ตอนที่ 1
‘ก้องภพ’ หนุ่มใหญ่ในวัยสามสิบเจ็ดปี เจ้าของฟาร์มและไร่ส้มชื่อดัง รวมทั้งไร่ชาบนเนื้อที่หลายพันไร่ในจังหวัดเชียงราย กำลังนั่งทอดสายตามองตามร่างเอิบอิ่มของเด็กสาวใบหน้าสะสวยสะดุดตาที่เขาจำเป็นต้องรับเอามาอุปการะเลี้ยงดูตามคำสั่งเสียสุดท้ายของพี่ชายร่วมสายเลือดที่ฝากเอาไว้ก่อนสิ้นใจ ว่าให้ช่วยดูแลเด็กสาวผู้นี้กับมารดาของเธอที่กำลังกำลังเผชิญมรสุมชะตาจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า
‘ช่วยหน่อยนะก้อง... ช่วยดูแลคุณ ‘นวลพรรณ’ กับหนู ‘ใบบัว’ ลูกสาวของเธอด้วย รับปากพี่ได้ไหมก้อง... ได้โปรดเถอะ’
เสียงของ ‘ก้องภู’ แหบพร่า ในวันที่อาการป่วยจากโรคหัวใจกำเริบแรง
ก้องภูยังไม่ได้เล่าอะไรเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีชื่อว่า ‘นวลพรรณ’ และลูกสาวของหล่อนให้กับก้องภพได้รู้ในรายละเอียด และตอนนั้นก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ก้องภพจะซักถามอะไรได้ เมื่อสังเกตเห็นว่าท่าทางของก้องภูผู้เป็นพี่ชายเริ่มเหนื่อยหอบรุนแรงขึ้นทุกที แม้กระทั่งหายใจก็ยังลำบาก
‘ครับพี่ภู... ผมสัญญา พี่ไม่ต้องห่วงนะครับ’
เสียงรับปากเหมือนเป็นสัญญาใจของลูกผู้ชายทั้งสอง ก้องภพบีบมือของพี่ชายเอาไว้แน่น เหมือนรู้ว่าวันนี้จะเป็นวาระสุดท้ายของคนป่วย หากแต่รั้งเอาไว้ไม่นานก็จำต้องปล่อยให้ก้องภูสิ้นใจไปอย่าสงบ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของคนงานในฟาร์ม
เมื่องานศพของก้องภูเสร็จสิ้นลงแล้ว ก้องภพจึงเดินทางลงมากรุงเทพฯ ด้วยตัวเอง เพื่อรับสองแม่ลูกมาอยู่ที่ฟาร์มของตนตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้กับพี่ชายร่วมสายโลหิต
อีกหนึ่งเดือนต่อมา
“บัว... ”
ก้องภพร้องเรียกเสียงดัง เมื่อเหลือบไปเห็นใบบัวขี่รถจักรยานเฉียดเข้ามาใกล้ศาลาริมท่าน้ำที่เขากำลังนั่งจิบกาแฟ ทอดอารมณ์อ้อยอิ่งอยู่กับอรุณรุ่งภายในฟาร์มอย่างที่เคยได้ทำเป็นกิจวัตรประจำวัน
“อาก้องมีอะไรจะใช้บัวหรือคะ”
หญิงสาวชะลอความเร็วของรถจักรยานที่กำลังปั่น มาอย่างเพลิดเพลิน เธอเรียกพ่อเลี้ยงว่า ‘อาก้อง’ จนติดปาก แต่บางครั้งก็เรียกคุณอา
“ไม่ได้เห็นนาน... จะรีบไปไหนหรือเปล่า มาคุยกันหน่อยสิ”
เจ้าของฟาร์มยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม สายตาคมกริบจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสะสวยของหญิงสาว แสงแดดอาบไล้ผิวซึ่งเปล่งปลั่งไปด้วยเลือดเนื้อของวัยสาวสะพรั่ง นับวันใบบัวยิ่งสะสวยสะดุดตา
“ไม่รีบค่ะ... คุณอามีอะไรจะคุยกับบัวหรือคะ”
“เรื่องเรียนเป็นไงบ้าง... ”
ก้องภพชวนคุย เมื่อสาวน้อยเดินเข้ามาทรุดร่างรัดรึงลงนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่ยังว่างอยู่ข้างๆ เขา
“ช่วงนี้ปิดเทอมแล้วค่ะคุณอา... คุณอาถามขึ้นมาก็ดีเหมือนกัน”
“ทำไม... ”
เขาเหลือบมองหน้าสาวน้อยแล้วขมวดคิ้ว
“บัวกำลังจะขออนุญาตคุณอาไปทำงานหารายได้พิเศษกับเพื่อนๆ ค่ะ... ได้ไหมคะ”
มีความยำเกรงอยู่ในน้ำเสียงของสาวน้อยอย่างเห็นได้ชัด ด้วยรู้ว่าก้องภพเป็นคนดุและพูดจาเสียงดัง เหตุนี้กระมังที่ทำให้เขาเป็นที่เคารพยำเกรงของคนงานเกือบร้อยชีวิตที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบดูแลของเขา
“หารายได้พิเศษ... ?”
