แท้ของพืชทุกชนิดบนโลกใบนี้เอาไว้ ที่ดินที่นี่ไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นของทุกคนซึ่งช่วยกันดูแลและเป็นเจ้าของด้วยกัน ความมีน้ำใจและอัธยาศัยใจดีรวมถึงทัศนคติการใช้ชีวิตที่เหมือน ๆ กันทำให้ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่เคยมีเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งกันเลย ทุกคนพยายามใจเย็นให้มากที่สุด หากมีปัญหาอะไรก็ช่วยกันแก้ไข
“หลังจากหกเดือนจ้ะ ตอนนี้น้องต้องกินนมไปก่อน” ศิริกานต์ตอบลูกชายพลางอมยิ้ม
“เมื่อก่อนผมก็กินนมแบบนี้เหรอครับ” อัสนีเอ่ยถามมารดา
“ใช่จ้ะ” ศิริกานต์ตอบแล้วยิ้มกว้างมากกว่าเดิม หลังจากช่วยกันทำอาหารจนเสร็จ บรรดาแม่ ๆ ก็นำอัลบั้มรูปลูก ๆ มาเปิดดู เพื่อระลึกถึงความทรงจำดี ๆ ในอดีต ว่าในช่วงหนึ่งของชีวิตครอบครัวต่างก็มีสมาชิกใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาลืมตาดูโลก
“ตอนเด็ก ๆ ผมตัวเล็กเหมือนน้องเลยครับ” พายุชี้รูปตัวเอง ด้วยท่าทีตื่นเต้นไม่น้อย
“น้องยังเด็กต้องช่วยกันดูแลนะลูก” สามหนุ่มต่างวัยรับคำของคุณมัสลินมารดาของมิรินอย่างแข็งขัน
อัสนีค่อนข้างรักน้องหวงน้องและรับรู้โดยปริยายว่ามิรินคือคู่หมั้นตัวน้อยที่โตขึ้นจะต้องแต่งงานกัน ดังนั้นอัสนีจึงทำหน้าที่ปกป้องน้องอยู่ไม่ห่าง ไม่ว่าจะมีกิจกรรมอะไรร่วมกันในบ้าน ก็จะเห็นมิรินนั่งอยู่บนตักของอัสนีเสมอ
หลังจากมิรินอายุได้หกเดือน เด็กน้อยก็เริ่มหัดกินข้าว อัสนีเป็นคนคอยป้อนข้าวและอาหารเสริมให้น้อง มันเป็นความเคยชินที่ถูกฝากฝังจากผู้ใหญ่ จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ต้องดูน้องเวลาผู้ใหญ่ไม่อยู่
พี่สร้อยพี่เลี้ยงของมิรินย้ายไปทำงานในไร่แทนเพราะอยากทำงานกับแฟนหนุ่ม อีกทั้งสร้อยเองก็เลี้ยงมิรินไม่ได้ เด็กน้อยจะงอแงเรียกหาแต่อัสนี อัสนีเลยกลายเป็นทั้งพี่ชายและพี่เลี้ยงของมิรินไปโดยปริยาย
งานในไร่ของผู้ใหญ่ค่อนข้างหนักเพราะอยู่ในช่วงการพัฒนาที่ดินและสร้างอาณาจักรของตัวเองที่ใฝ่ฝันเอาไว้ สามครอบครัวเป็นเพื่อนรักกันมานานและอีกนัยหนึ่งคือมีความเป็นเครือญาติกันอยู่ แม้สายเลือดจะห่างออกไปสักนิดแต่ก็รักใคร่ใส่ใจกันเหมือนครอบครัวเดียวกัน
โยธินทำหน้าที่เป็นพี่คนโตที่คอยดูแลและควบคุมน้อง ๆ พายุซุกซนตามประสา เป็นลูกไล่ของพี่ ๆ โยธินกับอัสนีใช้ให้ทำอะไร พายุก็จะทำตามอย่างไม่เกี่ยงงอน เพราะยึดพี่ ๆ เป็นไอดอล
เข้าเดือนที่เจ็ด มิรินเริ่มคลานไปตามพื้น เล่นของเล่นต่าง ๆ พี่ ๆ คลานตามแทบไม่ทัน เพราะเจ้าตัวเล็กคลานเก่งมาก แต่พอได้หนึ่งปีนี่สิ คนติดพี่ชายข้างบ้านเริ่มเกาะหลังอัสนีเพื่อจะยืน
“หนูมิยืนได้แล้ว ดูสิ” อัสนีบอกโยธินกับพายุ ทั้งสองปรบมือหัวเราะชอบใจที่เห็นพัฒนาการของน้องสาวตัวน้อย
“ขนาดคลานยังคลานตามแทบไม่ทัน เดี๋ยวเดินได้คงวิ่งปร๋อ” พายุวิจารณ์น้อง
“แล้วแกจะคลานทำไมไอ้พัน เดินได้ก็วิ่งตามน้องที่คลานสิ” อัสนีตบหัวน้องเบา ๆ เป็นการหยอกล้อ พายุหัวเราะเก้อ ๆ ก่อนจะพยักหน้าว่าจริง เขาก็ลืมคิดถึงข้อนี้ไป แล้วเป็นจริงดังคาด พอมิรินเดินได้เท่านั้นแหละ เด็กน้อยก็เดินไม่หยุด ซุกซนจนพี่ ๆ จับตัวแทบไม่ทัน ยิ่งกว่าจับปูใส่กระด้งเสียอีก
1 คอมเม้นต์เท่ากับ 1 ล้านกำลังใจนะคะ