บทที่ 1
หญิงสาวที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางสวนร่มรื่นในบริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่ กำลังรวบรวมสมาธิพลางใช้มือเล็กจับด้ามของดาบสีเงินมันวาวแน่น และตวัดมันไปมากลางอากาศอย่างคล่องแคล่ว หลังจากที่เธอได้รับการฝึกฝนมาเนิ่นนานหลายปีจากคนของตระกูลซากุยากิ ในฐานะบุตรสาวบุญธรรมของท่านผู้นำตระกูล
“คุณไอริคะ ท่านผู้นำเรียกพบค่ะ”
คนตัวเล็กหยุดมือที่กำลังกวัดแกว่งดาบไปมา แล้วหันไปถามเจ้าของเสียงด้วยความสงสัย
“พ่อกับพี่โฮชิกลับมาแล้วหรอ ?”
“ค่ะ พึ่งกลับมาถึงเมื่อกี้ค่ะ”
“แปลก…” เธอพึมพำเสียงเบา แล้วส่งดาบในมือไปให้บอดี้การ์ดชุดดำ
“ฝากไปเก็บที”
“ครับ”
ไอริเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลซากุยากิอย่างรวดเร็ว เพราะลางสังหรณ์อะไรบางอย่างทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในการเจรจาธุรกิจครั้งนี้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
มือเรียวสวยยกขึ้นเคาะประตูหน้าห้องบรรพบุรุษของตระกูล ก่อนจะเอ่ยขออนุญาตจากผู้ที่อยู่ด้านใน
“ขออนุญาตค่ะ”
“เข้ามาสิไอริ”
เธอผลักประตูเข้าไปทันทีที่ได้ยินเสียงตอบรับของท่านผู้นำ
ดวงตากลมโตไล่มองร่างสูงสองร่างของผู้ชายต่างวัยอย่างคุ้นเคย ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งบนเบาะสีดำเคียงข้างพี่ชายบุญธรรม โดยมีท่านผู้นำตระกูลนั่งหันหน้ามาหาทั้งคู่
“การเจรจามีปัญหาหรอคะ ?” ไอริถามขึ้น เพื่อทำลายความเงียบที่ปกคลุมอยู่รอบตัว
“ไม่มีหรอก” ซาโตะโบกมือไปมากลางอากาศ แล้วคลี่ยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าลูกสาวบุญธรรมของตนเป็นห่วงเรื่องธุรกิจมากเกินไป “พ่อแค่ไม่อยากอยู่นาน กลัวจะโดนลอบทำร้ายเหมือนคราวก่อน แล้วเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีก… เบื่อพวกตำรวจชอบเซ้าซี้”
ไอริยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบติดตลกของบิดา และท่านมักจะเป็นแบบนี้เสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอและโฮชิ
“ความจริงที่พ่อเรียกพวกแกสองคนมาคุยวันนี้ เพราะพ่อมีเรื่องสำคัญอยากให้ช่วย”
“เรื่องอะไรหรอครับ ?” โฮชิถามขึ้นด้วยความงุนงง เพราะเขาอยู่กับบิดาตลอดเวลา และไม่พบความผิดปกติใดๆ ในการเจรจาธุรกิจครั้งนี้เลย
“พ่อกับสมาชิกอาวุโสในตระกูลได้ปรึกษากันแล้วว่าแก๊งของเราควรจะมีทายาทอีกคนเพื่อความเป็นปึกแผ่นสักที อย่างน้อยถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อหรือแก เราก็ยังมีผู้นำตระกูลคนต่อไป” ซาโตะบอกกับลูกในไส้เพียงคนเดียวของตนอย่างใจเย็น ก่อนจะเลื่อนสายตามายังบุตรสาวบุญธรรม
“ทุกคนลงความเห็นว่าพวกแกสองคนควรจะแต่งงานกัน”
“หะ !?”
“อะไรนะคะ !?”
สองพี่น้องต่างสายเลือดพูดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วจ้องมองคนพูดคล้ายกับกำลังรอคอยคำว่า ‘ล้อเล่น’ แต่ก็ไม่…
ไม่มีคำที่พวกเขารอฟังหลุดออกมาเลย!
“ผู้อาวุโสทุกคนลงความเห็นว่าพวกแกควรแต่งงานกัน เราจะได้มีผู้สืบทอดตระกูลอีกคน” ซาโตะย้ำชัดอีกครั้งด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะเขารู้ดีว่าลูกทั้งสองรักกันแบบพี่น้อง แต่ในเมื่อมันคือความต้องการของสมาชิกอาวุโส เขาจึงไม่อยากคัดค้านให้เกิดปัญหาขัดแย้งภายใน
“แต่เรา…” โฮชิมองหน้าน้องสาวบุญธรรมเหมือนโดนบังคับให้กินยาขม แต่ก็ถูกคนเป็นพ่อขัดขึ้น
“ไม่ต้องคิดมากหรอก แค่ไปเตรียมตัวให้พร้อมก็พอ คงได้ข้อสรุปตอนปลายปีนี้ แล้วอาจจะมีงานแต่งต้นปีหน้า”
“มันไม่เร็วไปหน่อยหรอคะ ?”
“เร็ว ? ก็ไม่นี่ ตั้งปีหน้า” ซาโตะบอกอย่างสบายอารมณ์ เพราะเขาอยากรู้ว่าลูกทั้งสองจะแก้ไขปัญหานี้ยังไง
“เอ่อ… พ่อครับ พ่อก็รู้ว่าเราสองคนไม่ได้…”
“ฉันรู้ ฉันเลี้ยงพวกแกสองคนมาเองกับมือนะ แต่แกก็รู้ว่าต่อให้ฉันเป็นผู้นำตระกูล ฉันก็ขัดเสียงเอกฉันท์ของสมาชิกอาวุโสไม่ได้ พวกเขาเป็นคนเก่าคนแก่ที่ทำงานให้ตระกูลเรามานาน และการที่เขาเลือกให้ผู้หญิงของแกคือไอริ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาไม่ไว้ใจคนนอก”
ผู้นำตระกูลซากุยากิบอกเสียงเครียด เพราะครั้งหนึ่งเขาเองก็เกือบถูกบังคับให้แต่งงานกับสมาชิกหญิงคนใดคนหนึ่งของแก๊งเช่นกัน
“…”
สองพี่น้องต่างสายเลือดทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งอย่างยอมรับในชะตากรรม และปล่อยให้ความเงียบงันปกคลุมอยู่รอบตัว จนกระกระทั่งซาโตะชี้นำทางเลือกหนึ่งที่ความเป็นไปได้แทบจะเป็นศูนย์ให้กับบุตรชายและบุตรสาวบุญธรรมของเขา…
“เอ่อ… นั่นมันไม่ง่ายเลยนะคะพ่อ”
“แต่มันเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่นี่นา ฉันเลี้ยงพวกแกมาด้วยความรัก จะให้ฉันทนดูลูกๆ ของตัวเองไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตได้ยังไง”
ท่านผู้นำตระกูลซากุยากิบอกพลางไว้ไหล่ด้วยท่าทีกวนๆ แล้วลุกขึ้นเดินจากไป เพื่อหลีกเลี่ยงคำถามจากลูกทั้งสอง
…แค่เขาแนะนำทางเลือกนี่ก็นับว่าเสี่ยงต่อการโดนสมาชิกอาวุโสตำหนิอย่างแสนสาหัสแล้ว เพราะฉะนั้น ทางใครทางมันก็แล้วกัน!