บทที่2 คนไข้ของคุณหมอ
“เชิญคนไข้ที่ห้องน้ำเลยค่ะ เดินเองได้ใช่ไหมคะ ให้พี่ช่วยไหม” รดาค่อยๆ ก้าวเท้าลงจากเตียง เมื่อเท้าสัมผัสพื้นค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักลงปลายเท้าและพยุงตัวให้ยืนตรง เมื่อทรงตัวได้แล้วเท้าเล็กค่อยๆ เดินไปยังห้องน้ำโดยมีพยาบาลสาวคอยพยุงอยู่ข้างๆ สายตาของกองทัพโฟกัสที่ร่างเพรียวจนพ้นขอบประตู
“ถอดเสื้อผ้าชุดเดิมออกก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวพี่เช็ดตัวทำความสะอาดให้ จะได้สบายตัวขึ้น”
“ค่ะ”
“เอ่อ..พี่ถามได้ไหมคะ ว่าน้องรดาเป็นญาติกับศาสตราจารย์เหรอคะ”
“เปล่าค่ะ”
ใช้เวลากว่าสิบนาทีคนตัวเล็กก็เดินออกมาในชุดคนไข้สีชมพู เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน กลิ่นหอมจางๆ ของแชมพูสระผมลอยมาให้ได้กลิ่น
“แผลโดนน้ำหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะศาสตราจารย์ เกลแค่เช็ดตัวและสระผมให้น้องค่ะ”
“ผมไม่ต้องการอะไรแล้วครับ” ใบหน้าเรียบนิ่งหันไปพูดกับพยาบาลสาว
“ค่ะ เกลขอตัวก่อนกลับไปที่แผนกก่อนนะคะ” เมื่อพยาบาลในชุดสีขาวเดินพ้นขอบประตูหน้าห้องไปกองทัพก็หันกลับมาสนใจหญิงสาวที่กำลังนั่งเช็ดผมอยู่บนเตียง
ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าเดินผ่านหน้าเข้าไปยังห้องอีกห้อง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นห้องพักสำหรับญาติคนไข้ และสักพักกองทัพก็เดินกลับมาด้วยไดร์เป่าผมสีดำในมือ
“มานั่งนี่” เสียงทุ้มเอ่ยสั่งเสียงเรียบ
“คะ”
“ผมบอกให้มานั่งนี่ เช็ดแบบนั้นเมื่อไหร่จะแห้งได้เป็นหวัดกันก่อนพอดี” รดาก้าวเท้าลงจากเตียงสีหน้างุนงง ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไร
อือ..อือ..เสียงไดร์เป่าผมถูกเปิดให้เครื่องเริ่มทำงาน ยกขึ้นเป่าผมสีดำยาวสลวยที่ยังเปียกอยู่ มือหนาค่อยๆ เป่าอย่างเบามือ นิ้วเรียวยาวสอดเข้าใต้กลุ่มผมสีดำยกขึ้นแล้วใช้ไดร์เป่าอย่างทะนุถนอม ผ่านไปสักพักก็ห้องสนิท หวีเล็กที่หยิบติดมือมาด้วยตอนแรกค่อยๆ หวีเส้นผมเงางามเรียงเป็นเส้นสวย ก่อนจะแอบสูดดมความหอมจากศีรษะทุย
“เสร็จแล้ว ออกไปทานข้าวจะได้ทานยา”
“ขอบคุณค่ะ” วันนี้รดาเจอเรื่องที่เธอคาดไม่ถึงหลายเรื่อง ทั้งเรื่องอุบัติเหตุ คุณหมอที่ตรวจรักษา รวมทั้งเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่ทำให้รดาตกใจไม่คิดว่าเขาจะทำให้เธอถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
รดาเดินตามชายหนุ่มออกมายังห้องรับรองที่มีโซฟาตัวใหญ่วางอยู่และมีทีวีจอใหญ่ติดอยู่ที่ผนัง กับข้าวสามสี่อย่างถูกแกะใส่จานดูน่ารับประทาน ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่สีม่วงเข้มในจานรู้ได้ทันทีว่าคนที่ทานนั้นรักและดูแลสุขภาพมาก ดวงตากลมโตกวาดมองไปเห็นข้าวต้มในถ้วยสีเดียวกัน
“อาหารพวกนี้ทานได้ไหม” ทั้งสองนั่งลงเก้าอี้คนละฝั่ง จานกับข้าวถูกเลื่อนไปตรงหน้าหญิงสาวเพื่อให้ตักทานสะดวกขึ้น
