บทที่ 5 หวั่นไหวเบา ๆ
" โอ๊ย ! นี่อีตาบ้า ขับรถภาษาอะไรเนี่ย เบรคเบา ๆ ไม่เป็นรึยังไง ซื้อใบขับขี่มารึยังไงเนี่ย อูย หัวฉันจะแตกมั้ยนี่ ฉันจะฟ้องพี่เมฆินทร์ให้ไล่แกออกคอยดูสิ " ปิ่นมณีหันมาปรี๊ด ใส่เมฆด้วยความโมโหสุดขีด มือเรียวของเธอยกขึ้นลูบหน้าผากนวลที่ตอนนี้บวมปูดออกมาเล็กน้อยด้วยแรงกระแทก
เมฆหน้าเจื่อนไปนิดหน่อย ไม่ใช่เพราะกลัวหล่อนจะไปฟ้องใคร แต่เพราะเขาเห็นรอยบวมบนหน้าผากแม่คุณหนูปากดีนั่นต่างหาก เขาไม่ได้ตั้งใจจะเบรคแรงให้หล่อนต้องเจ็บตัว หากแต่เขาลืมตัวไปจริง ๆ
" เอ่อ ไหนดูซิ ผมขอโทษพอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อย นึกขึ้นได้ว่าจะเลยร้านเลยรีบเบรค อืมบวมนิดหน่อยเดี๋ยวผมลงไปซื้อยามาทาให้นะ จะลงไปซื้ออะไรด้วยหรือเปล่าล่ะ "
เขากล่าวถามด้วยน้ำเสียงทุ้มอ่อนลงเพราะเห็นผลจากการกระทำของตนเองบนหน้าผากของเธอนั่นเอง เขาขยับไหล่กว้างหันมาทางหล่อน เอื้อมมือเรียวมาจับใบหน้าของหล่อนไว้เพื่อมองรอยบวมบนหน้าผากด้วยดวงตาคมที่อ่อนแสงลง ใบหน้าเขาอยู่ใกล้กับใบหน้าของเธอจนแทบจะชิด หล่อนหลุบสายตาต่ำลงรู้สึกวาบหวิวกับสัมผัสอ่อนโยนของเขา กลิ่นเหงื่อที่หล่อนคิดว่ามันจะต้องเหม็นหึ่ง มันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันมีความหอมอ่อนๆ ของโคโลญจน์ผู้ชายผสมกับกลิ่นเหงื่อดูมีเสน่ห์ดึงดูดไปอีกแบบหนึ่ง เสน่ห์ที่เล่นเอาใจหล่อนแกว่งไปเลยทีเดียว
" นี่ขนาดเพลินไปหน่อยนะ หัวฉันยังแทบจะแตก ถ้าคิดไปไกลไม่พาฉันชนเข้าไปในร้านเลยรึ "
หล่อนยังคงบ่นอ้อมแอ้มริมฝีปากอวบอิ่มยื่นมาเล็กน้อยอย่างคนอวดดี มือก็ลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ด้วยความเจ็บ เป็นกิริยาที่เมฆเห็นว่าหล่อนก็น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนกันนะนี่
' เฮ้ย เอ็นดงเอ็นดูอะไรไอ้เมฆ นี่มันมารยาผู้หญิงเมืองกรุง เจ็บไม่รู้จักจำนะเรา ' เขาเตือนสติตนเองอยู่ในใจ รีบเปลี่ยนสีหน้าให้ดูเรียบเฉยในทันที
" ตกลงจะลงไปไหม " เขาถามหล่อนด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม หล่อนตวัดสายตากลับไปมองด้วยสีหน้ายังคงบึ้งตึง จนเขาสงสัยว่ายัยนี่ ยิ้มเป็นบ้างหรือเปล่านะ ในขณะเดียวกัน ปิ่นมณีก็มีความคิดเหมือนกับเขาเช่นกัน
' นายหน้านิ่งนี่ชาตินี้เคยยิ้มบ้างหรือเปล่าวะเนี่ย '
" ไปสิฉันจะลงไปซื้อของใช้เหมือนกัน "
พูดจบเขาก็เปิดประตูรถลงไปยืนรอหล่อน ปิ่นมณีรีบหยิบกระเป๋าสะพายมาคล้องไหล่ก่อนจะเปิดประตูรถเดินลงไปหาเขาที่ยืนรออยู่ ทั้งคู่เดินเข้าไปซื้อของภายในร้าน โดยไม่ได้รับรู้ถึงสายตาที่มองตามหลังคนทั้งสองด้วยความสนใจใคร่รู้ของหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง ที่มองตามหลังคนทั้งสองไปจนลับตาด้วยแวตาที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจ...
เมื่อซื้อของเสร็จเรียบร้อยเมฆและปิ่นก็เดินถือถุงขนม ของกินของใช้เต็มสองไม้สองมือไปหมด คนช่วยถือของเดินตามมาหน้าเหมือนยักษ์ขึ้นไปทุกทีในความรู้สึกของปิ่นมณี
" นี่คุณ ใจคอจะซื้อไปตั้งร้านขายหรือยังไง ขนมเนี่ย กินเป็นเดือนจะหมดไหมฮะ "
เมฆเริ่มบ่นขึ้นทันทีที่ขึ้นมาประจำที่นั่งคนขับ ปิ่นมณียิ้มขึ้นมุมปากด้วยความสะใจที่แกล้งให้เขาช่วยถือของพะรุงพะรังได้สำเร็จ ภาพคนตัวสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ ในมือทั้งสองข้างถือถุงจนเป็นพุ่มเป็นพวงแถมที่รักแร้ยังหนีบถุงของใช้ไว้อีกด้วยทั้งสองข้าง เดินตามหล่อนเลือกของด้วยอารมณ์ขุ่นมัวนั้น มันดูตลกสิ้นดีในความรู้สึกของเธอ
" ก็ฉันถามนายแล้วไงว่าคนงานที่พักในไร่มีเยอะไหม มีเด็กๆ ไหม นายบอกว่ามีอยู่ 3 ครอบครัว และก็มีเด็ก ๆ ด้วย ฉันก็เลยซื้อขนมไปฝากทุกคนด้วยยังไงล่ะ สร้างความประทับใจเมื่อแรกพบน่ะรู้จักไหม มารยาทน่ะ แต่อย่างว่าแหละนะ บ้านนอกอย่างนายจะไปรู้อะไร ดูจากที่นายทำกับฉันก็พอจะรู้แหละ ชิ " เธอได้โอกาสแขวะเขาเข้าให้จนได้ หล่อนยังจำไม่ลืมว่านายหน้าหล่อคนนี้แกล้งให้เธอขนกระเป๋าใบเบ้อเร่อของตนเองตั้ง3ใบขึ้นรถเพียงลำพังโดยไม่สนใจจะช่วยเลยแม้แต่น้อย
" อะไรกัน ผมทำอะไรกับคุณรึ ยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักหน่อย " เมฆแกล้งทำหน้าเหรอหราไม่รู้ไม่ชี้ในสิ่งที่หล่อนพูดอย่างยียวนกวนประสาท
" นี่นายยังจะกล้าพูดอีกรึว่านายไม่ได้ทำอะไร "
ปิ่นมณียกนิ้วชี้ขึ้นมาจิ้มลงบนหน้าผากมนของตนเองที่มีรอยบวมปูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้เมฆนึกขึ้นมาได้ทันทีว่าเขาซื้อยาครีมแก้ฟกช้ำมาให้หล่อนด้วย ชายหนุ่มหันไปค้นดูตามถุงข้าวของที่ซื้อมา จนเจอเข้ากับหลอดยาครีมแก้ฟกช้ำจึงหยิบขึ้นมาเพื่อจะทาให้กับเธอ
" หันมาสิ ผมจะทายาให้ "
" ไม่ต้องมาทำเป็นตบหัวแล้วลูบหลังหรอกย่ะ"
หล่อนสะบัดหน้าหนีเหมือนคนเจ้าแง่แสนงอน เมฆไม่สนใจกิริยานั้นของหล่อน เขาจับปลายคางมนของเธอให้หันมา และใช้อีกมือหนึ่งปัดปอยผมที่ยาวสลวยของเธอไปทัดไว้ที่ใบหูน้อย หล่อนรู้สึกขนลุกซู่สะท้านไปทั้งร่างเพียงแค่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสโดนใบหูของตน ดวงตาโตดำขลับของเธอจ้องมองที่ใบหน้าเขาสบตากับเมฆที่ป้ายยาครีมไว้ในมือและกำลังก้มลงมามองเพื่อจะทายาครีมให้กับเธอเข้าพอดิบพอดี
เขาเหมือนถูกมนต์สะกดตรึงไว้ด้วยดวงตาคู่งามของเธอ เมฆหลุบสายตาลงมองกลีบปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อน่าจุมพิตนั้นแล้วลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยหัวใจที่สั่นไหว เขาหลับตาลงพยายามสะกดกลั้นอารมณ์หวามไหวนั้นเอาไว้ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าหล่อนหลุบสายตาลงเพื่อหลบสายตาคมของเขาเช่นกัน
