บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ปาร์ตี้สละโสด ใครมาโสดจ่าย..

ผับดังกลางเมืองหลวงในยามค่ำคืน รถสปอร์ตรุ่นล่าสุด สีแดงสด ทะเบียนสวย วิ่งเข้ามาจอดที่โซนจอดรถ VIP ด้านข้างของร้าน สาวสวยสุดเซ็กซี่ ในชุดสกินนี่สีดำผ้ามันวาวกับบอดี้สูทสีขาวโชว์แผ่นหลังขาวเนียนจนถึงเอว ผมสีน้ำตาลเข้มลอนใหญ่ของเธอที่มวยไว้ลวก ๆ เหน็บด้วยปากกาแท่งละไม่กี่บาทก่อนหน้า ถูกปล่อยให้ยาวสยายเต็มหลังจนถึงขอบกางเกง ก้าวลงมาจากรถในขณะที่มืออีกข้างยังยกโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูแนบหูอยู่

“เออ...กูถึงแล้วเนี่ย จอดรถแป๊บนึง”

‘อย่าลืมคู่นะจ๊ะอิสวย (หมายถึงสายภาษาอีสาน) ปาร์ตี้สละโสด แต่คืนนี้ใครมาโสด เหมาจ่ายนะคะ’ เสียงเพื่อนสาวปลายสายว่ามาทำเอาหญิงสาวผู้มาดมั่นในทีแรกตาโต

“เชี้ย! ลืมสนิทเลยเว้ย วันนี้พี่เจไม่อยู่ ไอ้วนโดนพ่อมาร์คถีบลงใต้ แฝดนรกก็บินแล้วด้วยเมื่อเช้า จะหาใครได้ตอนนี้วะ” แองจี้ หรือ รักจันทร์ อุทานเสียงดังกับความลืมแบบสนิทอกสนิทใจของตัวเอง กับกฎวันนี้ที่เพื่อนรักตั้งขึ้น

วันนี้เธอถูกกลุ่มเพื่อนรักวัยมัธยมที่เหลือเพียงไม่กี่คนของเธอนัด (เรียกว่าบังคับก็ได้) มางานปาร์ตี้สละโสดของ ต้นข้าว เพื่อนสาวสุดที่รักในกลุ่มเป็นงานแรก หลังจากที่กลับจากอิตาลีตั้งแต่ที่เธอไปเรียนปริญญาตรีด้านการออกแบบที่นั่น จนจบปริญญาโทและทำงานต่อในบริษัทแฟชั่นยักษ์ใหญ่ของที่นั่นอีกปีกว่า แต่มีเหตุให้ต้องกลับบ้านด่วนเมื่อปลายปีก่อน เพราะคุณย่ากับคุณยายของเธอป่วยพร้อม ๆ กัน คุณแม่กับคุณป้าต้องช่วยกันดูแลพวกท่าน เลยขอให้เธอกลับมาช่วยดูแลบริษัทเสื้อผ้าแบรนด์ดังของครอบครัว โดยทีแรกจะให้เธอดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายบริหารแทนคุณเจ้าขา คุณแม่ของเธอทันทีที่กลับถึงไทยแต่เธอปฏิเสธ โดยขอเข้ามาทำงานในตำแหน่งดีไซน์เนอร์ก่อนเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนในบริษัทและผู้ถือหุ้นเชื่อมั่น มากกว่าการขึ้นบริหารโดยการต่อมือจากผู้เป็นแม่ จากการตั้งใจและบ้างานตั้งแต่วันแรกที่เหยียบผืนดินประเทศไทย ทำให้หุ้นส่วนพอใจฝีมือเธอเป็นอย่างมากในไตรมาสแรกที่ผ่านมา และเห็นชอบแต่งตั้งเธอให้เป็นหัวหน้าดีไซน์เนอร์แทนคนเดิมที่ลาออกก่อนหน้าได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ด้วยเวลาที่เร่งรีบทำให้เธอไม่รับงานสังคมใด ๆ ตั้งแต่กลับมาและงานคืนนี้ถ้าเพื่อนรักอย่างต้นข้าวไม่บอกว่า ถ้าไม่มาขาดกัน เธอก็คงไม่ยอมทิ้งงานมาตามคำสั่งเพื่อนเด็ดขาด

‘ไม่ได้นะชี งานนี้ห้ามญาติ ห้ามพี่ ห้ามน้องย่ะ คู่ควงได้ แฟนได้ ผัวได้ แต่มึงจะเอาพี่หมอเจเดนมาด้วยไม่ได้ กูไม่อยากนอนก่อน 4 ทุ่มค่ะมึง’ เสียงเพื่อนแหวมาแข่งกับเสียงดนตรี และห้ามขาดกับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเธอ ที่ทำตัวเป็นคุณหมอ 24 ชั่วโมงสำหรับพวกเธอ

“แล้วต้องยังไงวะ จะหาที่ไหนได้เพื่อนผู้ชายกูไม่มีนี่ เอาไอ้สิทธิ์ได้มั้ยล่ะ” หญิงสาวโอดครวญอย่างน่าสงสาร

