บทที่ 13 หนึ่งชีวิตของคนจน รองเท้าหนึ่งคู่ของคนมีเงิน
รั่วเฟยแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เธอเพิ่งจะได้ยิน
เธอนึกถึงคำยั่วยุประโยคนั้นของหญิงสาวในโรงแรมโดยอัตโนมัติ
“ครั้งนี้เกรงว่าเขาจะไม่แต่งงานกับคุณแล้วค่ะ คุณรั่ว”
นี่เป็นครั้งแรกที่รั่วเฟยได้รู้ว่าความไม่มั่นใจกับความตื่นตระหนกนั้นเป็นความรู้สึกเช่นไร
โดยเฉพาะโจวฉงเหย่พูดว่าการหมั้นหมายสามารถยกเลิกได้
รั่วเฟยแทบจะเปลี่ยนสีหน้าในทันที
"... ฉงเหย่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันไม่ได้รู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม ฉันแค่... ไม่เชื่อว่าคุณจะทำเรื่องแบบนี้"
“ตอนนี้ฉันสงบสติอารมณ์ลงมาแล้ว คิดไปคิดมาคุณก็คงจะไม่ชอบเรื่องแบบนั้นเหมือนกัน วันนี้ฉันหุนหันพลันแล่นไปเอง ขอโทษด้วยค่ะ”
ชายหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทีอะไรต่อท่าทางที่ดีของเธอ เพียงพูดว่า "อย่าให้มีครั้งต่อไป"
เขาหมายถึงเรื่องที่เธอสูญเสียการควบคุมตัวเอง และยังเตือนเธอว่า เรื่องที่เธอค้นหาลิ้นชักกับติดตั้งเครื่องติดตามตำแหน่ง จะไม่มีครั้งต่อไปอีก
สุดท้าย รั่วเฟยก็ได้แต่ทำหน้าบึ้งตึงออกไปจากคฤหาสน์ซีซู่
นับวันเธอยิ่งไม่เข้าใจความคิดของโจวฉงเหย่ หากไม่ใช่เพราะช่วงนี้ตำรวจกำลังจับตาดูเธออย่างใกล้ชิด เธอก็อยากจะฆ่าหญิงสาวที่ชื่อหวังเจียวคนนั้นจริง ๆ
ทันทีที่รั่วเฟยออกมาจากคฤหาสน์ซีซู่ ก็มีโทรศัพท์เข้ามา
เฉียนซานร้องไห้ทางโทรศัพท์ "พี่สาว ฉันบอกตำรวจตามที่พี่สาวบอกฉันแล้ว แต่ทำไมพวกเขาบอกฉันว่านี่ไม่ใช่ข้อขัดแย้งทางธุรกิจธรรมดา แต่เป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา พี่สาว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันจะกลับบ้านได้เมื่อไรกันแน่?"
จนกระทั่งตอนนี้ เฉียนซานก็ยังไม่ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้
รั่วเฟยแต่งงานกับเศรษฐีเมื่ออายุสิบเก้าปี เฉียนซานเพิ่งจะอยู่มัธยมต้น
เพราะเธออิจฉาชีวิตที่หรูหราของรั่วเฟย เฉียนซานจึงไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลาย มุ่งมั่นที่จะหาคนมีเงินมาแต่งงานด้วยคือเป้าหมายระยะยาวที่สำคัญที่สุดของเธอ
แต่เห็นได้ชัดว่าเฉียนซานไม่ฉลาดเหมือนกับรั่วเฟย แม้เฉียนซานจะเป็นคนชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ และมีนิสัยดุร้ายเช่นกัน แต่ความเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวและประสบการณ์กลับตามอีกฝ่ายไม่ทัน ดังนั้นเธอถึงได้ถูกรั่วเฟยหลอกให้บันทึกคำให้การจนทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
ตอนนี้เอง รั่วเฟยก็กำลังหงุดหงิดมากเช่นกันด้วยเรื่องของโจวฉงเหย่ เธอจึงไม่ปลอบอีกฝ่ายอีก ก่อนจะเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
“สำคัญไหม?”