“ได้ค่ะ คุณหมอชอบทานข้าวกล้องเหรอคะ”
“ข้าวกล้องมีประโยชน์กว่าข้าวขาว” กองทัพตอบกลับเสียงเรียบ ช้อนกลางในมือที่ตักเนื้อปลากะพงชิ้นโตถูกตักไปวางในชามข้าวต้มของรดา
“ขอบคุณค่ะ รดาตักเองก็ได้ค่ะ”
“ก็เห็นมัวแต่มอง เมื่อไหร่จะได้ทานตอนนี้ก็เกือบสองทุ่มแล้ว”
ทั้งสองนั่งทานข้าวไปเงียบๆ มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบกับจานจนเกิดเสียงขึ้นบางครั้ง ข้างๆ จานข้าวยังมีผลไม้ที่จัดใส่จานมาอย่างสวยงามวางอยู่
“ทานข้าวให้หมด แล้วทานผลไม้ในจานนั่นด้วย”
“แต่รดาอิ่มแล้วนะคะ”
“ทิ้งของที่ตัวเองชอบได้เหรอ อุตส่าห์ปอกมาแล้วแท้ๆ” เป็นอีกครั้งที่รดารู้สึกแปลกใจ เขารู้ได้ยังไงว่าเธอชอบทานสตอเบอรี่กับแอปเปิล
“ทานยาหลังอาหารเสร็จ นั่งพักสัก15นาทีแล้วค่อยนอน ถ้าอยากดูทีวีก็เปิดดูได้ผมอนุญาต” กองทัพเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเอาแต่นั่งเกร็งเพื่อรอเวลาเข้านอน
“หนูดูได้จริงๆ เหรอคะ จะไม่รบกวนคุณหมอใช่ไหมคะ” วันนี้มีซีรีส์ที่เธอชอบออนแอร์ด้วย อุตส่าห์รอเวลามาทั้งสัปดาห์ถ้าต้องอดดูก็รู้สึกเสียดายแย่ ขืนรอไปดูย้อนหลังคนที่ดูก่อนก็มาสปอยจนไม่ต้องลุ้นว่าเรื่องจะดำเนินต่อไปยังไง ความสนุกจึงลดลง
“สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน รวมทั้งอวัยวะส่วนอื่นด้วยเพราะฉะนั้นหูคุณยังได้ยินปกติ” ใบหน้าเรียวเล็กหุบยิ้มลงเล็กน้อยก่อนจะขยับไปนั่งโซฟาอีกตัว มือเล็กหยิบรีโมตขึ้นกดเปิดทีวีและเลือกช่องที่เธอต้องการ
“ชอบดูซีรีส์วายเหรอ”
“ชอบมากค่ะ เวลาพระเอกกับนายเอกอยู่ด้วยกันน่ารักมากเลยนะคะ” ริมฝีปากบางเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงฉากที่พระเอกกับนายเอกอยู่ด้วยกัน
“ชอบตัวละครที่เป็นหมอเหรอ”
“ค่ะ คุณหมอหล่อมาก ถ้าจะหล่อขนาดนี้ยอมไม่สบายทั้งปีเลยก็ได้ค่ะ” รดาอินกับบทละครในซีรีส์จนลืมว่าเธอนั้นกำลังคุยอยู่กับใคร
“ถ้างั้นนอนพักอยู่ที่นี่สักเดือนก็คงได้สินะ”
“มะ..ไม่..ไม่ได้ค่ะ” เมื่อได้สติจึงรีบตอบชายหนุ่มออกไปเสียงดัง
“หมอที่นี่ไม่หล่อเท่าหมอในซีรีส์ของคุณเหรอ คุณถึงไม่อยากอยู่” แววตาดุดันแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนมองมาที่เด็กสาว รดามองหน้าชายหนุ่มแววตาสั่นไหวอย่างประหม่า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นี้กำลังสะกดเธอให้ตกอยู่ในภวังค์ เสียงโฆษณาคั่นดังขึ้นช่วยปลุกให้เด็กสาวได้สติ
“รดาต้องไปเรียนแถมต้องทำงานอีก จะมานอนอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“แผลเต็มตัวขนาดนี้ยังจะกลับไปทำงานอีก จะงกอะไรหนักหนา” กองทัพอดไม่ได้ที่จะเอ็ดออกไป
“ถ้าหนูไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้คะ หนูไม่ได้มีเงินเดือนเหมือนคุณนี่”
“งานอย่างอื่นมีตั้งเยอะแยะ ขับรถแบบนั้นมันอันตราย”
“แต่รายได้มันดีนี่คะ ถ้าขับระวังก็ไม่เห็นเป็นอะไร”
“แล้วที่เป็นอยู่ตอนนี้ คือไม่ระวังงั้นเหรอ”
“เขาเสียหลักมาเฉี่ยวหนูเองนะคะ”
“อุบัติเหตุถ้าเราไม่ชนเขา เขาก็มาชนเราอยู่ดี”
รดานั่งดูซีรีส์ต่อจนจบโดยไม่รู้ว่ากองทัพนั้นหายไปไหนเพราะมัวแต่สนใจซีรีส์บนเจอจนไม่ได้สนใจคนข้างๆ ไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
คนตัวเล็กปิดทีวี ปิดไฟห้องรับแขก ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนเพราะยาที่ทานเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์
ฮ้าวว..วว..วว เสียงหาวหวอดๆ ดังขึ้นต่อกันหลายครั้ง ร่างบางล้มตัวลงนอนไฟหัวเตียงดับลงไม่นานหญิงสาวบนเตียงก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
“หลับง่ายแฮะ นึกว่าจะงอแงไม่ยอมนอน” กองทัพกลับมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่เป็นชุดนอนสีเทาตัวใหญ่ หลังจากหายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านานเกือบชั่วโมง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กแบรนด์ดังถูกเปิดหน้าจอขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ถูกปิดไปเมื่อสามชั่วโมงก่อน
กองทัพนั่งทำงานอยู่ข้างเตียงคนไข้ที่มีคนตัวเล็กนอนหลับอยู่ อุณหภูมิเริ่มเย็นเรื่อยๆ เมื่อเวลาเริ่มเข้าสู่ช่วงดึก ร่างบางนอนขดตัวอยู่บนเตียงผ้าห่มผืนหนาหล่นลงมาอยู่ที่เอวเพราะพฤติกรรมการนอนดิ้นแล้วดันผ้าห่มออกจากตัว
“โตขนาดนี้แล้วยังนอนดิ้นอยู่อีก” กองทัพลุกจากโซฟาเดินไปที่เตียง ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้เด็กสาวจนถึงคอ แพขนตาดำงอนปกคลุมดวงตากลมโตยามหลับใหล ริมฝีปากเล็กอมชมพูที่เผยอขึ้นเล็กน้อยชวนให้หลงใหล นิ้วโป้งใหญ่ยื่นไปสัมผัสแผ่วเบาสลับบนล่าง
“อือ..แม่คะ รดาเหนื่อยจังเลยค่ะ” เสียงละเมอดังขึ้นมือหนาจึงผละออกเปลี่ยนไปลูบไล้ศีรษะเล็กเป็นการปลอบแทน
“ชู่..ชู่..นอนซะเด็กดี ฉันอยู่ตรงนี้แล้วต่อไปก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว” สาวน้อยถักเปียเมื่อ5ปีก่อน วันนี้โตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว
“อ๊ะ! คุณหมอมาอยู่ตรงนี้ได้ไงคะ”
“เดินเข้ามาสิ ประตูไม่ได้ล็อก”
“หนูนึกว่าคุณหมอกลับไปแล้ว วันนี้คุณหมอเข้าเวรเหรอคะ”
“หึ! เข้าเวรเหรอ..คงงั้นมั้ง” กองทัพไหลตามน้ำปล่อยให้เธอเข้าใจว่าที่เขามานั่งเฝ้าเธออยู่ตรงนี้เพราะเขาเข้าเวร เป็นอย่างนี้ก็ดีเพราะจะได้ไม่ต้องตอบคำถามเด็กขี้สงสัยไปมากกว่านี้
“คุณหมอคะ หนูขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
“ถามมาสิ”
“คือเราสองคนเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าคะ หนูรู้สึกว่าหนูคุ้นๆ เสียงของคุณหมอมากเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่หนูจำไม่ได้นึกยังไงก็นึกไม่ออก”
“ถ้านึกไม่ออกแสดงว่าไม่เคย นอนได้แล้วดึกมากแล้วอย่ามัวแต่สงสัย คิ้วนี่จะผูกกันอยู่แล้ว” มือหนายื่นไปคลึงคิ้วเรียวได้รูปที่ตอนนี้ขมวดเข้าหากันเป็นปม
“แล้วคุณหมอไม่นอนเหรอคะ”
“ฉันเข้าเวรนี่ จะนอนได้ไง”
“แต่ตอนนี้คุณหมอใส่ชุดนอนอยู่นะคะ”
“จะให้ฉันขึ้นไปนอนด้วยว่างั้น”
“ไม่ค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะ” รดาร้องห้ามเสียงหลงเมื่อกองทัพตั้งท่าจะก้าวขึ้นเตียง ตะแคงข้างหันหลังให้ชายหนุ่มทันที
“วัดไข้สักหน่อย ตัวคุณร้อนๆ” ปรอทวัดไข้ถูกสอดเข้าใต้วงแขนของคนตัวเล็ก สักพักมีเสียงสัญญาณเตือนจึงถูกดึงออก
“มีไข้อ่อนๆ ทานยาสักหน่อยถ้าปล่อยไว้ไข้จะขึ้นสูงกว่านี้” ยาลดไข้สีขาวถูกยื่นให้เด็กสาวพร้อมกับน้ำเปล่าเต็มแก้ว รดารับไปพร้อมกับหยิบเม็ดยาเข้าปากดื่มน้ำตามไปครึ่งแก้ว ก่อนส่งคืนให้คุณหมอหนุ่ม
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมนอนอยู่ด้านนอก มีอะไรเรียกผมได้เลย”
“ค่ะ คุณหมอ”
เช้าวันรุ่งขึ้น
รดาตื่นมาในช่วงเช้าอีกวัน แผลถลอกจากเมื่อวานเริ่มแห้งและตรึงๆ บริเวณแผล หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินออกมาด้านนอกก็เจอกับอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย ไร้เงาคุณหมอหนุ่มที่นอนเฝ้าเธอเมื่อคืน
“เอ๊ะ! มีกระดาษโน้ตด้วย” กระดาษโน้ตสีฟ้าที่มีข้อความสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษวางอยู่ข้างๆ แก้วนม
{ทานข้าวและทานยาให้เรียบร้อย}
รดานั่งทานข้าวและผลไม้จนอิ่มตามด้วยยาที่คุณหมอจัดไว้ให้ สักพักก็มีเจ้าหน้าที่พยาบาลเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีตอนเช้าค่ะคนไข้ ขอวัดไข้หน่อยนะคะ” ปรอทวัดไข้ถูกสอดเข้าใต้วงแขนรอไม่นานเครื่องก็ส่งสัญญาณเตือนว่าทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ไม่มีไข้นะคะ วันนี้เป็นไงบ้างคะดีขึ้นหรือยัง มีอาการปวดหัวไหมคะ”
“ไม่มีค่ะ มีแค่ปวดเมื่อยเนื้อตัวเฉยๆ เอ่อ..วันนี้หนูสามารถกลับบ้านได้ใช่ไหมคะ” รดาถามออกไปเพราะวันนี้เธอไม่ได้มีอาการอะไรรุนแรงที่ต้องนอนโรงพยาบาลต่อ
“ต้องรอถามคุณหมอนะคะว่าสามารถกลับบ้านได้หรือยัง”
“แล้วคุณหมอจะเข้ามาตรวจกี่โมงคะ” เมื่อเช้ารดาพึ่งโทรบอกเพื่อนให้เอาเสื้อผ้ามาให้ แต่วันนี้เพื่อนติดเรียนตอนเช้าน่าจะเอาเข้ามาให้เธอได้คือช่วงบ่ายและมารับเธอกลับบ้านด้วยพอดี
“คุณหมออยู่ห้องข้างๆ นะคะ ถ้าคนไข้ต้องการพบคุณหมอ เดินออกประตูไปห้องซ้ายมือถัดไปหนึ่งห้องคะ คุณหมอแจ้งว่านั่งทำงานอยู่ที่ห้องค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อพยาบาลพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องทันที ปล่อยให้เธอนั่งงงอยู่ในห้องสีขาวเงียบๆ คนเดียว
“ปกติหมอต้องมาตรวจคนไข้ที่ห้องไม่ใช่เหรอ แล้วเมื่อสักครู่พี่พยาบาลบอกว่าคุณหมอนั่งทำงานอยู่ห้องข้างๆ แล้วเราต้องเข้าไปถามคุณหมอที่ห้องเองหรือนี่” รดานั่งถามเองตอบเองอยู่สักพัก ร่างบางก็ลุกพรวดพราดจากโซฟาเดินเปิดประตูห้องออกไป จุดหมายคือห้องถัดไปทางซ้ายมือ ซึ่งมีอยู่ห้องเดียว