1 การมาถึงของเธอ
“คุณเอ็ดเวิร์ด คุณโอเคแน่นะคะ” กานต์พิชา เลขาฯ สาวชาวไทยแท้เอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นท่าทางผิดปกติของเจ้านาย
เอ็ดเวิร์ดส่ายหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการดึงสติกลับมาก่อนที่จะตอบ “ผมโอเค”
“วันนี้คุณมีประชุมข้างนอกเหรอคะ ฉันไม่เห็นว่ามีบันทึกในตารางงานนี่”
“ไม่มีครับ” เขาตอบแล้วขยับเน็กไทเล็กน้อย
“แล้วทำไมคุณถึงสวมเนคไทล่ะ”
เลขาฯ สาวตั้งข้อสังเกต พร้อมกับผายมือไปยังชุดสูทตัวเนี้ยบสีเทากับเน็กไทสีน้ำเงินเข้มที่เจ้านายสวม “ปกติคุณจะแต่งตัวเต็มยศแบบนี้ตอนออกงานหรือไม่ก็พบกับลูกค้ารายใหญ่เท่านั้นนี่คะ”
“ผมแค่อยากลองเปลี่ยนดูน่ะ”
เขาตอบทั้ง ๆ ที่กำลังน้ำท่วมปาก ไม่อยากจะยอมรับว่าเขากำลังใจจดใจจ่อตั้งตารอการมาถึงของจัสมิน ลูกสาวเพื่อนสนิท
ทว่าท่าทางผิดปกติของเจ้านาย มิอาจรอดพ้นสายตาอันเฉียบแหลมของกานต์พิชาไปได้
“คุณกำลังจะทำให้สาวที่ไหนประทับใจอยู่รึเปล่าคะ”
เธอแซวทั้งรอยยิ้ม เพราะร้อยวันพันปีตั้งแต่ร่วมงานกันมา เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ความสุขุมของเขาถือเป็นคุณสมบัติหลัก การจะได้เห็นชายหนุ่มทำตัวลุกลี้ลุกลนนั้นหาได้ยากยิ่ง หากไม่ใช่เรื่องสำคัญจริง ๆ เจ้าตัวคงไม่ออกอาการให้เธอสังเกตเห็น
เอ็ดเวิร์ดอยากจะแค่นหัวเราะออกมาดัง ๆ เมื่อได้ยินที่เลขาฯ แซว การทำให้จัสมินประทับใจเป็นสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในหัวเขาเลย ในความเป็นจริง ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะอยู่ห่างจากเธอให้มากที่สุดมากกว่า เขาไม่ได้รังเกียจเธอ แต่…เรื่องของเรื่องคงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว
เอริคเพื่อนรักของเขา ซึ่งก็คือพ่อของเธอ ได้ชวนเขาไปร่วมงานวันเกิดของเด็กสาวที่บ้านพักริมทะเล เรียกได้ว่าเขาอาจเป็นเพื่อนของพ่อคนเดียวที่สนิทกับเธอมากที่สุด เพราะเขาไปมาหาสู่กับพ่อของเธอบ่อย ๆ จึงได้พบเจอเธอแทบทุกครั้งและค่อนข้างเอ็นดูความสดใสน่ารักของเธอ
ในคืนนั้น เมื่อการสังสรรค์จบลงและทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว เขายังคงยืนรับลมทะเลอยู่คนเดียว เพราะเขาชอบกลิ่นทะเลและเสียงคลื่น ที่ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างง่ายดาย ในขณะที่ยืนอยู่นั้น เขาได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้ เขาจึงหันกลับไปมอง เป็นจัสมินที่กำลังเดินตรงมาทางเขาอย่างอ้อยอิ่งพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า เป็นรอยยิ้มของเด็กสาวอายุสิบแปดที่มีเสน่ห์จนแทบสะกดใจเขาได้เลยทีเดียว แต่เขาก็รีบปัดความคิดไม่เข้าท่าออกไป ด้วยรู้ดีว่าทั้งสองอยู่ในสถานะใด