‘ไม่ได้! ผู้ชายค่ะผู้ชาย มึงจะเอาอีสิทธิ์มาเพื่อ’ เสียงเพื่อนประสานเสียง

“แต่สิทธิ์ก็ผู้ชายนะ พวกมึงแกล้งกูชัด ๆ เลยเว้ย” หญิงสาวเท้าเอวคุยกับเพื่อนพร้อมทั้งพูดถึงผู้ชายตัวเองที่ร่างกายเป็นชายแต่ใจสาวกว่าเธอมาก ปลายสายที่ตอนนี้เปิดลำโพงอยู่ได้ยินกันทั้งกลุ่มกลับพากันขำกับความจริงจังของเธอ

‘ที่รัก ฟังซีสนะคะลูก ตรงข้ามมีบาร์โฮสต์ค่ะ มึงไปลากมาจากตรงนั้นเลยค่ะ กรีดนิ้วเลือกมาเลย’ เอลซี่ สาวสองแสนสวยหนึ่งเดียวในกลุ่มปรับสีหน้าจริงจัง พร้อมกับบอกวิธีแก้กับเพื่อนสาวมาตามสายแล้วยักคิ้วให้เพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยอย่างรู้กัน

“กรีดนิ้วเลือกได้เลยเหรอ แล้วต้องบอกเขาว่าไงวะ” แองจี้ถามอย่างตื่นเต้น

‘โอ๊ย! นี่มึงไปอยู่อิตาลี่หรือไปบวชชีวัดป่ามาวะเนี่ยอิจี้ เดินข้ามถนนไปก่อน จะบอก!’ เอลซี่โวยวายมาเสียงดังพร้อมกับบอกให้หญิงสาวเดินข้ามถนนไปที่บาร์โฮสต์ฝั่งตรงข้าม

“อะ...เออ โอเค” ว่าแล้วก็ได้ยินเสียงเธอวิ่งข้ามถนนไปจริง ๆ “ข้ามมาแล้วเนี่ย ยังไงต่อแม่” หญิงสาวถามเพื่อนพรางหยุดยืนมองบรรดาชายหนุ่มหลาย ๆ คนที่กำลังมองมาทางเธอยิ้ม ๆ *เชี้ย มีแต่หล่อ ๆ เลย เดินเข้าไปนี่ตัดสินใจไม่ถูกเลยนะนั่น*

‘มองดูค่ะ ถูกชะตาคนไหนก็เดินเข้าไปหาเลย’ คำบอกของเพื่อนสาวทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วมองบรรดาหนุ่มหล่อหน้าใส วัยไม่น่าเกินนักศึกษาที่ยืนยิ้มส่งให้แล้วไปสะดุดตากับชายหนุ่ม ร่างสูงโปร่ง ตัวใหญ่หุ่นนักกีฬา ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอก กางเกงสีดำรีดเรียบ รองเท้าสีดำมันวาว ที่กำลังหันข้างคุยโทรศัพท์อยู่ห่างจากชายหนุ่มคนอื่น ๆ พอสมควร

“จะว่าไปก็น่าถูกชะตาทุกคนเลยว่ะ แต่เจอแล้วทำไงต่อ” หญิงสาวถามเพื่อนเสียงเบาแล้วแอบมองสำรวจคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้า *คนนี้ล่ะวะ อยู่คนเดียว ถ้าเดินไปกลุ่มนั้นอายฉิบหายแน่*

‘จำคำแม่ไว้นะลูก เดินยิ้มเข้าไปหา แล้วพูดว่า น้องคะไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยสะดวกมั้ยคะ ยิ้มน้อย ๆ ถ้าเขาโอเค ก็ลากมาเลยค่ะ’ เอลซี่จีบปากจีบคอบอกหญิงสาวทั้งกลั้นขำสุดชีวิตที่ได้แกล้งคนจริงจังอย่างแองจี้เล่น

“แล้วถ้าเขาแก่กว่าเราล่ะแม่ ต้องเรียกว่าไง” หญิงสาวถามไปอีกประโยคเบา ๆ เพราะจากที่ดูหนุ่มหล่อคนนี้น่าจะเป็นรุ่นพี่ของเธอแน่ ๆ แม้จะอยู่ในชุดนักศึกษาก็เถอะ *ชุดนักศึกษาแต่ด้านข้างน่าจะชรากว่ากูแหละ...หญิงสาวคิดในใจ*

‘แองจี้คะ...จะรุ่นน้อง รุ่นพี่ รุ่นลุง มึงก็เรียกน้องไปเลย เร็ว ๆ มาช้าจ่ายค่าเลทนะคะ’ เพื่อนลากเสียงยาวประชดมาตามสาย

“ถ้าพาไปได้ พวกมึงอย่าเรียกชื่อกูนะเว้ย แถวนี้ใกล้ที่ทำงานพ่อกู” สาวสวยพูดเสียงเบา เพราะนี่เป็นครั้งแรกของเธอที่จะเรียกใช้บริการโฮสต์แบบนี้ และเธอก็รู้ว่าอาชีพแบบนี้บางครั้งคนหน้าตาหล่อ ๆ ที่มีงานประจำก็เข้ามารับจ๊อบได้ เพราะเป็นงานกลางคืน ซึ่งไม่มั่นใจว่าจะมีใครรู้จักเธอหรือพ่อแม่เธอหรือเปล่า เพราะย่านนี้ไม่ไกลจากบริษัทของพ่อเธอมากนัก

‘เออ...น่า เรื่องปกติของสาวโสดค่ะ ไม่มีก็ซื้อกินค่ะ ให้ไวอย่าโอ้เอ้’ เอลซี่ว่าให้เพื่อนแล้วมองค้อนใส่มือถือ

“โอเค ๆ แค่นี้เดี๋ยวเจอกัน” ว่าจบหญิงสาวตัดสายทันทีแล้วยืนรอคนตรงหน้าคุยโทรศัพท์อยู่ใกล้ ๆ

“เยส! มันไปจริงว่ะพวกมึง คอยดูนะว่ามันจะได้ผู้มาจริงมั้ย” เอลซี่ว่ากับเพื่อน ๆ ที่นั่งฟังด้วยกันอย่างชอบใจทันทีที่วางสาย

“แกก็แกล้งมันแรงไป เกิดมันมีแฟนแล้วล่ะ ได้ทะเลาะกันตายเลยนะเว้ย” ลูกอ้อนว่าให้เพื่อนแต่ก็หัวเราะคิกคักชอบใจ

“ไม่มีชัวร์ เอาหัวสวย ๆ เอลซี่เป็นประกันค่ะ นางบ้างานมากเว้ย มันกลับมาจะปีอยู่แล้วยังไม่เคยไปหากูเลย ขนาดไปหาที่ออฟฟิศแม่มันยังบ่นว่ามันบ้างานไม่ค่อยเข้าบ้านจนพ่อต้องซื้อคอนโดใกล้ที่ทำงานให้มันน่ะ แถมบางอาทิตย์ต้องกลับบ้านต่างจังหวัดไปช่วยตามันดูค่ายมวยอีก นี่ถ้าไม่บอกว่าไอ้ข้าวจะเลิกคบนะ จ้างมันก็ไม่มาจ่ะ เออ...มันบอกด้วยนะว่าอย่าเรียกชื่อจริงมัน แถวนี้ใกล้บริษัทพ่อมันเผื่อมีคนรู้จัก” เอลซี่ร่ายยาวมั่นใจในความคิดของตัวเองมาก และกล่าวเตือนเพื่อนในตอนท้าย

ขณะเดียวกัน

ใกล้ ๆ ร้านบาร์โฮสต์

“กูมาถึงแล้วเนี่ย มึงอยู่ไหนแล้ววะ แท็กซี่แม่ง...จอดฝั่งตรงข้ามให้กูข้ามถนนไปเอง แล้วแม่ง สัญญาณอะไรก็ไม่มีจะให้กูเหาะข้ามหรือไง” ทอย หรือ หมอทอย นายแพทย์ธีรดา ธีรนันธากร นายแพทย์หนุ่มวัย 29 ปี ที่เพิ่งเรียนจบแพทย์เฉพาะทางจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกาด้วยใบรังรองความสามารถถึง 2 ใบ ทั้งทางศัลยกรรมกระดูกและระบบสมอง และกลับมารับใบรับรองวิทยฐานะระดับดุษฎีบัณฑิต (ป.โท) จากมหาวิทยาลัยชื่อดังของไทยอีก 2 ใบ (ไปฐานะนักเรียนทุน ป.โท ของมหาลัยในเครือ เลยได้ใบรับรองที่นู่นแต่กลับมารับปริญญาที่ไทย โดยมหาลัยให้ทุน 1 ใบแต่ขออยู่ต่อออกทุนเองอีก 1 ใบ) ถามเพื่อนอย่างหัวเสียทันทีที่ปลายสายกดรับ

‘รอแป๊บนึง กูไปรับไอ้คริสกำลังจะถึงแล้ว อีก 2 ไฟแดง’ เจเดน หรือคุณหมอเจติพัฒน์ ตอบเพื่อนมาตามสายอย่างใจเย็น

“อ้าว? แล้วไอ้คริสมันไปไหน บอกว่าร้านมันไม่ใช่หรือไง” ชายหนุ่มถามเพื่อนแต่ตามองรถที่วิ่งบนถนน ซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะเบรกหรือชะลอกันเลย

“รถมันเอาเข้าศูนย์น่ะสิ กูถึงไปรับมันเนี่ย”

“เออ...กูรออยู่ฝั่งตรงข้ามนี่นะ แม่ง...

เปิดมาพระเอกของฉันก็กลายเป็นโฮสต์เลยจ้า ...น้ำตาจิไหล กับสายตาลูกสาว เกงดำเสื้อขาว เป็นหมอก็ได้ลูก...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel