บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 คุณหนูหลินเฟิง

ขนตาหนาเป็นแพค่อยๆ ปรือตื่นขึ้นในรุ่งอรุณวันถัดมาดวงตาสีน้ำตาลสวยกวาดไปรอบๆ บริเวณเสียงเเดดเรไรสาดส่องกระทบผิวหน้านวลผ่องของหญิงสาวร่างกายของหลินเฟิงค่อยๆ พยุงตื่นขึ้นพร้อมทั้งบิดขี้เกียจฟังเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วตอนเช้าอย่างสดชื่น แม้ว่าเมื่อคืนจะนอนน้ำตาตกอยู่หมาดๆก็ตาม

"ตื่นเถอะยามเหม่าแล้วถ้ายังไม่ตื่นจะทิ้งไว้บ้านอีกวันนะ แต่ก็คงจะดีใจสิท่า"

เสียงดังประชดประชันของชายหนุ่มเมื่อคืนดังอยู่อีกฝากของประตูไม้ไผ่บานเก่าดังเข้ามาข้างใน แต่เดี๋ยวก่อนนี่ยามเหม่าแล้วเหรอ.. ว่าแต่ยามเหม่านี่กี่โมงนะ จางหมิ่นใคร่ครวญในใจ

'อืม...คงไม่น่าถึง7โมงเช้าหรอกมั้งเเดดยังอ่อนๆอยู่เลย"

หญิงสาวร่างบางพึมพำเงียบๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู ด้วยที่เธอติดนิสัยรีบเร่งทำให้สะดุดเกือบหัวคะมำโชคยังดีที่ไม่ทันได้ล้มเพราะมีเจี้ยนหยียืมเฝ้าอยู่หน้าประตูเขารับร่างกายบางๆ ของเธอไว้ได้สบายๆ

"เจ้าจะรีบใยกันข้าไม่ได้จักไปเดี๋ยวนี้ ก็รอเจ้าอยู่แต่ท่านพ่อกับน้องรองน้องเล็กขึ้นเขาไปเสียตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง"

"ในเมื่อตื่นขึ้นมาได้แล้วก็ไปเตรียมตัวตะกร้าอยู่ตรงนั้นสะพายออกมาข้าจะไปรอเจ้าอยู่หน้าบ้าน"

หลังจากที่ชายหนุ่มเสียงทุ้มต่ำสั่งเสร็จก็หันหลังออกไปทันทีแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ตัวหลินเฟิงจึงรีบไปล้างหน้าล้างตาคว้าตระกร้าสานมาสะพายหลังอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ชายก่อนหน้านี้รอนาน

"เจี้ยนหยี! ไปกันเถอะ! "

เสียงดังมาแต่ไกลตามมาด้วยเสียงหอบ "แฮ่กๆ"ของหลินเฟิง เถอะวิ่งมาและท้าวเข่าหอบอยู่ต่อหน้าเจี้ยนหยีนั่นทำให้เขาถึงกับส่ายหัวไปมาเบาๆไม่ใช่เพราะเอ็นดูแต่เพราะท้อใจต่างหาก

"ขนาดเจ้าวิ่งออกมาแค่นี้ยังหอบจะเป็นจะตายการขึ้นเขาไกลนักกว่าจะเดินไปถึงใช้เวลาเดินติดต่อกันก็เกือบ1ชั่วยาม ตอนนี้ก็จะยามเฉินแล้วกว่าจะขึ้นถึงบนเขาคงเป็นยามซื่อแล้วละ"

"รู้แล้วๆไปกันเถอะยืนพร่ำอยู่ได้"

เสียงหญิงสาวบ่นพึมพำปนกับเสียงหอบ 'แฮ่กๆ'อย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของสาวน้อยหลินเฟิงก็พลันแดงไปด้วยราวกับมะเขือเทศสุก

"หลิงเฟิงถ้าเจ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องไป"

เสียงทุ้มออกคำสั่งกับเธออีกครั้งฟังดูเขารำคาญมากกว่าเป็นห่วงก่อนจะเดินจ้ำๆเท้าออกไปจากตรงนั้นทันทีเธอกลัวไม่ทันจึงรีบวิ่งตาม

"ถ้าเจ้าไม่ไหวก็กลับไปอย่ามาเป็นภาระข้าทางเกือบ30ลี้เจ้าจะเดินไหวรึไง"

