ตอน 6
“ปกติเขาก็ไปช่วยดูแลลูกค้าหลังเลิกเรียนอยู่แล้วนี่ ตอนนี้เขาเรียนจบรองานทำ ผมเห็นว่างๆ เลยจะให้ไปช่วยงาน ดีออกเรียนรู้ไว้ ไปทำงานบริษัท เป็นลูกจ้างเขาไม่อิสระหรอกครับ อีกอย่างในอนาคตถ้าผมไม่มีลูกไม่ได้แต่งงาน ผมอาจยกร้านนี้ให้น้องอั้มดูแลต่อจากผม”
“เดียว” วิสาจันทร์ครางชื่อชายหนุ่มออกมา รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดเขาเท่าไหร่ หากแต่แสดงออกมากไม่ได้ ค้านอะไรไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่เอาเถอะถ้าดรัณคิดแบบนี้ หล่อนจะทำให้เขาได้แต่งงานและต้องแต่งกับหล่อน มีลูกกับหล่อนด้วย ส่วนร้านอาหาร “บ้านกิดากร” จะต้องเป็นของลูกหล่อนกับดรัณ ไม่ใช่นางหลานนอกไส้อย่างนางอั้มด้วย
จากนั้นไม่นานอาหลาน และผู้มาเยือนจึงไปถึง บ้านกิดากร ในเวลาต่อมา โต๊ะเก้าอี้ ความสะอาด เรียบร้อยทุกอย่าง รอแต่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ ซึ่งใกล้มื้อเที่ยงราวๆ สิบเอ็ดโมง ลูกค้าก็เริ่มมาใช้บริการแล้ว มีลูกค้าสองกลุ่มเดินเข้ามาในร้าน กลุ่มหนึ่งเป็นสาววัยทำงาน กลุ่มหนึ่งเป็นหนุ่มแต่งตัวอินดี้หน่อยๆ คล้ายจะเป็นนักร้อง หรือคนทำงานในวงการบันเทิง ด้วยแต่งตัวสบายๆ แต่ไม่ได้สะพายเครื่องดนตรีแบบพวกนักดนตรีก็เท่านั้น
“สวัสดีค่ะ” อัมพิกาถือกระดาษและเมนูติดมือไป เพื่อต้อนรับลูกค้า หญิงสาวมักเป็นคนกระตือรือร้นในการทำงานแบบนี้เสมอ ขณะที่ดรัณเดินหายเข้าไปในครัว เพื่อดูความเรียบร้อยเธอทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าก่อน เพื่อไม่เป็นการขาดตกบกพร่อง ด้วยร้านบ้านกิดากร ขึ้นชื่อเรื่องการดูแลใส่ใจลูกค้าไม่แพ้รสชาติอาหารเลยทีเดียว ความสะอาดก็สำคัญ ทุกอย่างรวมกัน แต่การเอาใจใส่ลูกค้าและรสชาติอาหารถูกลูกค้าเล่ากันปากต่อปาก จึงกลายเป็นจุดเด่นของร้านยาวนานมาสิบกว่าปี
“ว้าว เด็กเสิร์ฟร้านนี้สวยเป็นบ้า รู้อย่างนี้มากินร้านนี้นานแล้ว” ชายผู้หนึ่งในสามคนพูดขึ้น อีกสองคนเห็นด้วยด้วยการยิ้ม แล้วหันไปมองหญิงสาวพร้อมๆ กัน
“รับประทานอะไรดีคะ” อัมพิกาวางเมนูไปบนโต๊ะสองเล่ม แล้วเตรียมจดรายการอาหาร อย่างที่เคยๆ ช่วยอาเดียวต้อนรับแขก
“มีอะไรแนะนำไหมครับ” หนุ่มคนเดิมที่นั่งใกล้อัมพิกามากที่สุดเอ่ยขึ้น ด้วยท่าทางกระลิ้มกระเหลี่ย แบบพวกหัวงูเห็นสาวสวยแล้วเลือดลมสูบฉีด วิ่งพล่านอยากแซว อยากเกี้ยวพาให้ชุ่มชื่นหัวใจ
“มีเยอะแยะเลยค่ะ ร้านนี้เป็นร้านอาหารนานาชาติ ลูกค้าต้องเลือกว่าจะทานอาหารชาติไหน”
“แนะนำพวกพี่หน่อย พวกพี่มาร้านนี้ครั้งแรก แต่ต่อไปคงมาประจำ”
“ได้ค่ะ” หญิงสาวสาธยายรายการอาหาร เริ่มจากไทยก่อน มีทั้งผัดไทยกุ้งสดเส้นจันทร์ ต้มยำกุ้งน้ำข้นน้ำใสเลิศรส ออส่วนหอยนางลมตัวโตๆ อัมพิกาสนุกไปกับการแนะนำรายการอาหาร อาหารอิตาเลี่ยน สปาเก็ตตี้ผัดผงกะหรี่ทะเล แซลมอนสลัด อาหารเวียดนามแหนมเนือง เมี่ยงสมุนไพร
“แล้วน้องว่าอาหารชาติไหน เหมาะกับพวกพี่ล่ะครับ”
“แล้วแต่ลูกค้าชอบค่ะ”
“งั้นอย่างพี่ต้องเป็นอาหาร น้อง...” ลูกค้าหนุ่มเว้นวรรคส่งสายตาเล็มเลียอัมพิกา หวังให้หญิงสาวบอกชื่อตัวเอง เพราะเห็นว่าพนักงานคนอื่นจะติดป้ายชื่อโลหะไว้ที่อก หากแต่ผู้หญิงสวย หวาน น่ารัก เสียงเพราะพริ้งคนนี้กลับไม่มีป้ายชื่อ
“น้องมีชื่อไหมครับ”
“ชื่อ...” ยังไม่ทันได้บอกชื่อเสียงทุ้มหนักแน่นกลับดังกังวานมาจากด้านหลัง
“ไปช่วยเชฟในครัวไปอั้ม ตรงนี้ให้พี่ๆ เขารับแขก” ดรัณก้าวเข้ามาพร้อมกับ สั่งให้อัมพิกาไปช่วยงานเชฟ ทั้งที่ความจริงงานในครัวไม่ได้เกี่ยวข้องกับหญิงสาวเลย เธอทำอาหารไม่เป็น เพราะอยากกินอะไร ดรัณมักจัดแจงทำให้ทุกทีไป
“อ๋อ...ค่ะอาเดียว”
“เดี๋ยวผมตามเด็กมาบริการนะครับ”
“ว้าว ชื่ออั้มซะด้วยน่ารักเป็นบ้า น่าอ้ำน่ากินชะมัด” ลับหลังดรัณลูกค้าหนุ่ม ที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์ ต่างเริงรื่นพูดถึงเด็กเสิร์ฟน่ารักเมื่อกี้กันสนุกปาก
ดรัณได้ยินถึงกับเดือดหมุนกายฉับ เตรียมจะไปหาเรื่องลูกค้ากลุ่มเมื่อกี้ หากแต่ยังก้าวไม่ถึงสองก้าว กลับถูกวิสาจันทร์ขวางไว้ซะก่อน
“หลีกไปหวาน ผมจะไปจัดการลูกค้าปากหมาสามตัวนั่น”
“เขาไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ หลานคุณต่างหากที่อ่อยพวกเขา อีกอย่างถ้าคุณทำแบบนั้น ร้านเราจะเสียชื่อเสียงนะคะ”
“ช่างประไรลูกค้าไม่กี่คน ลูกค้าร้านเรามีเยอะแยะ”
“เพียงแค่คนเดียวก็ทำให้ร้านเราเสียชื่อได้ค่ะใจเย็นๆ นะคะ” วิสาจันทร์ดันแผ่นหลังดรัณเข้าไปในร้าน แล้วพาขึ้นไปบนชั้นสอง ซึ่งเป็นส่วนของสำนักงานด้วย และห้องทำงานส่วนตัวของผู้จัดการร้านและเจ้าของร้านอย่างหล่อนและดรัณด้วย เพื่อให้เขาสงบอารมณ์ และตรองดูอีกทีว่าควรทำอย่างนั้นหรือเปล่า เท่าที่ดูเหตุการณ์ อัมพิกาต่างหากที่เล่นหูเล่นตา ชวนหัวกับแขกหนุ่มๆ พวกนั้น นี่คงจะอ่อยบริหารเสน่ห์สิท่า เด็กสาวก็อย่างนี้ล่ะ คิดว่าตัวเองสาวมีเสน่ห์ แล้วเธอยังดูออกอีกว่าดรัณไม่ได้หวงหลานสาวแบบที่คนเป็นอาหวงหลาน หากว่าเป็นความหึงหวงแบบที่ผู้ชายหึงหญิงคนรักมากกว่า
‘หึ...ต้องทำอะไรสักอย่าง’ วิสาจันทร์แอบคิดบางอย่างไว้ในใจ
ดรัณปิดป้ายหน้าร้านหยุดสามวัน ดังนั้นเขาจึงได้มีโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยวทะเล ตามที่พูดเอาไว้ ซึ่งมีแค่ พ่อ แม่ อัมพิกา สาวใช้ในบ้านเจี๊ยบ กับผ่อง หากว่ากลับมีใครอีกคนที่ขอตามมา หล่อนให้เหตุผลว่าไม่ได้เที่ยวนานแล้ว ดรัณมีบ้านพักส่วนตัวอยู่หัวหิน ไม่ได้มีโอกาสไปเยือนนานแล้ว เมื่อขัดวิสาจันทร์ไม่ได้ จึงให้หล่อนติดมาด้วย เขาไม่ได้ขับรถเอง ตั้งใจจะพักผ่อนเต็มที่ จึงให้คนขับรถที่บ้านมาขับรถให้ ส่วนเขาได้เอกเขนกสมใจ ทว่าไม่ดีอยู่อย่างที่ผู้จัดการร้านหนีบอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา
ดรัณได้แต่ส่งสายตาไปทางอัมพิกาที่หลับพริ้มไม่รู้เนื้อรู้ตัวตลอดทาง ซึ่งเป็นปกติของหลานตัวแสบ ขึ้นรถทีไรหลับทุกที แล้วที่ๆ เหมาะสำหรับอัมพิกาคือไหล่ผึ่งผายของเขาสำหรับหนุนแทนหมอน ทว่าตอนนี้ถูกวิสาจันทร์ขั้นกลางอย่างจงใจ
อัมพิกานั่งหลับในรถ ศีรษะเอียงไปเอียงมา ดรัณอยากดึงศีรษะที่เคยวางบนบ่าเขา มาวางบนบ่าตนเองใจแทบขาด หากแต่ตอนนี้กลับมีศีรษะวิสาจันทร์มาวางแทน อย่างถือวิสาสะ ความเป็นสุภาพบุรุษบีบบังคับให้เขานิ่งเฉยเสีย ท่องไว้ในใจอีกหน่อยก็ถึงที่หมาย สายตายังคงชำเลืองมองหลานสาวเป็นครั้งคราวสลับกับมองออกนอกหน้าต่างรถตู้ อย่างหดหู่ใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
ครั้นพอถึงที่หมายรถจอดปั๊บเจ้าหลานสาวตัวดี ดีดตัวจากเบาะโดยอัตโนมัติ ราวกับร่างกายได้ตั้งเวลาไว้แล้ว นี่คงเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติ ร่างบอบบางกางเกงขาสั้นลายดอกสีฟ้า กับเสื้อสายเดียวเนื้อผ้าเบาสบาย กระโดดลงจากรถวิ่งตื๋อไปตรงชายหาด โดยไม่สนใจคนอื่นๆ
“วู้...ทะเล” แล้วอัมพิกาย่ำเท้าเต้นแร้งเต้นกากับผืนทรายด้วยอาการตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นทะเล เม็ดทราย นี่ดรัณทรมานหลานสาวคนสวยมากเกินไปหรือเปล่า ไม่ใช่หรอกหญิงสาวมุมานะเล่าเรียนเองต่างหาก ด้วยพูดเสมอว่าอยากให้พ่อแม่ที่จากไปภูมิใจในตัวเธอ จึงไม่มีเวลาเที่ยวเตร่
ก่อนหน้านั้นดรัณพาอัมพิกาไปไหว้อัฐิของพ่อแม่ที่วัด หญิงสาวบอกกล่าวถึงความสำเร็จที่คว้าปริญญาตรีมาได้ หนำซ้ำยังได้เกียรตินิยมอีกต่างหาก หากทั้งสองรับรู้ได้ คงจะยิ้มปากบาน แม้เด็กซึ่งขาดพ่อแม่ยังเอาดีได้
“แม่นั่นดูบ้าทะเลน่าดู” วิสาจันทร์ปรารภขึ้น โดยลืมไปว่ามีดรัณยืนอยู่ไม่ห่าง ขณะชายหนุ่มขนสัมภาระลงจากรถตู้
“ว่าอะไรนะหวาน” ดรัณได้ยินประโยคอะไรบางอย่างระคายหู ซึ่งไม่ค่อยได้ยินเพื่อนคนนี้พูดออกมาจากปากเท่าไหร่ หรือบางทีเขาอาจหูฝาด เพราะลมทะเลแรงก็เป็นไปได้
“เอาะ...อ๋อไม่มีอะไรค่ะ แค่กำลังมองหลานสาวเดียว คงจะชอบทะเลมาก” วิสาจันทร์ดึงสติกลับมา ปรับสีหน้าให้อ่อนหวานแบบที่หล่อนมักแสร้งต่อหน้าเพื่อนสนิท ที่ไม่อยากให้เป็นแค่เพื่อนคนนี้ประจำ นานเกินไปแล้วที่หล่อนปล่อยทุกอย่างให้ไหลไปตามกาลเวลา การมาทะเลคราวนี้อาจทำให้หล่อนสมหวัง
“อั้มไม่ค่อยได้เที่ยว เพราะมัวแต่เรียน และช่วยงานผม” ดรัณแก้ตัวให้หลาน ความจริงก็เป็นแบบนั้น ไม่จำเป็นต้องแก้ตัว เขาเองเคยชวนอัมพิกาไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ แต่หญิงสาวให้เหตุผลว่า ติดเรียน ติดทำรายงาน และอยู่ช่วยงานอาเดียวดีกว่า ซึ่งเขาชอบในคำตอบของเธออยู่มาก