เฉียนซานสับสนโดยสิ้นเชิง "พี่สาว จะไม่สำคัญได้ยังไงกัน? นี่เป็นเรื่องที่จะต้องติดคุกเชียวนะคะ! พี่สัญญากับฉันว่าแค่พูดไม่กี่คำก็จะหาคนช่วยฉันให้ออกไป ทำไมคนของพี่ยังมาไม่ถึงอีกล่ะ?”
รั่วเฟย "ต่อไปหากไม่มีธุระอื่นก็อย่าได้โทรมาหาฉันอีก พูดแค่ไม่กี่คำก็อยากจะเงินสองล้านหยวนงั้นหรือ เงินไม่ได้หามาได้ง่าย ๆ หรอกนะ เฉียนซาน"
“รั่วเฟย พี่หมายความว่ายังไง!!”
ตอนนี้เอง เฉียนซานถึงจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว รั่วเฟยเพียงแค่สตาร์ทรถปอร์เช่ของเธอ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เงินที่รับปากเธอไว้ ฉันจะโอนไปให้พ่อแม่ของเธอเป็นงวด หลังจากเธอออกมาก็ย่อมสามารถใช้เงินนี้ได้ แต่ถ้าเธอไม่เชื่อฟัง -"
“ถึงเธอจะเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ใกล้ชิดที่สุด ฉันก็ช่วยเธอไม่ได้”
เอ่ยจบ รั่วเฟยก็วางสายโทรศัพท์
รั่วเฟยรู้ดีว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้หวังเจียวได้รับความเสียหายอย่างแท้จริง ถึงจะต้องเข้าคุก แต่ก็น่าจะติดคุกไม่นานนัก
แต่ไม่ว่าโทษจำคุกจะนานหรือไม่นาน เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงมากสำหรับรั่วเฟย
เธอเป็นบุคคลกึ่งสาธารณะและเป็นคู่หมั้นของโจวฉงเหย่ หากมีประวัติอาชญากรรม เรื่องการแต่งงานของเธอกับโจวฉงเหย่ก็จะพังทลายโดยสิ้นเชิง
เมื่อถึงเวลานั้น อย่าว่าแต่ตระกูลโจวเลย แม้แต่คนธรรมดาที่มีความทะเยอทะยานจะเข้าร่วมหน่วยงานของรัฐก็คงจะไม่ชอบเธอ
ดังนั้นเธอจึงเสี่ยงที่จะถูกตีตัวออกหากด้วยการผลักเฉียนซานออกไป
เธอรู้ดีว่าการทำเช่นนั้นจะทำลายความฝันที่จะมีชีวิตที่หรูหราของเฉียนซานอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เฉียนซานไม่มีวันที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่ร่ำรวยได้ ยิ่งควบคุมอีกฝ่ายได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งช่วยทำเรื่องต่าง ๆ ให้ตนได้มากขึ้นเท่านั้น ส่วนรั่วเฟยก็จะยิ่งมีหน้าตาเมื่ออยู่ต่อหน้าญาติสนิทมิตรสหาย
เฉียนซานโกรธจนเธออยากจะสู้กับรั่วเฟยอย่างเอาจริงเอาจัง
แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว
บันทึกคำให้การได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว รั่วเฟยเองก็ยังได้ "ทำงาน" บางอย่างข้างนอกเป็นพิเศษด้วย
ความผิดของเฉียนซานเป็นที่แน่นอนแล้ว
ไป๋จือรออยู่นอกสถานีตำรวจจนกระทั่งดึกดื่น ผลที่ได้จากการรอคอยก็คือแบบนี้
ตอนดึกดื่น เมืองจิงเป่ยที่แห้งแล้งยากที่จะเกิดฝนตกในฤดูใบไม้ผลิต
ตำรวจในชุดเครื่องแบบเดินออกมาพูดกับนักเรียนทั้งสามคนว่า “ผลออกมาแล้ว ผู้ต้องสงสัยอยู่ภายใต้การควบคุมของเราเรียบร้อยแล้ว น่าจะจะถูกตัดสินให้จำคุกประมาณหนึ่งปีครึ่ง นักเรียนทั้งหลายสามารถกลับโรงเรียนได้อย่างสบายใจแล้ว "
“เร็วขนาดนั้นเลยหรือ?”
ครั้งนี้ ถึงลู่ฮ่าวจะไม่ได้พุ่งเป้าไปที่รั่วเฟยโดยตรงเหมือนที่ไป๋จือคาดหวัง แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาไม่มีหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่าเป็นฝีมือของรั่วเฟย เรื่องราวอันสลับซ้อนบางอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหลัง เขาให้ความร่วมมือกับไป๋จืออย่างเต็มที่
แม้กระทั่งตอนนี้ เขาก็ไม่ได้ไปเข้าเรียนในชั่วโมงเรียนด้วยตนเองในช่วงเย็นวันนี้ เขาถือร่มรอเป็นเพื่อนไป๋จือที่หน้าสถานีตำรวจ
ลู่ฮ่าวถามว่า "พอจะบอกได้ไหมครับว่าคนคนนั้นคือใคร"
“เป็นหญิงสาวแซ่เฉียนคนหนึ่ง พวกเธอรู้จักไหม”
เมื่อไป๋จือเห็นรูปในบัญชีรายชื่อ รูม่านตาก็หดตัวในฉับพลัน
เฉียนซาน?
เป็นเธอได้ยังไงกัน? -
นี่คงจะเป็นฝีมือของรั่วเฟยอีกแล้ว!
ฝนยามราตรีนอกร่มเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ และท้องฟ้าแลดูมืดมิดจนให้ความรู้สึกอึดอัด
ลู่ฮ่าวดูรูปถ่ายของเฉียนซาน พร้อมกับแสดงท่าทีว่าเขาไม่รู้จักคนคนนี้ จากนั้นจึงถามหวังเจียวที่อยู่ด้านข้าง "รู้จักเธอไหม"
หวังเจียวก็ส่ายศีรษะปฏิเสธเช่นเดียวกัน
หวังเจียว "ผู้หญิงคนนี้ดูหน้าตาดีนะ แต่คิดไม่ถึงว่าความคิดจะชั่วร้ายขนาดนี้"
มีเพียงไป๋จือที่ยืนอยู่กับที่อย่างเงียบ ๆ เพียงคนเดียว
ร่มสีดำปกปิดดวงตาและสีหน้าของเธอ
เสียงฝนโปรยปรายดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับสีในดวงตาของเธอค่อย ๆ มืดลง
“ฉันกลับก่อนนะ”
เสียงของหญิงสาวเยือกเย็นสุดขีด เมื่อไป๋จือกำลังจะเดินจากไป ลู่ฮ่าวก็รีบคว้าร่มไล่ตามทันที "จือจือ ให้ผมไปส่งไหม?"
ในเวลานี้ อารมณ์มืดมนของไป๋จือก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาในฉับพลัน
"ได้สิ"
ลู่ฮ่าวคิดไม่ถึงว่าไป๋จือจะตอบตกลง ในใจก็รู้สึกตื่นเต้น รอยยิ้มอ่อนหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหล่า “จือจือ ตอนนี้จะกลับหอพักไหม ผมนั่งแท็กซี่ไปส่งเธอที่นั่นดีไหม?"
