บท
ตั้งค่า

1

บทนำ

อัสนี อัคราสุรเดช หรือหนุ่มน้อยนามว่าเอสเปรสโซ่ทอดสายตามองเด็กน้อยที่กำลังนอนดูดจุกนมอยู่ในเปลไม่วางตา เขาเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบห้าที่มีคู่หมั้นวัยเด็กเพียงไม่กี่เดือน เด็กหญิงมิริน ไพรพิทักษ์กุลหรือหนูมิ บุตรสาวของทรงสิทธิ์และมัสลิน ไพรพิทักษ์กุล เพื่อนรักของบิดามารดา

เด็กน้อยคลอดออกมาเป็นสมาชิกใหม่ที่ใคร ๆ ต่างเห่อและรักใคร่ อาจเพราะเป็นน้องนุชสุดท้องของหลายครอบครัว เป็นลูกหลงที่ไม่มีใครคิดว่าจะมาเกิดเอาป่านนี้

เด็กน้อยวัยแบเบาะปากแดง แก้มใส ดวงตากลมแป๋ว มีผมสีน้ำตาลอ่อนขึ้นมาหย่อมหนึ่งบนศีรษะ ซึ่งแตกต่างจากเด็กคนอื่น ๆ

อัสนีมองด้วยสายตาเอ็นดูระคนรักใคร่ มือน้อยบอบบางเล็กป้อม นิ้วเล็ก ๆ กำลังจับขวดนมดูดกินอย่างเอร็ดอร่อย ความทรงจำของเขาตั้งแต่แรกเห็นเด็กน้อยที่คลอดออกมาลืมตาดูโลกคือหน้าตาของเจ้าหล่อนที่ยับย่นตัวแดงเถือกและสถานะคู่หมั้นคู่หมายของเขาที่ต้องแต่งงานกันในอนาคตข้างหน้า เขาก็บอกความรู้สึกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันเป็นเช่นไร รู้แค่ว่าเขาอยากทะนุถนอมน้องน้อยเอาไว้ในอ้อมแขนแห่งรักนี้ตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

“เป็นอะไรวะเอส เอาแต่จ้องมองหนูมินอนดูดนมตาไม่กะพริบ” โยธิน อัศวเมฆาโชติหรือเฮียโยของน้อง ๆ เอ่ยถามน้องชายที่รัก

‘เอส’ เป็นชื่อเล่นของอัสนีที่มีชื่อเล่นยาว ๆ ว่าเอสเปรสโซ่ เป็นชื่อที่ได้มาจากการพบรักของบิดามารดาที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง โดยทั้งสองชอบดื่มกาแฟเหมือนกัน

“น้าลินให้เฝ้าน้องเอาไว้ครับเฮีย” อัสนีตอบโยธิน ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ข้างบ้านวัยสิบเจ็ดปี ขณะเอ่ยตอบ สายตาของเขาก็ไม่ได้ละห่างไปจากน้องน้อยเลยแม้แต่น้อย

“หนูมิว่าที่เมียแกในอนาคตนี่หน้าตาน่ารัก โตขึ้นคงสวยน่าดู หนุ่ม ๆ น่าจะกันติดตรึม หัวกระไดบ้านแทบไม่แห้ง” โยธินพูดด้วยรอยยิ้ม มิรินนั้นถือว่าเป็นญาติผู้น้องของเขา เขาเอ็นดูมิรินอยู่มาก แต่ไม่ชอบเลี้ยงเด็กเท่าใดนัก เวลาเด็กน้อยร้องไห้โยเยหรือกวนเขาก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เด็กเงียบเสียงลง อุ้มก็แล้ว กอดก็แล้ว ชวนเล่นก็แล้ว แต่ยังร้องไห้ไม่หยุด โยธินจึงขยาดกับการเลี้ยงเด็กพอสมควร

ในขณะที่พี่ ๆ สนทนากันไปมา มิรินที่กำลังคาบจุกนมอยู่มองพี่ ๆ ตาปริบ ๆ พายุ นรากรเกริกเกียรติที่เพิ่งเดินมาสมทบ อยู่ในวัยสิบสามปี ชะโงกหน้าไปมองน้องน้อยในเปล แต่โดนอัสนีดึงเอาไว้ให้ออกไปห่าง ๆ

“ไอ้พันแกไปเล่นซนมาเหงื่อเต็มตัว อย่าเข้าไปใกล้น้อง เดี๋ยวเหงื่อเค็ม ๆ ของแกก็หยดใส่ปากน้องหรอก” อัสนีทำเสียงดุใส่

“น้องของเฮียตัวหอม ผมอยากดม” ที่พายุเรียก “น้องของเฮีย” เพราะใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าโตขึ้นอัสนีต้องแต่งงานกับมิริน อาจเพราะบิดามารดาทำธุรกิจร่วมกันเลยอยากให้ลูก ๆ ได้แต่งงานกัน เข้าตำรา ‘เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหนเสีย’ พายุทำจมูกฟุดฟิดเพราะน้องน้อยตัวหอม จนทำให้เขาอยากจะเข้าไปหอมแก้มใส ๆ ของเด็กน้อยสักฟอดสองฟอด

“ไม่ให้ดม ไม่ให้หอม ถอยไปไกล ๆ เลย” คนขี้หวงทำสายตาดุวับ ดึงคอเสื้ออีกฝ่ายออกห่างในทันที

“ไอ้เอสมันหวงว่าที่เมียของมัน ถ้าแกอยากดมอยากหอมต้องทำตอนมันเผลอ” โยธินพูดแล้วหัวเราะเสียงดัง จึงได้รับสายตาไม่ค่อยพอใจนักของอัสนีตอบกลับมา

“เฮียล้อเล่น แกนี่ทำหน้าจริงจังเกินเหตุ”

“น้องยังพูดไม่ได้เหรอเฮีย” พายุเอ่ยถาม นั่งขัดสมาธิล้อมวงนั่งมองดูน้องน้อยนอนดูดนมตาแป๋วแหวว พายุสังเกตมาหลายวันแล้ว มิรินเอาแต่กินกับนอน พอตื่นขึ้นมาก็ยิ้ม ใครก็บอกว่าเป็นเด็กอารมณ์ดี พาไปอาบน้ำประแป้งหน้าขาวแล้วก็พามานอนต่ออีก

ฝากคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ 

1 คอมเม้นต์เท่ากับ 1 ล้านกำลังใจสำหรับคนเขียนนะคะ 

เรื่องนี้เขียนจบแล้วนะคะ อยู่ในขั้นตอนการรีไรต์ และจะทยอยอัพเรื่อยๆ นะคะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel