2
ในเมื่อเขาไม่พูดคุยด้วยเธอก็เลยไม่กล้าหันไปพูดคุยหรือถามอะไรเขาอีก จึงเลือกที่จะเงียบบ้าง
อาหารมาเสิร์ฟเขาก็เริ่มรับประทานเงียบๆ ธามค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง เขาพูดน้อยและน้อยมาก พูดแต่เรื่องสำคัญๆ เท่านั้น ในขณะที่เธอชอบคุย และทักทายคนอื่นด้วยรอยยิ้ม
ธามเป็นคนยิ้มยาก ตั้งแต่เธอรู้จักเขามา แทบไม่เคยเห็นเขายิ้มเลยสักครั้ง จะว่าเขาเป็นเด็กมีปัญหาก็ไม่ใช่ เพราะว่าครอบครัวของเขาก็ดี ไม่ได้มีปัญหาด้านการเงินหรืออะไรเลยให้ต้องรำคาญหัวใจ มารดาของเขาก็ดี เธอคิดว่ามารดาของธามค่อนข้างใจดีแม้จะเจ้าระเบียบไปสักหน่อยก็ตามที แม้ท่านไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้วแต่เธอก็ยังระลึกนึกถึงท่านอยู่เสมอ
“อาหารร้านนี้อร่อยนะคะ” เป็นอีกครั้งที่เธอเผลอชวนเขาคุย แต่สิ่งที่ได้ตอบกลับมาคือความเงียบ เขาคล้ายจะตำหนิเธอนิดๆ ที่เธอพูดคุยระหว่างรับประทานอาหาร
“บัว” เสียงเรียกของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้พิมพ์บงกชหันไปมอง ปรากฏว่าเป็นธวัชชัยเพื่อนร่วมรุ่นของเธอนั่นเอง
“วัช” พิมพ์บงกชยิ้มกว้างที่ได้เจอเพื่อน
“ดีใจจังที่ได้เจอบัว ไม่ได้เจอกันเลย บัวสบายดีเหรอ”
ธวัชชัยเอ่ยถามพลางมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งรับประทานอาหารกับพิมพ์บงกชอย่างสงสัย เป็นธรรมดาที่ธวัชชัยจะไม่รู้จักธามเพราะตอนแต่งงานจัดพิธีเรียบง่ายบอกแค่ญาติๆ เท่านั้น เนื่องด้วยมารดาของธามป่วยหนัก ทำให้ทุกคนอยู่ในสภาวะเศร้าเสรียใจ
“สบายดี วัชล่ะสบายดีไหม”
“สบายดี แล้วเอ่อ... ใครเหรอ” ธวัชชัยเอ่ยถาม ทำให้พิมพ์บงกชต้องรีบแนะนำสามีให้เพื่อนได้รู้จัก
“นี่พี่หมอสามี...” พิมพ์บงกชพูดยังไม่ทันจบประโยค ก็ได้ยินเสียงธามเรียกบริการมาเก็บเงิน
“เอ่อ...” ธวัชชัยถึงกับเหวอไปเลยเมื่อเห็นว่าสามีของเพื่อนไม่อยากคุยด้วย พิมพ์บงกชเองก็รู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่เขาทำเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุ ธามจ่ายเงินและลุกเดินไป ปล่อยให้เธอได้แต่ยืนอึ้งอยู่แบบนั้น
“สามีของบัวไม่พอใจอะไรเราหรือเปล่า” ธวัชชัยเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวหน้าซีดไปถนัดตา
“เราขอตัวก่อนนะ เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่” พิมพ์บงกชคิดได้ว่าเธอไม่ได้พารถมา จึงรีบวิ่งตามออกไป แต่ปรากฏว่าธามขับรถออกไปแล้ว เธอได้แต่ยืนหอบมองท้ายรถไปด้วยความรู้สึกว้าวุ่นใจ
“ให้เราไปส่งไหม” คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเอ่ยถามขึ้น ทำให้พิมพ์บงกชต้องหันไปเอ่ยขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ขอโทษวัชด้วยนะ”
“ผัวเธอขี้หึงเหรอ” ธวัชชัยถามตรงๆ จะบอกว่าธวัชชัยเป็นพวกแอ๊บแมนก็ย่อมได้ด้วยว่าครอบครัวนั้นมีลูกชายคนเดียว แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ใช่ชายแท้อย่างที่ใครๆ เข้าใจ
“ไม่หรอก ไม่หึงเลยสักนิด” น้ำเสียงของพิมพ์บงกชแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ให้เราไปส่งไหมล่ะ จะได้ทำความรู้จักกับบ้านของบัวด้วย เวลามีอะไรจะได้ปรึกษาบัว”
“ปรึกษาเรื่องอะไร”
“ปัญหาหัวใจน่ะ ไม่มีใครเข้าใจเราเท่ากับบัวอีกแล้ว”
“แน่ะ! ดูพูดเข้า” พิมพ์บงกชจึงปล่อยให้ธวัชชัยขับรถมาส่งเธอที่บ้าน เพราะเธอเองก็ไม่มีรถ
“เอาไว้เจอกันนะ ขอบใจมากที่มาส่ง” พิมพ์บงกชโบกไม้โบกมือให้เพื่อนเมื่อเขามาส่งถึงบ้าน
“อืม... รู้สึกว่าสามีของเธอจะแอบดูนะ” ธวัชชัยบุ้ยใบ้ไปทางหน้าต่างห้อง ทำให้พิมพ์บงกชต้องหันไปมองตาม เธอเห็นว่าผ้าม่านถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว
“พี่หมออาจจะไม่ชอบใจอะไรสักอย่าง” พิมพ์บงกชพูดแล้วถอนใจเบาๆ เธอพยามทำให้เขาพอใจจนบางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยกับการแต่งงานครั้งนี้เหลือเกิน
“แบบนี้เรียกว่าหึง” ธวัชชัยพูดแล้วหัวเราะขำเพื่อน ที่แสดงสีหน้าไม่รู้ว่าสามีหึงหวงจนออกนอกหน้าแบบนี้
“หึงนี่นะ ไม่จริงเลยสักนิด” พิมพ์บงกชส่ายหน้าดิก คนที่หึงหวงกันก็คือคนที่รักกันไม่ใช่เหรอ แต่ธามไม่ได้รักเธอ
“ทำไมถึงคิดว่าไม่หึงล่ะ” ธวัชชัยเอ่ยถาม
“ก็เราถูกจับคลุมถุงชนแต่งงานกัน ในขณะที่พี่หมอจำต้องแต่งเพราะคุณแม่ป่วย ส่วนเราแต่งเพราะรักเขา”
“ยายซื่อบื้อเอ๊ย” ธวัชชัยส่ายหน้าไปมาก่อนจะหัวเราะขำเพื่อน
“อ้าว... มาว่าเราทำไมกัน”
“เธอน่ะเรียนเก่งได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งแต่เรื่องอื่นไม่เก่งเลยสักนิด ไม่มีผู้ชายคนไหนยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักหรอก ถึงแม่จะป่วยก็เถอะ”