บทที่ 4
ณัฏฐลักษณ์ชะงักเท้าที่กำลังก้าวลงมาตามบันไดแนวโค้งที่ทอดยาวสู่ชั้นล่างของคฤหาสน์หลังงาม เมื่อดวงตาคู่หวานซึ้งมองเห็นร่างสูงใหญ่ของเจ้าของบ้านยืนถือช่อดอกไม้ตรงบันไดขั้นสุดท้าย ก่อนที่เท้าเล็กจะเดินลงมาตามขั้นบันไดต่อไป หัวใจดวงน้อยๆ ของสาวร่างเล็กเต้นแรง ตื่นเต้นและดีใจ ยามที่เห็นลูกโป่งหลายร้อยใบผูกโยงไปทั่วห้อง ลูกโป่งเหล่านั้นเขียนภาษาไทยราวกับเด็กประถมปีที่หนึ่งเขียนว่า “ขอโทษ” มีรอยยิ้มวาดอยู่ใต้คำนั้นด้วย
“คุณอาขอโทษกุ๊กนะคะ คุณอาสัญญาว่า จะไม่ลืมกุ๊กอีกแล้ว ยกโทษให้คุณอานะคะ”
ปากหนาหยักได้รูปพูด มือก็ยื่นช่อดอกไม้ให้หญิงสาวที่มาหยุดยืนตรงขั้นบันไดรองสุดท้าย ดวงตาสีฟ้าจ้องมองดวงหน้าสาวที่เปื้อนสีแดงขึ้นทีละน้อย
คนถูกง้อยิ้มกว้าง ดวงตาสดใสราวกับจะบอกให้เขารู้ว่า เธอยินดีรับคำขอโทษจากเขา เอื้อมมือมารับช่อดอกไม้ในมือใหญ่มาดมกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ เงยหน้ามองชายหนุ่มร่างสูงที่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ยามได้เพ่งพิศความงาม ความน่ารักของณัฏฐลักษณ์ รอยยิ้มละไมของเธอเสมือนเป็นแรงดึงดูดมหาศาล กระตุกหัวใจชายถึงขั้นรุนแรง และเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับสตรีคนใดมาก่อน
ที่จริงแล้วณัฏฐลักษณ์ไม่ได้โกรธโจนาธาน เพียงแค่น้อยใจที่เขาลืมวันแรกในรอบสี่ปีที่ได้เจอกันเท่านั้น ต่างกับเธอที่เฝ้ารอคอยวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ นั่งนับวัน นับเดือน นับปี รู้สึกตื่นเต้นดีใจล้นปรี่เมื่อได้เห็นหน้าเขา แต่แล้วความรู้สึกนั้นก็มลายหายทันทีที่รู้ว่า เขาลืมนัดหมายระหว่างกันในครั้งนี้ ทว่าเวลานี้ไม่หลงเหลือความน้อยใจอีกแล้วแต่กลับแปรเปลี่ยนเป็นความดีใจแทนที่
เธอโผกอดร่างหนา ซบหน้าลงบนอกอุ่นบึกบึนของโจนาธานที่ยืนตัวแข็ง ราวกับคนไม่เคยถูกสาวกอด ก่อนจะค่อยๆ ยกลำแขนโอบกอดร่างนุ่มนิ่ม
“กุ๊กไม่มีวันโกรธคุณอาหรอกค่ะ ขอแค่คุณอาไม่ลืมเด็กคนนี้ก็พอ”
‘เด็ก’ เธอพูดออกมาได้อย่างไรว่าเด็ก จบการศึกษาระดับปริญญาตรี โตเป็นสาวสะพรั่งแถมสวยชนิดที่เรียกว่าหาตัวจับยาก ซึ่งเขาเชื่อว่าพวกผู้ชายต้องพากันมองเธอจนเหลียวหลังแน่นอน แล้วยิ่งทรวงอกนุ่มแนบชิดกับอกของเขาที่พอจะกะไซส์ได้ว่าใหญ่เกินตัว ย้ำเตือนให้เขารู้ว่า เธอพ้นคำว่าเด็กมาไกลโข
“คุณอาไม่มีวันลืมกุ๊ก ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันหน้า” เสียงนุ่มเอ่ยบอกสาวร่างเล็กที่ยิ้มแก้มปริ “คุณอาอยากให้กุ๊กรู้ว่า กุ๊กเป็นคนสำคัญของคุณอาเสมอ คุณอาทำทุกอย่างนี้หมดเลยนะคะ เป่าลูกโป่ง เขียนคำขอโทษและวาดรอยยิ้ม ถ้ากุ๊กไม่สำคัญคุณอาคงไม่ทำให้ถึงขนาดนี้หรอกคะ”
ณัฏฐลัษณ์ดันร่างของตนให้ห่างร่างสูงหนา เงยหน้ามองผู้พูดด้วยสายตาเหลือเชื่อ เบนสายตาไปมองลูกโป่งรอยยิ้มที่มีคำขอโทษอยู่ทุกใบด้วยความทึ่ง ตอนแรกเธอคิดว่าเขาคงจะให้ลูกน้องทำ แต่พอรู้ว่าโจนาธานทำเองทั้งหมด หัวใจของเธอพองโตขยายใหญ่เท่าลูกโป่งก็ไม่ปาน
“คุณอาของกุ๊กน่ารักที่สุดเลยค่ะ” พูดจบก็เขย่งเท้าหอมแก้มขาวแต่สากด้วยรอยเคราของคุณอาหนุ่มทั้งซ้ายขวา
เจ้าของแก้มที่ถูกหอมยืนนิ่ง แทบจะไปไม่เป็น ทำอะไรไม่ถูกไม่คิดว่าเธอจะหอมแก้มเขาราวกับว่าตัวเองเป็นเด็กๆ ที่จะกอดจะหอมเขาเหมือนในเยาว์วัย ความรู้สึกตอนนั้นกับตอนนี้มันต่างกันลิบลับ
“กุ๊กของคุณอาก็น่ารักค่ะ น่ารักมาก”
ผู้พูดอยากจะต่อท้ายไปอีกว่า ‘และน่ากินมาก’ แต่ก็ต้องยั้งปาก ยั้งอารมณ์ไว้ ท่องไว้ในใจว่า เธอเป็นหลาน เป็นหลาน เป็นหลานที่น่ากินที่สุด
“คุณอาขา” เธอเรียกเขาเสียงยานคางชวนขนลุก แต่เขากลับชอบ
“ขา” เขาขานรับเสียงเดียวกัน ลูกน้องทั้งสามและคนรับใช้ต่างมองหน้ากันไปมา เพราะไม่เคยได้ยินน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานของโจนาธานแบบนี้มาก่อน แถมยิ่งพูดกับสตรีด้วยแล้วยิ่งไม่เคยเห็น
“กุ๊กมีของขวัญจะให้คุณอาด้วยค่ะ ของขวัญอยู่บนห้องของกุ๊ก คุณอาขึ้นไปเอาของขวัญในห้องของกุ๊กนะคะ”
คำพูดและหน้าตาของเธอใสซื่อ ไม่ได้คิดว่าการที่กล่าวชวนผู้ชายเข้าไปในห้องจะเป็นเรื่องเสียหาย เพราะคิดว่าคนที่ตนชวน เป็นผู้มีพระคุณที่ตนรักและบูชามากที่สุด ทว่าคนที่ถูกชวนคิดไปไกลสุดกู่ จนต้องลากความคิดเตลิดนั้นให้กลับมาอยู่ที่เดิม