บทที่ 2
ม้าสีน้ำตาลแกมทองตัวหนึ่งกำลังเลื่อนร่างเข้ามาทางที่สองพ่อลูกยืนอยู่ แผงคอและหางกระพือราวปุยฝ้าย จากหน้าผากลงมาจรดจมูกคือรอยด่างสีขาว ข้อเท้าทั้งสี่ข้างก็เป็นสีขาวราวสวมถุงเท้าไว้ รอยยิ้มบนใบหน้าของดานี่เครียดมาทันที เมื่อจำได้ว่าเป็นม้าจากคอก โคโรเนท ฟาร์ม ชื่ออีซี่ โดซิท เธอยกมือขึ้นทำท่าโค้งคำนับแบบผู้ชายให้กับจ๊อคกี้ที่ขี่ม้าอยู่ชื่อ จมมี่ เกรฟส์ แต่ตวัดสายตาเย็นชามองไปทางผู้ชายคนที่กำลังเดินเรื่อยๆ อยู่ข้างม้าตัวนั้น ผู้ชายคนที่มีลักษณะบอกให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า เขาไม่เคยรู้สึกไม่มั่นใจในอะไรเลยมาตลอดชีวิต
“เฮลโล ลิว” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยทักพ่อของเธอ “เดอะ โร้ค มันเป็นไงบ้างล่ะวันนี้?”
“บาร์เรทท์” พ่อของเธอยิ้มกว้างอย่างเปี่ยมไปด้วยความยินดี ซึ่งตรงข้ามกับท่าทางของลูกสาวโดยสิ้นเชิง “แข็งแรงดีทุกกระเบียดนิ้วเลย”
“รับรองว่ามันเอาชนะม้าตัวที่เหมือนดาราหนังของคุณได้ก็แล้วกัน” ดานี่เสริมขึ้นอย่างไม่ยอมปิดบังสำเนียงเยาะในน้ำเสียงไว้เลย
“อ้อ...สวัสดี หนู” ดวงตาสีเขียวเข้มชาเย็นเหลือบมองมาทางเธออย่างไม่สนใจ “ยังงอนอยู่เหมือนเดิมนะ”
เธอเกือบจะคิดว่าเขาจะเอื้อมมือมาขยี้หัวเสียด้วยซ้ำ เรือนผมที่ตัดสั้นจนเกือบจะเหมือนเด็กผู้ชาย ทำให้สาวน้อยดูแก่เกินวัย เธอยังคงจ้องหน้าเขาอย่างไม่ใคร่พอใจในคำทักทาย แต่บาร์เรทท์ คิง หมดความสนใจในตัวเธอเสียแล้ว
“คุณเอาม้าออกมาฝึกซ้อมหรือลิว หรือว่าแค่วอร์มมัน?” สายตาที่เขามองไปทางเจ้าเดอะ โร้ค เต็มไปด้วยความพึงใจอย่างเห็นได้ชัด
แววแห่งความปราโมทย์จุดประกายขึ้นในดวงตาของดานี่ เธอพอจะเดาออกว่าบาร์เรทท์ คิงมีความอิจฉามากเพียงใดที่ม้าตัวซึ่งเขาพยายามที่จะขอซื้อมานับเป็นปีตกอยู่ในความครอบครองของเธอกับพ่อ และในที่สุด เมื่อวันนี้มาถึง ลิว วิลเลียมส์ก็ได้พูดอย่างเต็มปากแล้วว่าเขาไม่เคยคิดจะขายมันอีก ทั้งๆ ที่เขาต้องผจญกับค่าอาหารที่ซื้อมาเพื่อเลี้ยงดูมัน ต้องเสียค่ารักษาคอก ค่านำเข้าและอื่นๆ มาตลอดเวลา 4 เดือนเต็ม โดยที่ม้าทุกตัวซึ่งส่งเข้าแข่งไม่ได้รับชัยชนะเลย ถึง 2 ครั้งที่เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นเพื่อจะยอมรับข้อมเสนอของคิง แต่ดานี่ก็พูดให้พ่อเปลี่ยนใจได้ทั้ง 2 ครั้ง และในที่สุด แม่ม้าแข่งตัวที่ชื่อ ไรด์ดิ้ง ไฮท์ ก็ได้รับชัยชนะในการแข่งขันครั้งล่าสุด แม้จะมาเป็นที่สอง แต่พ่อก็ได้เงินมาก้อนใหญ่ซึ่งทำให้ข้อเสนอนั้นถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
