

ตอนที่ 4 พบเจอ
ตอนที่ 4 พบเจอ
“คุณหมอ...คุณหมอ...อยู่หรือเปล่าเนี่ย” ปิ่นงามได้เอาอาหารเย็นมาส่งตามที่ได้โน้ตบอกเอาไว้ เธอตะโกนเรียกอยู่นานสองนานแต่ก็ไม่เห็นมีใครออกมา เธอจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้าน
“คุณหมอ...” ระหว่างการเดินเข้ามาเธอก็ส่งเสียงเบาๆเรียกตลอด เพราะกลัวเจ้าของบ้านคนใหม่จะไม่ชอบ ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านพักหลังเล็กๆเท่านั้น กวาดตามองก็รู้แล้วว่าไม่มีใครอยู่ เธอจึงเดินทะลุไปที่หลังบ้าน ก็เห็นผู้ชายรูปงามนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเก้าอี้ไม้และน่าจะหลับสนิทซะด้วย เพราะเธอได้ยินเสียงโกนเบาๆออกมาจากลมหายใจของเขา
“คงจะเหนื่อยจากการเดินทางสินะ” ปิ่นงามนั่งลงมองคนกำลังหลับ รูปร่างสมส่วน ขายาว ผิวขาว ใบหน้าเนียนใส ไว้หนวดบางๆ ทรงผมทันสมัย เขาหล่อโคตรอย่างที่ครูตองนวลบอกจริงๆด้วย
นานๆที่ปิ่นงามจะได้เจอผู้ชายรูปงามหน้าตาดีแบบนี้สักคน เธอนั่งมองหน้าเขาอยู่สักครู่ รอเขาตื่นขึ้นมาเธอจะได้ขอเก็บค่าอาหาร แต่เขาก็ยังไม่ยอมตื่น เธอจึงถือวิสาสะยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ ผิวหน้าของเขาทั้งขาวทั้งเนียนรูขุมขนแทบมองไม่เห็นเลย
และจังหวะนั้นเอง คุณหมอได้ลืมตาตื่นขึ้นมาและด้วยความตกใจ เขาดีดตัวลุกขึ้นนั่งทำให้ริมฝีปากของเขากับเธอชนกันพอดิบพอดี
“ว๊าย!!...ขอโทษค่ะ” ปิ่นงามผละออกอย่างไว หัวใจของเธอเต้นแรง เธอหวังว่าเขาจะไม่โกรธเธอนะ
“เธอเป็นใครน่ะ!” น้ำเสียงเข้มๆเอ่ยถาม พลางคิดไปว่าน่าจะเป็นแม่ค้าที่เขาสั่งข้าว
“ปิ่น!...ปิ่นเอาข้าวมาส่งให้ค่ะ” สำเนียงของเธอชัดแจ๋ว ฟังแล้วไม่รู้สึกขัดหูเลยสักนิด
“เท่าไหร่...” เขาหมายถึงค่าข้าว
“สี่สิบบาทค่ะ”
“คิดไปสามเดือนเลย” ด้วยสมองอันชาญฉลาดของปิ่นงาม แทบจะไม่ต้องคิดเยอะเธอตอบออกมาเดี๋ยวนั้นทันที
“หนึ่งหมื่นแปดร้อยบาทค่ะ” แสงเหนือเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบเงินจำนวนที่มากกว่าที่เธอบอกยืนให้เธอไป
“ไม่ต้องทอน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ปิ่นงามหยิบเงินปึกนั้นมานับ เธอนับได้หนึ่งหมื่นห้าพันบาท ส่วนที่เกินมาเธอจะพิเศษมาให้ในแต่ละมื้อก็แล้วกัน เธอพับเงินจำนวนนั้นใส่กระเป๋าเสื้อแล้วมองหน้าเขานิ่งๆเหมือนกำลังอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
“มีอะไร...” แสงเหนือเห็นแววตาของเธอ เขาก็เลยเอ่ยถามขึ้น
“คือ...เรื่องเมื่อกี้คุณหมอห้ามไปพูดที่ไหนเด็ดขาดเลยนะคะ” เรื่องขี้ปะติ๋วแบบนี้เขาไม่เอามาใส่ใจหรอก แล้วเขาก็ไม่ได้เป็นคนเสียเปรียบซะด้วยซิ อีกอย่างถ้าเขาโกรธแล้วใครจะหาข้าวหาน้ำให้เขากิน แต่ริมฝีปากของเธอนุ่มโคตร...แสงเหนือมองไปที่ริมฝีปากนั้นอีกครั้ง พอเธอเม้มปากเขาจึงเสมองไปทางอื่นแทน
