บทที่ 2
...วันต่อมา...
วันนี้คือวันนัดที่พิมพ์ประไพชวนพิมพ์ญาดามาทานข้าวที่บ้าน และพิมพ์ญาดาก็ได้มาตามนัด แต่พ่อของเธอไม่ว่างหญิงสาวก็เลยได้ขับรถมาคนเดียว ซึ่งบ้านหลังนี้เธอก็เคยมาแต่ก็ไม่เคยเจอผู้ชายคนนั้นสักที
"ไอ้เด็กคนนี้เหลวไหลเข้าไปทุกที แม่บอกให้รีบกลับบ้านแต่หัววัน ดูสิป่านนี้ยังไม่กลับบ้านเลย" พิมพ์ประไพนั่งคุยเล่นอยู่กับพิมพ์ญาดาที่หน้าบ้าน 2 ชั่วโมงก็แล้ว 3 ชั่วโมงก็แล้ว ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยังไม่เสด็จกลับมาเลย
"เขาคงจะติดธุระมั้งคะ" หญิงสาวคิดว่าไม่เจอหน้าก็ดีเหมือนกัน ไม่เห็นอยากจะเจอหน้าเลย
"เอาแบบนี้ไหม..หนูญาดาค้างกับแม่ที่นี่เลยดีกว่า" เพราะตอนนี้ก็มืดค่ำมากแล้ว พิมพ์ประไพไม่รอทานข้าวเย็นกับลูกชายเลยด้วยซ้ำ นางชวนพิมพ์ญาดาทานข้าวไปก่อนหน้านั้นแล้ว
"ไม่ดีกว่าค่ะคุณป้า"
"หนูสัญญากับแม่ไว้แล้วนะ ถ้าแต่งงานหนูจะเรียกแม่ว่าแม่" นางเคยคะยั้นคะยอให้พิมพ์ญาดาเรียกนางว่าแม่ เพราะนางอยากจะมีลูกสาวที่น่ารักแบบนี้สักคน แต่พิมพ์ญาดาไม่สะดวกใจที่จะเรียก
ที่จริงเธอไม่สะดวกใจเรียกใครว่าแม่ทั้งนั้นเพราะแม่ของเธอมีแค่คนเดียว หญิงสาวอยากจะเก็บคำว่าแม่ไว้เรียกท่านแค่เพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ตาม
...วันต่อมา...
"หึ!! ไปเมาหัวลาน้ำมาอีกแล้วใช่ไหม บ้านช่องไม่รู้จักกลับ" พอเห็นลูกชาย หมดสภาพเดินเข้ามาในบ้านแม่ก็เริ่มโวยวาย
"แล้วนี่แกจะเข้าไปทำงานเมื่อไหร่" พ่อวางหนังสือพิมพ์ลง แล้วหันมาพูดกับลูกชายบ้าง
"แล้วพ่อให้ผมทำตำแหน่งอะไรล่ะ"
"ก็อย่างที่พ่อเคยพูดไว้"
"ผมขอคิดดูก่อนแล้วกัน" ชายหนุ่มเดินหัวเสียขึ้นบ้าน ถ้าให้เขาไปรับตำแหน่งที่ต่ำกว่าพี่ชาย แบบต่ำกว่ามาก เขาก็ไม่ยอมอยู่ดี..ใช่แล้วเขามีพี่ชายอยู่หนึ่งคนและพี่น้องคู่นี้ก็ไม่ลงรอยกันเอาซะเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกพ่อแม่เดียวกันก็เถอะ แต่พี่ชายของเขาแต่งงานออกเรือนไปแล้ว จะว่าออกเรือนก็ไม่เชิง เพราะแค่แยกบ้านไปอยู่อีกหลัง แต่ก็ปลูกอยู่ในเนื้อที่เดียวกัน
"แม่ว่าลูกน่าจะ ลืมเรื่องนั้นไปได้แล้วนะยะ" พิมพ์ประไพรีบเดินตามหลังลูกชายมาเพื่อจะขอร้องให้ลูกชายลืมเรื่องในอดีตไปซะ
"ผมไม่ลืมครับแม่" จบคำพูดชายหนุ่มก็เดินกลับลงมา ในสภาพที่ดูไม่ได้เหมือนเดิมนั่นแหละ เขาเดินเตะดินเตะหญ้าไปทั่วบริเวณหน้าบ้าน เพื่อระบายความโกรธที่เคยมีกับพี่ชายแต่ทำอะไรไม่ได้
ตุ๊บ!!
"โอ้ย..ใครวะ!!" เสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วทันใดนั้นเธอก็เอามือกุมหน้าผากไว้ เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มเตะเมื่อกี้มันโดนเข้าที่หน้าผากเธออย่างแรง
"เตะมาได้ยังไง ไม่เห็นหรือไงว่าคนเดินมา"
"เธอเป็นใคร บ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้"
"อ้าวทำไมพูดหมา ๆ แบบนี้"
"ปากดี! รู้เงี้ยเล็งที่ปากดีกว่า" คนกำลังหัวเสียแล้วยังมาเจอผู้หญิงปากเสียแบบนี้อีก ก็เลยควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ไปกันใหญ่
"เดี๋ยวนะ..คุณบอกว่าคุณเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้..เหรอ? อย่าบอกนะว่าคุณเป็นลูกชายของคุณป้าพิมพ์" เวรกรรมอะไรของเธอญาดา ดูสภาพสิสงสัยคงจะไม่ชอบอาบน้ำด้วยเยินขนาดนั้น ตอนนี้พิมพ์ญาดาพอจะเดาได้แล้วว่าผู้ชายคนนี้คงจะเป็นลูกชายคนเล็กของคุณป้าแน่ เพราะลูกชายคนโตเป็นถึงรองประธานคงไม่ทำตัวซกมกแบบนี้
"อ้าวหนูญาดา" พิมพ์ประไพได้ยินเสียงก็เลยเดินออกมาดู
"สวัสดีค่ะคุณป้า พอดีเมื่อวานนี้ญาดาลืมเอาโทรศัพท์..."
พิมพ์ญาดายังพูดไม่จบประโยค ก็ถูกหมาในปากของผู้ชายที่ทะเลาะกับเธอเมื่อกี้วิ่งออกมากัดสะก่อน
"เฮ๊อะ!! เธอเนี่ยเหรอคือผู้หญิงคนนั้น ถึงว่า..หาผัวไม่ได้"
"เอ้าา..ไอ้ปากหมา..อุ๊ย!! ขออภัยค่ะคุณป้า" หญิงสาวลืมไปว่าแม่ของเขาก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
"ไม่เป็นไรจ้า" พิมพ์ประไพได้แต่ยิ้ม เพราะนางไม่เคยเห็นพิมพ์ญาดาว่าใครแบบนี้สักที
"หนูมาก็ดีแล้ว แม่ขอแนะนำให้รู้จักกับลูกชายคนเล็กของแม่เลยนะ..ตาสุขายะ"
"อึบ! อึ๊บ!!" แทนที่เธอจะทักทายเขาแบบเป็นทางการ แต่ตอนนี้เธอกำลังกลั้นขำไว้อย่างหนัก
"เธอเป็นอะไร" ชายหนุ่มไม่ชอบท่าทางที่เธอทำ..เมื่อได้ยินชื่อเขา
"ปะ..เปล่าา"
"แล้วนี่ก็หนูพิมพ์ญาดา คนที่แม่เล่าให้ฟัง" พอพิมพ์ประไพแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกันแล้วนางก็รีบชิ่งออกมาจากตรงนั้น อยากจะให้พวกเขาทำความรู้จักกันเอง
"ไหนบอกว่าแค่มาเอาของไง รีบเข้าไปเอาสิ"
"เดี๋ยวฉันเข้าไปเอาค่ะขอบคุณนะคะที่เตือน...คุณสุขา" จบคำพูดหญิงสาวรีบเดินเข้าไปในบ้าน
"สุขายะโว้ยย!!"