เธอหยุดตรงหน้าเขา และก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร เธอก็เขย่งเท้าขึ้นจู่โจมจูบเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เขาตกใจกับการกระทำอันอุกอาจนั้น เมื่อได้สติก็รีบดันร่างเล็กออกห่าง แล้วรีบเดินหนีออกมาโดยไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ
หลังจากนั้นเขาพยายามหลีกเลี่ยงเธอมาตลอด ชนิดที่ว่าเขาหลีกเลี่ยงการไปพบปะกับเอริค หรือถ้ามีเหตุจำเป็นต้องไปหาจริง ๆ ถ้าไม่จำเป็นเขาไม่มีทางอยู่กับลูกสาวเพื่อนสองต่อสอง หรือเฉียดเข้าใกล้ในระยะหนึ่งเมตร อาจเป็นเพราะความละอายแก่ใจ ไม่ใช่เพราะการกระทำของเธอ แต่เป็นเขาต่างหากที่สลัดความคิดถึงจูบแบบเด็ก ๆ ของเธอไม่ได้ เขาอยากจะจูบเธอต่อ อยากสอนให้เธอได้รู้ว่าจูบที่แท้จริงเป็นอย่างไร
แม้จะผ่านมานานแล้ว แต่ความรู้สึกที่ผสมปนเปกันอยู่นี้ มันก็ยังคงรบกวนจิตใจของเขาไม่เลิกรา และหากเขาไม่ระวังให้ดี มันจะนำความยุ่งยากมาให้ในตอนหลังแน่ แค่เพียงแค่ได้ยินชื่อเธอ เขาก็ว้าวุ่นใจจนอาการออกอย่างที่เห็น
“ก็ได้ค่ะ ไม่บอกก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันก็คงจะรู้เองนั่นแหละ” กานต์พิชาเอ่ยเมื่อเขาไม่ตอบสักที
เสียงของเลขาฯ เรียกสติของเอ็ดเวิร์ดกลับมา
“ขอกาแฟให้ผมสักแก้วละกัน คุณพีช” เขาสั่งเพื่อจะได้ยุติการถูกจับผิด
เธอรับคำแล้วเดินไปจัดการใช้ตามคำขอ เมื่อกานต์พิชาออกจากห้องไปแล้ว เอ็ดเวิร์ดยกมือขึ้นกุมหน้าผาก นึกถึงบทสนทนาของเขากับเอริค ที่เอ่ยปากฝากให้ลูกสาวมาฝึกงานกับเขา เพราะมั่นใจในความสามารถและประสบการณ์ที่เขามี ก่อนจะให้เธอจะกลับไปบริหารกิจการบริษัทตัวเอง
เอ็ดเวิร์ดไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอต้องมาทำงานกับเขาด้วย ในเมื่อที่บ้านก็มีกิจการ เคยถามเพื่อนก็ได้คำตอบว่านอร์แมนเป็นบรรษัทข้ามชาติ ส่วนกิจการของตัวเองเป็นกิจการเล็ก ๆ ในประเทศเท่านั้น
ตอนนั้นเขาแอบหมั่นไส้เพื่อน เพราะว่ากิจการเล็ก ๆ ในประเทศของมันคือเจ้าของแฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ แต่กลับบอกว่าตัวเองเป็นบริษัทเล็ก ๆ และราวกับล่วงรู้ถึงความคิด มันจึงปิดท้ายว่าคิดจะขยายการลงทุนไปต่างประเทศ เลยจะให้ลูกสาวมาเรียนรู้งานเอาไว้ ถึงอย่างนั้น เอ็ดเวิร์ดก็ยังตงิดใจว่ามันไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เพราะนอร์แมนเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ห่างจากธุรกิจอาหารที่เพื่อนทำโข แต่แม้เขาอยากจะปฏิเสธก็ทำไม่ได้ ด้วยความเป็นเพื่อนรักค้ำคอ เขาไม่ได้กลัวเรื่องสปาย แต่กลัวอย่างอื่นมากกว่า
เอ็ดเวิร์ดไม่ได้เจอจัสมินอีกเลยนับตั้งแต่เหตุการณ์ในคราวนั้น ซึ่งเธอยังเป็นวัยรุ่นก็ส่อเค้าความสะสวยแล้ว ไหนจะทรวดทรงองเอวที่ดูเหมือนจะโตเกินวัย ทำให้เขาปั่นป่วนทุกครั้งที่นึกถึง แล้วผ่านมานานขนาดนี้ เธอคงเป็นสาวเต็มตัวแล้ว อดยอมรับไม่ได้ว่าจิตใจเบื้องลึกที่คิดอะไรไม่ถูกทำนองคลองธรรม มันกระหายที่จะได้เจอเธออีกหน
ให้ตายสิวะ!
ไอ้เอริคเชื่อมั่นในความสามารถของเขาถึงกับฝากฝังลูกสาวสุดรักมาอย่างนี้ ทำให้เขาต้องทนอยู่กับเด็กสาวที่ดึงดูดเขามากกว่าที่เขาจะคาดคิด ผู้หญิงคนเดียวที่เขาไม่สามารถยุ่งด้วยเด็ดขาด แต่ต้องการแทบบ้า เธอทำให้เขาเป็นเหมือนไอ้เฒ่าโรคจิตที่คิดถึงแต่เด็กสาวรุ่นลูก
เขามองดูนาฬิกา จัสมินน่าจะมาถึงแล้ว เขาส่งลูกน้องคนสนิทไปรับเธอ ความจริงแล้วสมควรเป็นเขาที่ไปรับด้วยตัวเอง แต่เขาคิดว่าการจำกัดระยะห่างตั้งแต่ต้นจะดีที่สุด จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่คนอื่นไป ส่วนตัวเองก็นั่งสงบอารมณ์อยู่ในห้องเพื่อรอการมาถึงของเธอจะดีกว่า
ผ่านไปสักราวห้านาทีประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามา เขาหันขวับไปดูทันที ปรากฏเป็นร่างของเลขาฯ เดินถือกาแฟร้อนตามที่เขาสั่งเข้ามาให้
“คุณเอ็ดเวิร์ด คุณโอเคแน่นะคะ”
เลขาฯ ผู้ปราดเปรื่องหรี่ตามองเจ้านายหนุ่มอย่างจับผิด ทำงานด้วยกันมานานมีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าเขากระวนกระวายกับอะไรบางอย่างเพียงใด
“ผมก็ปกติดีนี่คุณพีช อ้อ ถ้าฮิวโก้มาแล้วแจ้งผมด้วยนะครับ” เขาตอบพลางขยับเนคไทอีกรอบ ซึ่งก็เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้
“ก็ได้ค่ะ งั้นดิฉันขอตัวไปทำงานต่อนะคะ” กานต์พิชาตอบพร้อมยิ้มเล็ก ๆ ก่อนจะเดินออกไป
พอประตูปิดลง จิตใจของเอ็ดเวิร์ดเหมือนจะสงบลงได้ชั่วครู่ อย่างน้อยก็ไม่ต้องอยู่ในสายตาจับผิดของกานต์พิชา หญิงสาวคนนี้มีสัญชาตญาณเฉียบคมมาก ด้วยความที่ทำงานร่วมกันมานาน เธอจึงรู้แทบจะทุกเรื่องทุกความคิดของเขา เขาชื่นชมเธอเพราะความสามารถอันเปี่ยมล้นที่ทำให้เขาทำงานได้ง่ายขึ้นเยอะ แต่ในตอนนี้เขากลับเกลียดมัน เพราะกลัวว่าเธอจะค้นพบความลับอันน่ารังเกียจของเขาที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้มานานนับปี
เสียงอินเทอร์คอมดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เขาสูดหายใจก่อนจะตอบรับ
“ครับ”
“ฮิวโก้มาแล้วค่ะ แต่ว่า…”
“ผมรู้แล้ว ให้เข้ามาได้เลยครับ” เอ็ดเวิร์ดตัดบทก่อนที่ปลายสายจะรายงานจบ