“ไปได้แล้ว...” เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะพร้อมกับปิ่นโตของเธอที่ในนั้นมีอาหาร ตอนนี้เขาหิวจะแย่อยู่แล้ว เขามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าสี่สิบบาทคือถูกมาก กับข้าวธรรมดาก็จริงเรื่องนี้เขาไม่เรื่องมาก แต่อาหารตรงหน้ามันก็มากโขพอที่จะให้ท้องหิวๆของเขาตอนนี้อิ่มได้ มีน้ำมาให้สองขวดด้วย
“เธอชื่อปิ่นใช่มั้ย” เมื่อสักครู่เหมือนเขาจะได้ยินเธอเรียกชื่อตัวเอง
“ใช่ค่ะ”
“รับจ้างทำความสะอาดบ้านมั้ย” เขาพยักพเยิดหน้าไปในบ้านบอกให้เธอรู้ว่าฝุ่นมันเยอะมาก ตอนแรกเขาว่าจะจัดของที่อยู่ในกระเป๋าเอาเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย แต่มองดูจากฝุ่นหนาๆนั่นแล้ว เอาไว้ในกระเป๋าก่อนดีกว่า จะทำเองอุปกรณ์ก็มีแค่ไม้กวาดอันเดียวคงจะไม่สะอาดแน่ๆ
“ห้าร้อยค่ะ” เธอแบมือขอ แสงเหนือกรอกตามองบนเอือมในความขี้งกของเธอ เมื่อกี้ก็ให้เกินไปตั้งเยอะ
“ทำก่อนเดี๋ยวค่อยจ่ายได้มั้ย” เขากำลังนั่งกินข้าวอยู่ หิวมากด้วย คนอย่างเขาไม่เบี้ยวเธอหรอก
“โอเค...” พูดจบเธอก็กลับบ้านไปเอาอุปกรณ์มาทำความสะอาดบ้านให้เขา บ้านพักคุณหมอกับบ้านของเธออยู่ห่างกันประมาณห้าร้อยเมตรเห็นจะได้ ได้อุปกรณ์เสร็จเธอก็ปั่นจักรยานกลับมา เห็นคุณหมอทานข้าวอิ่มพอดี
“อิ่มมั้ยคะ เพิ่มได้นะ”
“พอแล้ว ว่าแต่เมื่อกี้แกงอะไรเหรออร่อยดี” หิวจนลืมถามเลยว่าแกงอะไรมาให้กิน เห็นหน้าตาดีรสชาติก็พอไปวัดไปวาได้เขาก็โอเคแล้ว
“ไม่ต้องไปรู้หรอกกินไปเถอะ” เธอกลัวว่าเขาจะกินไม่ได้ แต่เนื้อที่เธอเอามาทำกับข้าวให้เขากินคนที่นี่เขากินกันปกตินะ
“นี่ยัยเตี้ย! อย่าบอกนะ เอาเนื้อประหลาดๆมาให้ฉันกินหรือเปล่าเนี่ย” แสงเหนือเริ่มระแวง
“ฮ่าๆๆๆ” ท่าทางตกใจของคุณหมอหน้าหล่อคนนี้ทำให้ปิ่นงามอดที่จะขำไม่ได้ เธอไม่ทำแบบนั้นกับลูกค้าวีไอพีหรอกน่า...
“ยัยเตี้ยบอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
“เรียกดีๆ ถึงปิ่นจะเตี้ยแต่ถ้าหน้าสวยแบบนี้เขาเรียกว่าตัวเล็กย่ะ” บังอาจมาเรียกเธอว่ายัยเตี้ย รู้มั้ยว่าในหมูบ้านนี้เธอสวยที่สุดแล้ว
“ปิ่น...” เขายอมเรียกชื่อเธอดีๆก็ได้ ก่อนที่ของอร่อยที่กินเข้าไปจะพุงออกมาด้วยความคิดมากของตัวเอง
“เนื้อแพะกินได้หรือเปล่า” เขาโล่งอกทันทีที่ได้ยิน นึกว่าเป็นอย่างอื่นอย่างเช่นสัตว์น่ากลัว
“ได้...ที่นี่มีเนื้อแพะกินด้วยเหรอ”
“แพะชาวบ้านน่ะ ก็เลี้ยงไว้กินเหมือนเนื้อวัว เนื้อควาย เนื้อหมู เนื้อไก่ นั่นแหละ ว่าแต่คุณหมอแพ้อาหารหรือไม่ชอบกินอะไรมั้ย ปิ่นจะได้ไม่ทำมาให้”
“กินได้หมด ถ้าหิวมากๆเนื้อเธอฉันก็กินได้”
“พูดจริง...” เธอถามยิ้มๆ
“แต่คงกินไม่ลงหรอก ปัดกวาดเช็ดถูไป เอ้าค่าแรงเธอ” ว่าแล้วเขาก็ยื่นแบ้งพันให้เธอเพราะไม่มีแบ้งอื่นเลย
“ต้องทอนมั้ยคะ” ที่จริงคำถามแบบนี้ไม่น่าถาม แต่ไหนๆเขาก็ต้องการคนช่วยทำความสะอาดอยู่แล้ว
“อีกห้าร้อย อาทิตย์หน้าค่อยมาทำอีกรอบก็แล้วกัน”
“โอเคค่ะ”
“อือ...” เขาพยักหน้าให้ ปิ่นงามจึงหนุนตัวไปหยิบไม้กวาดก่อนอันดับแรก เธอเริ่มทำไปเรื่อยๆจนมันสะอาด ซึ่งเวลานี้ก็เริ่มมืดแล้วด้วย