"ไหว!รอก่อนเดินช้าๆหน่อย! ข้าจำทางกลับไม่ได้ให้ข้าไปด้วยเถอะนะ"

เสียงของหลินเฟิงไล่ตามหลังเจี่ยนหยีอย่างไม่ลดละเธอพยายามเดินให้ทันเขาแต่ผู้ชายอกสามศอกคนนี้เดินไวยังกะเขาเหาะเอา ขาเรียวๆทั้งเดินทั้งวิ่งก็ยังไปไม่ถึงตัวเขาเสียทีหากหลินเฟิงหยุดพักเพียงเสี้ยววินาทีเดียวไม่แน่ว่าเขาอาจจะหายไปจากสายตาเธอ

ขณะที่หลินเฟิงหลับหูหลับตาเดินเธอก็ถูกคว้าตัวมาหลบหลังต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นตายต้นหนึ่งพร้อมกับสัญญาณของเจี้ยนหยีที่สั่งให้เงียบหญิงสาวเอาแต่พยักหน้าหงึกหงักโดยไม่รู้แม้แต่น้อยว่าทำไมต้องให้เงียบ แต่เเรงเธอตอนนี้พยักหน้ายังลำบากจะเอาแรงที่ไหนไปเถียงกับเขา ผู้ชายตัวสูงล่ำแถมยังไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยหอบเลยแม้สักนิด

"เอามา! ของที่หามาได้นั่นแหละเอามา! ถ้าไม่อยากตาย!"

เสียงขู่กรรโชกทุ้มสูงฟังดูคงเป็นเสียงผู้ชายวัยสัก30ต้นๆเห็นจะได้ ตามมาด้วยเสียงหญิงวัยชราที่เธอคงกำลังร้องห่มร้องไห้

"ไม่มีเจ้าค่ะวันนี้ข้ากับแม่หาของป่าไม่ได้เลย"

เสียงเด็กสาวอายุอานามที่ฟังก็คงจะเท่าๆกับจื่อรุ่ยนั่นแหละ เสียงเธอสั่นเหมือนกำลังหวาดกลัว แต่ตัวหลินเฟิงรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงสองแม่ลูกนี้ยิ่งนัก

'แม่นมจื้อกับลี่อิน'

เสียงสั้นๆดังแทรกขึ้นมาในห้วงความคิดแน่นอนว่านั่นคงจะเป็นหลินเฟิงแน่ๆ แต่เดี๋ยวก่อนนะถ้าเป็นแม่นมจื้อกับลี่อินงั้น.. ก็เป็นคนที่หลินเฟิงรักและผูกพันด้วยมากที่สุดน่ะสิ

อดีตเมื่อก่อนที่หลินเฟิงจะถูกยัดคลุมถุงชนกับหานเจี้ยนหยี แม่นมจื้อคือคนเลี้ยงดูอบรมเธอมาพร้อมอีกทั้งคอยปกป้อง ตัวของลี่อินถึงจะเป็นรุ่นไล่ก็คอยปกป้องเธอซึ่งตัวของหลินเฟิงนั้นรักลี่อินเหมือนพี่น้องแท้ๆแทนที่จะเป็นพี่สาวของเธอเสียอีก

ไม่ทันได้คิดอะไรมากก็เหมือนร่างกายเธอจะควบคุมไม่ได้หรือเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่จางหมิ่น ร่างกายถูกบังคับให้ออกไปเผชิญหน้าพร้อมตะโกนเสียงดังใส่พวกโจรชุดดำที่ขู่กรรโชกสองแม่ลูกอยู่ เธอพยายามรั้งแม้แต่ตัวเจี้ยนหยีก็รั้งร่างนี้ไว้แต่ไม่อยู่

"ออกไปนะพวกโจรชั่วพวกเจ้าอยากจะตายรึไงห้ะ!!!"

เสียงหลินเฟิงดังก้องป่าด้วยอารมณ์โกรธจัดที่เหมือนน้ำกำลังถูกต้มด้วยไฟแรงในเวลานานๆจนน้ำเป็นเสียง"ผุดๆ"หากโดนก็คงจะเนื้อหนังสุกและหลุดลอกออกมา

โจรพวกนั้นได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็ชี้หน้าเธอก่อนจะเผ่นหนีป่าราบก่อนที่ตัวจางหมิ่นจะควบคุมร่างกายได้ตามปกติเธอรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากในก่อนหน้านี้

"คุณหนู.. คุณหนูหลินเฟิง.. เป็นน้ำใจนัก"

หญิงชราวัยย่างเข้าปีที่หกสิบร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวจางหมิ่นเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเพียงเข้าไปกอดและลูบหลังเท่านั้น หญิงสูงวัยยิ่งสะอึกสะอื้นเมื่อเห็นสภาพคุณหนูในชุดที่เหมือนไม่ใช่เสื้อผ้า ตัวลี่อินเองก็แทบจำหลินเฟิงไม่ได้

คนที่นางรักเหมือนพี่สาวในสายเลือดพอโดนท่านพ่อค้าใหญ่เอาอุบายมาโยนใส่หัวและถูกคลุมถุงชนตกแต่งออกมาจากคุณหนูน้อยที่ดูสง่างามตอนนี้ซูบผอมแก้มนวลเริ่มซูบตอบแล้วอีกทั้งผิวพรรณก็ดูเขลอะเปรอะเปื้อน

"คุณหนูหลินเฟิงนี่ท่านใช่มั้ยเจ้าคะ"

ลี่อินถามด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อสายตาแม้นว่าหลินเฟิงไม่ค่อยดีกับใครทำตัวขี้เกียจแต่นั่นไม่เคยเกิดขึ้นกับนางและแม่ของนางเลยพอเห็นเช่นนี้ก็ถึงกลับแทบเป็นลม

ไม่นานเจี้ยนหยีก็เดินออกมาจากหลังต้นไม้เขาทำการคำนับแม่นมตามมารยาท พอแม่นมเห็นสภาพชายหนุ่มเธอก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเหตุเพราะตัวชายหนุ่มเองถึงจะดูกำยำแต่ความขาดสารอาหารนั้นก็ส่อชัดเจน

ในใจแม่นมคิดไปไกลว่าถ้าหากคุณหนูน้อยของนางยังอยู่ในตระกูลหานจะไม่อดตายเสียหรือไร หรือไม่คุณหนูของนางก็คงต้องทำงานหนักไม่ได้พักตัวเป็นเกลียวแน่ๆ

"คุณหนูหลินเฟิงเจ้าคะ.. กำลังจะขึ้นเขาหรือ"

แม่นมจื้อถามเสียงสั่นจากอาการที่พึ่งร้องไห้เมื่อครู่นั่นทำให้เสียงที่เปล่งออกมานั้นยังคงสะอึกสะอื้นไม่เป็นภาษาหากแต่ต้องตั้งใจฟังและจับใจความดีๆจึงจะเข้าใจ

"เจ้าค่ะ.. ข้ากำลังจะขึ้นเขา"

จางหมิ่นตอบไปโดยสัญชาตญาณเพราะเธอไม่รู้ว่าโดยปกติแล้วหลินเฟิงนั้นคุยกับแม่นมของตนเองยังไง จางหมิ่นพูดตอบอย่างอ่อนโยน

แม่นมจื้อก็ดูเหมือนว่าอาการจะดีขึ้นมาสักหน่อยจึงได้ถอดกำไรที่เป็นเครื่องประดับล้ำค่าไม่กี่ชิ้นที่นางมียัดใส่มือของหลินเฟิง

"คุณหนูเจ้าคะกำไรนี้ถึงจะมีมูลค่าไม่มากแต่ก็พอจะช่วยคุณหนูยามคับขันได้"

"แต่เเม่นม.."

"รับไปเถอะเจ้าค่ะท่านแม่เต็มใจให้ อันที่จริงนางอยากมอบให้ท่านวันที่ท่านต้องออกเรือนแต่นางกลับไม่ได้เห็นเพราะโดนใส่ความจนถูกขับไล่เสียก่อน"

ลี่อินพูดออกมาอย่างคับแค้นใจเกินบรรยายเพราะหากตนกับแม่อยู่คุณหนูที่ตนรักเยี่ยงพี่สาวในไส้ก็คงไม่ต้องมาลำบากเพราะคนที่ต้องลำบากโยนเคราะห์ใส่หรอก

"คุณหนูในป่ามีอันตรายมากมายดูแลตัวเองด้วย"

ลี่อินพูดขณะจับมือหลินเฟิงเบาๆก่อนจะหันไปคำนับให้เจี้ยนหยี

"คุณชายใหญ่หานฝากดูแลคุณหนูสามของเราด้วย"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel