บทที่ 8
"ตกลงค่ะ ญาดาจะทำตามที่คุณป้าต้องการ" ยังดีที่ชีวิตของเธอยังมีค่าช่วยบุพการีได้ ถึงแม้ว่าชีวิตนี้จะหาความสุขใส่ตัวเองไม่ได้เลย และอนาคตข้างหน้าก็คงจะไม่มี แต่ยังไงก็ขอให้ช่วยพ่อไม่ให้ท่านต้องได้ไปอยู่ในห้องขังในวัยนี้
"แม่ดีใจที่หนูตัดสินใจแบบนี้ และอีกอย่างต่อจากนี้ไปหนูต้องเรียกแม่ว่าแม่ได้แล้วนะ" พิมพ์ประไพเชื่อใจพิมพ์ญาดาว่าสามารถที่จะเอาลูกชายคนเล็กของนางอยู่หมัดแน่
..หลายวันผ่านไป...
ตอนนี้เรื่องทุกอย่างก็ได้จบลงเป็นที่เรียบร้อย และมันก็ถึงเวลา ที่เธอต้องทดแทนบุญคุณของท่านตามที่สัญญาไว้
"เธอมาทำอะไรที่นี่" เย็นวันนั้นชมพู่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้ที่หน้าบ้าน เธอทำแบบนี้เป็นประจำ เพื่อมายืนรอสุขายะ มันอาจทำให้ชมพู่รอเก้อบ้าง เพราะบางวันเขาก็ไม่ได้กลับบ้าน และยิ่งช่วงนี้ไม่กลับมาสามวันแล้ว
"สวัสดีค่ะพี่สะใภ้ ฉันคงไม่ได้แนะนำตัวอีกใช่ไหม หรือต้องได้แนะนำ..เอาเป็นว่า..แนะนำดีกว่าจะได้เป็นทางการหน่อย ฉันชื่อพิมพ์ญาดาค่ะ ส่วนสถานะในบ้านก็อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่" หญิงสาวไม่เคยทำนิสัยแบบนี้กับใครมาก่อน ที่เธอต้องทำแบบนี้เพราะเธอกำลังสวมอีกบทบาทหนึ่งของชีวิต
"และฉันก็จะมาอยู่ในบ้านหลังนี้นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" จบคำพูดหญิงสาวก็เปิดกระโปรงหลังรถของตัวเอง เพื่อหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่เธอเตรียมไว้ออกมา
กรี๊ดดดดด!! ชมพู่ได้แต่กัดปากกัดฟันกรีดร้องในใจ แต่ใบหน้าของเธอยิ้มให้กับผู้หญิงที่เพิ่งแนะนำตัวไปเมื่อกี้ เพราะเธอเป็นคนที่เก็บอารมณ์ได้เก่งมาก
"มาถึงแล้วเหรอลูก" พิมพ์ประไพรีบเดินออกมาต้อนรับลูกสะใภ้คนเล็ก
"สวัสดีค่ะคุณแม่" พิมพ์ญาดากล่าวสวัสดี แต่เธอไม่ได้ยกมือไหว้ หญิงสาวเดินไปกอดท่านแทนการไหว้ มันยิ่งทำให้ชมพู่ไม่ชอบใจหนักขึ้น
"เจ้าเด็กคนนี้น่ารักตลอดเลยนะ ยินดีต้อนรับจ้า เข้าบ้านกันดีกว่า" ก่อนที่จะไปพิมพ์ประไพไม่ลืมหันมาชวนชมพู่ ให้ไปทานข้าวเย็นที่บ้านด้วย
ที่จริงนางเปิดใจให้ชมพู่ร้อยเปอร์เซ็นต์ และชมพู่ก็ไม่เคยทำอะไรให้นางสงสัยเลย ที่พิมพ์ประไพอยากจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ก็เพราะลูกชายทั้งสอง ท่านกลัวว่ามันจะเป็นเสี้ยนหนามทิ่มแทงใจกันแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า
"แล้วเขาล่ะคะ" หญิงสาวมองหาผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
"ไม่กลับบ้านมาสามวันแล้ว แม่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง บริษัทก็ไม่เข้าบ้านก็ไม่กลับ บังคับไปยิ่งไม่กลับใหญ่" พิมพ์ประไพทำทุกวิถีทางแล้ว ขู่ว่าจะเอาหุ้นบริษัทคืนก็ขู่มาแล้ว แต่ลูกชายไม่สนใจ จะเอาคืนก็เอาคืนไป
พิมพ์ญาดาสอบถามรายละเอียดการใช้ชีวิตของเขา..ก็ได้ความว่า.. สุขายะเปิดบาร์เหล้าอยู่กับเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ชื่อเอกมัย และพิมพ์ประไพไม่ลืมที่จะเล่าเรื่องผู้หญิงที่กำลังคบหาดูใจกับลูกชายอยู่ในตอนนี้นั้นก็คือวาวา ให้พิมพ์ญาดาได้รู้ไว้ล่วงหน้า เพราะถ้ารู้ทีหลังกลัวว่าเธอจะเสียความรู้สึก
หึ..เราต้องรับศึกสองด้านเหรอเนี่ย แต่ไม่เป็นไรเธอเก่งอยู่แล้วพิมพ์ญาดา..ใช่ไหมเธอเก่งใช่ไหม..สู้เว้ย!! หญิงสาวได้แต่ปลอบใจตัวเอง
สองชั่วโมงผ่านไป.. ที่บาร์
"วันนี้มึงจะนอนที่ร้านอีกหรือไงวะ"
"ทำไม"
"เปล่าหรอกก็แม่มึงน่ะสิโทรมาถามข่าวได้ทุกวี่ทุกวัน และให้กูบังคับมึงกลับบ้านบ้าง เดี๋ยววันนี้ก็จะโทรมาอีกแหละกูว่า"
"เรื่องของมึง" จบคำพูดสุขายะก็ยกเหล้าขึ้นดื่ม พอเขาอมเหล้าไว้ในปากแล้วชายหนุ่มก็คว้าร่างผู้หญิงที่เขากำลังกอดอยู่ในตอนนี้ให้หันกลับมาประกบปากเพื่อป้อนเหล้าผ่านทางช่องปากของตัวเองให้เธอได้ดื่มด้วย
"มึงจะทำอะไรก็เกรงใจกูหน่อยนะ ไม่เห็นหรือไงว่ากูนั่งอยู่ตรงนี้"
"อร่อยไหมจ๊ะ" เขาไม่ได้สนใจเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหน้าเลย
"เอาอีกค่ะ"
"ฮ่า ฮ่า กูชอบแบบนี้ว่ะ" ผู้หญิงคนนี้ก็คือวาวาคนที่เขาพาไปที่บ้านวันนั้น
"เอาที่มึงสบายใจเลยเพื่อน กูไปดีกว่า" เอกมัยรีบปลีกตัวออกมาจากตรงนั้น
พอเพื่อนเดินไปแล้วสุขายะก็ทำเหมือนเดิมกระดกเหล้าเข้าปากไว้แล้วกดท้ายทอยของวาวาให้มาประกบปาก แต่จังหวะนั้นได้มีใครบางคนเดินมาทิ้งก้นลงนั่งเก้าอี้ด้านหน้าตรงที่เพื่อนเขาเพิ่งลุกไป
เอื้อก!! เหล้ายังไม่ทันเข้าปากวาวา แต่เขาก็กลืนลงคอตัวเองไปก่อนเพราะผู้หญิงที่มาใหม่
"ใครคะ" คนที่ถามขึ้นก็คือวาวา เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อน
แต่สุขายะจำเธอได้แม่นเลย ถึงแม้ว่าเธอจะแปลงโฉม แต่งตัวสุดเซ็กซี่ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยสีสันจนเกือบจำไม่ได้ก็เถอะ
"เก่งนี่" สุขายะคิดว่าเธอจะเข็ดหลาบไม่กล้าเสนอหน้ามาอีกแล้ว แต่เขาคิดผิด เขาต้องอ่านเกมเธอใหม่ซะแล้ว
"สนุกพอหรือยังคะ คุณออกมาจากบ้านหลายวันแล้ว จนทำให้เมียต้องได้มาตามกลับแบบนี้มันใช่เหรอ"
"เมีย??" มันคือเสียงวาวาอีกนั่นแหละ เธอรีบหันไปดูหน้าผู้ชายที่กอดเธออยู่ในตอนนี้ "ที่ผู้หญิงคนนี้พูดมาหมายความว่ายังไงคะ"
"เธอเอาอะไรมาพูด" สุขายะยังไม่อธิบายกับวาวา แต่เขาหันไปพูดกับพิมพ์ญาดาก่อน
"ก็วันนั้นคุณยังแนะนำฉันต่อหน้าครอบครัวของคุณอยู่เลย คุณจำไม่ได้เหรอคะ แถมคุณยังจูบฉันต่อหน้า..ไม่สิ..ไม่ใช่แค่จูบแต่ยังทำ...."