"ไม่"
ไป๋จือบอกว่า "ฉันจะไปดื่มเหล้า"
ตระกูลลู่เป็นแพทย์มาหลายรุ่น แอลกอฮอล์ ไม่เคยปรากฏขึ้นมาในโลกของลู่ฮ่าวมาตั้งแต่เด็ก
แต่จือจือบอกว่าจะไป ลู่ฮ่าวก็ไปเป็นเพื่อนโดยไม่ลังเล
ที่ร้านเหล้า แม้เขาจะไม่ได้ดื่มสักอึก และก็ไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างร้านเหล้ากับช่วงราคาของเครื่องดื่ม แต่เขาก็เดินตามหลังเธอไปจ่ายบิลด้วยบัตรเครดิตแบบไม่จำกัดวงเงินโดยไม่บ่นแต่อย่างใด
ไป๋จือมองท่าทางเขารูดบัตร ก็รู้สึกตลกเล็กน้อย
“คุณชายลู่ คุณดูเหมือนเจ้าชายที่เพิ่งหนีออกจากวังมา ไม่รู้วิธีใช้เงินด้วยซ้ำ”
ลู่ฮ่าวรู้สึกอายเล็กน้อย "งั้น งั้นเหรอ ถ้างั้นเหล้าพวกนี้แพงหรือถูกเหรอ?"
ไม่น่าจะถูกจนเกินไป เป็นราคาที่ใกล้เคียงกับเสื้อผ้าหรูๆ ที่เขาใส่กับกระเป๋านักเรียนสุดหรูที่เขาถือในเวลาปกติ แต่ถ้าพูดถึงของแพง เวลาลุงทั้งหลายของเขาคบค้าสมาคมดื่มเหล้าขึ้นมา มีครั้งไหนที่จะไม่ใช้จ่ายหลายหมื่นหลายแสนหยวนบ้าง?
ไป๋จือหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา "เหล้าขาวธรรมดาห้าสิบดีกรีคือ 20 หยวน ที่นี่น้ำแร่หนึ่งขวดราคา 800 หยวน นายคิดว่าแพงหรือถูกล่ะ?"
เหล้าสองสามขวดที่ไป๋จือสั่งเมื่อครู่นี้ก็เพียงพอสำหรับค่าครองชีพของนักเรียนธรรมดาในหนึ่งปีแล้ว
ในปีนั้นเมื่อเธออายุได้ 17 ปี เธอพุ่งขึ้นไปบนตึกระฟ้าโดยชูป้ายขอคำอธิบายตามลำพัง ก็ถูกเฉียนซานและคนอื่น ๆ ที่พามาด้วยจัดการจนสลบไปในหิมะ เธอนอนอยู่ในนั้นทั้งคืนเกือบจะแข็งตาย——
ก็เพื่อ 20,872 หยวน
ต่อมาเธอได้พบกับลู่ฮ่าวเป็นครั้งแรกในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย เขาถูกรายล้อมไปด้วยเด็กผู้ชายหลายคนจากทีมบาสเกตบอล เป็นคนดัง
เด็กผู้หญิงที่อยู่โต๊ะถัดไปต่างส่งเสียงกรีดร้องและบอกว่ารองเท้าเขาใส่นั้นเป็นรุ่นร่วมกับจอร์แดน หลังจากนั้นไป๋จือใช้คอมพิวเตอร์ของโรงเรียนเพื่อค้นหา ก็พบว่ามีราคาสามหมื่นกว่าหยวน
เธอบีบเมาส์ในมือจนเกือบจะเสียรูป
เธอนึกขึ้นได้ว่า เนื่องจากเธอไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาล 20,872 หยวนสุดท้ายได้ หมอคนนั้นแม้แต่จะขยายเวลาให้สองชั่วโมงก็ไม่ยอม ก็ถอดถังออกซิเจนของพ่อเธอออกด้วยมือเขาเอง
ตอนนั้นเธอถึงจะรู้ว่า ชีวิตของพ่อไม่มีค่าเท่ากับรองเท้าคู่หนึ่งที่ลูกชายของหมอคนนั้นสวมใส่
ไป๋จือบีบแก้วในมือ เหมือนกับที่บีบเมาส์ในห้องสมุดวันนั้น เธอบังคับตัวเองรู้สึกตัวจากแอลกอฮอล์ทีละน้อย ในขณะที่ลู่ฮ่าวยังคงพูดพึมพำอยู่อีกฝั่ง