ใช่สิ.....ดานี่ออกจะลำพองใจอยู่เพราะรู้อยู่ว่าพ่อกับเธอมีม้าชั้นเลิศ ที่แม้จะเอาเงินทั้งหมดที่บาร์เรทท์มีอยู่มากองก็ไม่อาจจะซื้อได้ อันที่จริง ตระกูล คิงนั้น เป็นตระกูลเก่าแก่ที่ตั้งรกรากอยู่ในรัฐเคนทัคกี้แห่งนี้มีเงินมีทองมากมาย และมีธุรกิจเกี่ยวข้องอยู่กับเรื่องมาแข่งมาโดยตลอด แต่ม้าที่พ่อกับเธอมีอยู่เป็นม้าที่ดีที่สุด แม้ว่าลูกม้าทั้งตัวเมียและตัวผู้ที่คิงมีอยู่จะมาจากพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่หายากมากก็ตาม มันเป็นความสุขอย่างหาอะไรเปรียบมิได้ที่จะได้เห็นบาร์เรทท์ คิง มองม้าของเธอด้วยความพอใจ
“ผมก็ตั้งใจไว้ว่าวันนี้จะปล่อยให้มันลองวิ่งแข่งดู” เสียงพ่อของเธอพูดขึ้น “ไอ้เจ้าเดอะ โร้คตัวนี้ ลองมีคู่แข่งเข้าละก็เป็นวิ่งแหลกเลย หรือคุณคิดว่าไง? ลองเอาอีซี่ โดซิทลงแข่งกับมันดูไหมล่ะ?”
“ซิมม์เขาเป็นคนฝึกซ้อมมันอยู่นี่” คิงยักไหล่ เบือนหน้าไปยิ้มให้กับผู้ชายคนที่จับบังเหียนม้าตัวของเขาไว้ “ว่าไง จะให้มันออกวิ่งตัวเดียวหรือจะให้แข่งกับเดอะ โร้คมันล่ะ?”
“แต่ถ้าคุณคิดว่าเดอะ โร้คน่ะ ฝีเท้ามันจัดกว่าของคุณละก็” ดานี่พูดเสียงอ่อนหวาน “เราก็เข้าใจนะคะ”
“แดเนียล” เสียงพ่อคำรามใกล้หู ก็ออกจะโชคดีอยู่ที่เธอได้ยินเขาเรียกชื่ออย่างฉุนโกรธเพียงคนเดียว แต่ประโยคที่เธอพูดออกไปนั้นทำให้บาร์เรทท์ คิง ถึงกับหันหน้ามามองและที่ทำให้เธอเคืองขึ้นมาก็คือ ดูเหมือนคำพูดประโยคนั้นจะทำให้เขารู้สึกขบขันมากกว่าโกรธ
“รับรองน่าว่าถ้าลองแข่งกันดูละก็ม้าตัวของผมต้องนำคุณแน่” คนฝึกม้าที่ชื่อซิมม์พูดปนหัวเราะ
“ก็เห็นจะต้องลองดูกันหน่อยละว่าตัวไหนจะเป็นตัวนำกันแน่” ดานี่พูดอย่างประชดๆ สะบัดหน้าไปเสียทางหนึ่ง พร้อมกับซุกมือลงในกระเป๋ากางเกงอย่างท้าทาย
และความโมโหนั้นก็ยังเป็นพลังผลักดันลงไปถึงขาอีกด้วย เธอเดินตุปัดตุป่องไปยังสแตนด์ โดยมีพ่อกับบาร์เรทท์ คิง เดินตามมาช้าๆ เธอจับตามองท่าทางของบุรุษทั้งสองอยู่ นึกโกรธพ่ออยู่ในใจที่ไปทำดีกับคนอย่างนี้ได้ง่ายๆ อาจจะเห็นว่าเพราะเขามีเงินละกระมัง
นับแต่วันแรกที่เธอได้พบกับบาร์เรทท์ คิง เมื่อ 5 ปีก่อนดานี่ก็ไม่ชอบหน้าคนคนนี้เสียแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนได้เห็นศัตรูทีเดียว คนส่วนใหญ่อาจจะมิได้มองลึกลงไปในรอยยิ้มที่อาบเสน่ห์ และหน้าตาหล่อเหลาของเขา แต่ดานี่รู้และได้ทำมาแล้วด้วย และขณะนี้เธอก็ยังพินิจพิจารณาผู้ชายคนนี้ซึ่งเดินเคียงข้างผู้ชายรูปร่างล่ำสันค่อนข้างเตี้ยที่เป็นพ่อของเธอเองอีกด้วย
บาร์เรทท์ คิง เป็นคนรูปร่างสูงกว่า 6 ฟุตและสามารถทำให้ผู้คนที่ยืนรวมกันอยู่รอบๆ ทางวิ่งกลายเป็นคนแคระไปได้อย่างมหัศจรรย์ อกผายไหล่ผึ่ง เอวคอด สมสัดส่วนของชายชาตรีทุกประการ
สองข้างริมฝีปากคือรอยย่นลึก เป็นลักยิ้มแบบผู้ชายโดยแท้ รอยยิ้มกว้างที่ปรากฏอยู่ตรงมุมปากอยู่เสมอ ทำให้สันกรามและกรโดงคางที่บ่งบอกถึงความเป็นคนใจแข็งคลายลงได้มาก บนใบหน้าคมสันแต่เฉยเมยนั้นประกอบด้วยดวงตารูปยาวรีซึ่งเป็นสีเขียวคมปลาบอยู่เสมอ แต่กระนั้น ในดวงตาที่เกือบจะชาเย็นก็มักจะจุดประกายหัวเราะเยาะอยู่ในส่วนลึกเสมอ แต่ดานี่บอกตัวเองว่าจะไม่มีวันยอมหลงใหลในสายตาคู่นั้นเป็นอันขาด เพราะมันจะเปลี่ยนเป็นดวงตาของปีศาจร้ายขึ้นมาเมื่อใดก็ได้ถ้าถึงโอกาส และประการพิเศษก็คือ บาร์เรทท์ คิง พร้อมที่จะสำแดงความอำมหิตออกมาด้วยถ้าเขาต้องการจะแสดง
เรือนผมที่ปกคลุมศีรษะค่อนข้างหนาเป็นสีน้ำตาลแกมทอง ซึ่งบัดนี้ แสงตะวันในยามเช้าทำให้สีผมนั้นจางลงและเป็นประกายมากขึ้น เขาอยู่ในชุดกางเกงขี่ม้าสีเขียวเข้มเดินเส้นด้วยสีครีมแกมเหลืองซึ่งเข้ากันกับเสื้อเชิ้ตตัวในซึ่งแบะคอออก และเช่นที่เคยเป็นมาที่การแต่งกายของเขามักจะเป็นที่สะดุดตาเสมอ พ่อของเธอมักจะเอ่ยว่า เขาเป็นผู้ชายที่มีความเป็นผู้ชายอย่างแท้จริง แต่ดานี่มีความเห็นว่า เขาน่าจะเป็นกะเทยมากกว่า ซึ่งความคิดเห็นนั้นอาจจะหมายเลยไปถึงพวกผู้หญิงที่มักจะแห่ล้อมกันอยู่รอบกายเขาเสมอก็เป็นได้
ในวัยเพียง 19 ดานี่เป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระที่สุดและมักจะเข้าใจถึงความเป็นไปในโลกด้วย การเป็นเช่นนี้มิได้เกิดจากประสบการณ์อย่างแน่นอน แต่เป็นเพราะเธอต้องใช้ชีวิตอย่างเด็กที่ถูกละทิ้งมามาก และดูเหมือนจะรู้จักกับสนามแข่งม้ามาตั้งแต่ลืมตาขึ้นดูโลกก็ว่าได้ ในระยะ 5 ปีแรกนั้นไม่ว่าแม่จะไปไหนเธอก็จะตามไปด้วย แม่คือผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อมาถึงวันนี้เธอก็เกือบจะจำไม่ได้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แม่รังเกียจชีวิตที่ต้องขึ้นอยู่กับม้า ซึ่งหาอนาคตมิได้และในที่สุดก็ทอดทิ้งทั้งสามีและลูกไป ดานี่อุได้ 12 ปีแล้ว ตอนที่ได้ข่าวว่าแม่ต้องเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุรถชนกันก่อนหน้านั้นประมาณ 2-3 เดือน พ่อโศกสลดอยู่เงียบๆ แต่ดานี่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย และมันเป็นความจริงที่สร้างความละอายใจให้กับเธอมาจนทุกวันนี้
ใบหน้าของเธอขมวดมุ่นอยู่ด้วยความคิด เธอรักการแข่งม้าอย่างเป็นชีวิตจิตใจ ไม่สนใจในความมั่นคงของชีวิตเช่นที่แม่เคยพะวงหา ฐานะของเธอกับบาร์เรทท์ คิงนั้นเทียบกันไม่ได้เลย ดานี่คิดอย่างขึ้นโกรธ เพราะเธอต้องใช้ชีวิตอยู่หลังรถบรรทุกมาตลอด แต่มันก็เป็นชีวิตในแบบที่เธอรักจะเป็น