พ่อเลี้ยงก้องภพย้อนถามเสียงห้วน
“ค่ะ... ”
“แล้วเงินที่อาให้เธอใช้อยุ่ทุกวันนี้ไม่พอหรือยังไง... จึงต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนไปหารายได้พิเศษไม่เข้าเรื่อง”
เอาแล้วสิ! ก้องภพทำสุ้มเสียงไม่พอใจ หากใบบัวก็เริ่มชินเสียแล้วกับอารมณ์ของพ่อเลี้ยงที่มักจะขึ้นๆ ลงๆ ผีเข้าผีออกแบบนี้เสมอ
“พอค่ะ... แต่บัวอยากหารายได้พิเศษเองบ้าง จะได้ไม่ต้องรบกวนเงินคุณอา”
“งานอะไร... ไหนลองบอกมาซิ”
ก้องภพวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ หันมาให้ความสนใจกับสิ่งใบบัวกำลังจะบอก
“พริตตี้ค่ะคุณอา... งานมอเตอร์โชว์ที่กำลังจะถึงต้องการพริตตี้หน้าใหม่ บัวกับเพื่อนสนใจลองส่งรูปถ่ายไปสมัครค่ะ ผ่านรอบแรกแล้วค่ะ เหลือแต่สัมภาษณ์ดูตัวจริงที่กรุงเทพฯ ค่ะ”
“อ๋อ... นึกว่างานอะไร ที่แท้ก็งานยืนโชว์นมโชว์ตูดให้ไอ้พวกผู้ชายหื่นรุมถ่ายภาพน่ะเอง”
ก้องภพแสดงท่าทางไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“คุณอาไม่ชอบใช่ไหมคะ”
สาวน้อยทำหน้าเจื่อนจ๋อย ก้องภพนึกตอบในใจว่าผู้ชายคนไหนบ้างล่ะที่ไม่ชอบดูพริตตี้นุ่งน้อยห่มน้อย แต่เขากลับรู้สึกหวงเมื่อรู้ว่าใบบัวจะต้องไปยืนเป็นพริตตี้ให้ผู้ชายทั้งงานแทะโลมด้วยสายตาหื่นกระหาย
“ไม่ชอบ... และอาก็ไม่อนุญาต”
เขาหันไปยกกาแฟขึ้นดื่ม
“ถ้าคุณอาไม่ชอบ... งั้นบัวไม่ทำก็ได้ค่ะ”
ใบหน้าสะสวยสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้าหนูอยากช่วยงานจริงๆ แล้วละก็... งานในไร่ในฟาร์มของเราก็เยอะแยะไป ไม่เห็นต้องไปทำข้างนอก... เดี๋ยวอาจะดูงานให้”
“งั้นคงต้องแล้วแต่คุณอาค่ะ... หนูขอตัวก่อนนะคะ”
“อะไร... แค่นี้ทำโกรธ”
ก้องภพตวัดสายตามาที่หญิงสาว
“เปล่าโกรธค่ะ... เอ่อ บัวขอตัวนะคะ”
“อืม... ”
ก้องภพพยักหน้าแล้วหันไปคว้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเปิดอ่านโดยไม่ได้สนใจสาวน้อยที่กำลังไสรถจักรยานผ่านหน้าเขาไปช้าๆ
ใบบัวเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว เมื่อถูกพ่อเลี้ยงก้องภพขัดใจ
“หน้าบูดมาเชียว... ไปกินรังแตนที่ไหนมาจ๊ะยัยบัว”