"หน้าด้าน" เธอยังพูดไม่จบประโยคเลยด้วยซ้ำชายหนุ่มก็เอ่ยปากขึ้นก่อน
"คุณอย่าชมฉันแบบนี้ต่อหน้าผู้หญิงคนอื่นสิคะ.. ฉันว่าได้เวลากลับบ้านแล้วล่ะ"
"ที่ผู้หญิงคนนี้พูดมาเป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ" วาวาลุกขึ้นโวยวายเธอคิดว่าเธอเป็นเจ้าของเขาเพียงผู้เดียว ถึงแม้ว่าครอบครัวเขาจะไม่ยอมรับ แค่ตัวเขายอมรับก็ถือว่าเธอชนะแล้ว
"นั่งลงก่อนสิจ๊ะ คุณไม่ต้องโวยวายหรอกเพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาผมเลย" สุขายะคว้าตัวของวาวาลงมากอดไว้เหมือนเดิม แต่สายตาชายหนุ่มมองจ้องมาดูผู้หญิงที่นั่งอยู่อีกฝั่ง
สิ่งที่เขาทำทุกอย่างมันไม่ได้สะเทือนใจเธอเลยเพราะพิมพ์ญาดาก็ไม่คิดว่าจะมีความรู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนี้อยู่แล้ว เพราะเขาไม่คู่ควรกับความรู้สึกนั้นเลยสักนิด แต่ตอนนี้หญิงสาวต้องพาเขากลับบ้านให้ได้ก่อน
"คุณไม่กลับก็เรื่องของคุณแล้วกัน แต่พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานที่บริษัทของคุณลุง..ไม่สิ..ต้องเรียกว่าบริษัทของคุณพ่อได้แล้ว เรื่องหุ้นถ้าคุณไม่สนใจ..ถ้างั้นฉันขอนะในฐานะภรรยา" หญิงสาวยันกายลุกขึ้นทันทีที่จบคำพูด
"แล้วเธอมาเกี่ยวอะไรกับหุ้นในบริษัทของฉันด้วย"
"จะไม่เกี่ยวได้ยังไงคุณลืมไปแล้วเหรอฉันอยู่ในฐานะอะไร.. ถึงแม้ฉันจะยังไม่มีใบทะเบียนสมรสแต่คุณอย่าลืมนะว่าพ่อกับแม่ของคุณท่านยอมรับฉันแล้ว แค่ท่านเซ็นอนุมัติ ก็ถือว่าฉัน..." พิมพ์ญาดาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นี้..แล้วเธอก็เดินออกมาจากบาร์เหล้าแห่งนั้น
ผู้หญิงคนนี้เก่งเกินไปแล้ว แต่แค่นี้เหรอจะเอาไอ้ยะอยู่..ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วเดินตามเธอออกมาทันที
"อุ๊ย! คุณ!!" หญิงสาวตกใจอยู่ดี ๆ ก็มีใครบางคนจับเธอพิงเข้ากับประตูรถที่กำลังจะเปิด
"ถ้าเธอคิดว่าจะรับไอ้ยะ 9 นิ้วไหว..ก็มาลองดูกันสักตั้ง" ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาพูดใกล้ริมฝีปากของหญิงสาว พอจบคำพูดสุขายะก็ดูดริมฝีปากอวบอิ่มนั้นทันที
พิมพ์ญาดาไม่ได้ต่อสู้..เธอปล่อยให้เขาจูบอยู่แบบนั้น ในเมื่อเขาไม่อายเธอก็ไม่อายเหมือนกัน
และมันยิ่งทำให้เขามองเธอต่ำลงไปอีก ผู้หญิงคนอื่นถูกจูบแบบนี้พวกเธอยังเอียงอาย แต่กับผู้หญิงคนนี้ตอบสนองเขากลับเฉย
"จะจูบต่ออีกไหมคะ ถ้าไม่จูบก็กลับบ้านกัน" ถึงแม้ใบหน้าของเธอจะระรื่น เหมือนไม่สะทกสะท้านอะไร แต่จิตใจของหญิงสาวมันเหลือที่จะอดแล้ว
"ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกมนี้ใครจะเป็นคนชนะ เธอจะทนได้สักกี่น้ำเชียว"
"ฉันไม่เคยแพ้ใคร"
"ดี!! เธอเตรียมรับความพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตของเธอได้เลย พิมพ์ญาดา"
ดวงตาทั้งสองสบกันแบบไม่ลดละ เหมือนกับพวกเขาทั้งคู่กำลังต่อสู้กัน แต่การเดิมพันในครั้งนี้มันสูงมาก โดยมีชีวิตของอีกฝ่ายเป็นเดิมพัน เพราะถ้าใครมีใจให้อีกฝ่ายก่อน นั่นมันคือการพ่ายแพ้แบบย่อยยับ