บทที่ 1 คุณหนูปิ่นมณี
หญิงสาวร่างเล็กหน้าตาสะสวยนามว่าปิ่นมณีกำลังกอดแขนผู้เป็นบิดาพลางเอียงหน้าหน้าซบไหล่หนาอย่างออดอ้อนสุดความสามารถเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการเหมือนอย่างเคย
" นะคะคุณพ่อขา ให้ปิ่นไปเรียนต่อที่อเมริกากับแม็คนะคะ เพื่อนๆ ปิ่นเขาก็ไปกันทั้งนั้น คุณพ่อจะให้ลูกสาวเจ้าของแกรนด์วิววิลล่า น้อยหน้าเขาได้ยังไงกัน จริงมั้ยคะคุณแม่ "
ปิ่นมณีหันมาทางมารดาที่นั่งอยู่อีกฝั่งตรงข้ามของโซฟาในห้องนั่งเล่นเพื่อหาแนวร่วมอีกแรง คุณปิ่นอนงค์แย้มริมฝีปากบางขึ้นยิ้มอย่างรู้ใจลูกสาวคนเดียวที่เธอรักทะนุถนอมปานดวงใจ เฝ้าตามใจทุกอย่างจนปิ่นมณีเหลิง
" จริงด้วยค่ะคุณ ให้ลูกปิ่นไปเถอะนะคะ ลูกเราไปเรียนเมืองนอกจบมาจะได้เอาความรู้มาช่วยบริหารโรงแรมของเราไงคะ "
คุณก้องภพถอนลมหายใจออกมาอย่างอ่อนใจในตัวของภรรยา ที่เฝ้าเอาอกเอาใจตามใจลูกสาวสารพัดจนเหลิง เอาแต่ใจจนแทบจะเสียเด็กอยู่แล้ว
เขาแกะมือเรียวงามนุ่มนิ่มของลูกสาวออกจากแขนอย่างยากเย็น ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่างทอดสายตามองไปยังสวนไม้ประดับข้างตัวบ้านอย่างใช้ความคิด
" พ่อไม่อยากให้ลูกไปกับไอ้หมอนั่น พ่อมองตาเดียวก็รู้ว่ามันไม่ได้คบลูกด้วยความจริงใจ อีกอย่างถ้าไปอยู่ต่างถิ่นต่างเมืองกับมัน ถ้าเกิดมันรวบหัวรวบหางลูก หนูก็คงจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมมันหรอก "
คุณก้องภพพูดถึงแฟนหนุ่มของปิ่นมณีอย่างไม่ชอบใจ เขาเป็นคนหัวโบราณหากลูกสาวจะมีแฟนหรือแต่งงานก็อยากให้คบคนดีเข้าตามตรอกออกตามประตู แต่ที่เขาดู ๆ นายธนากรแฟนของลููกสาวนั้นเหมือนจะพยายามทำทุกช่องทางที่จะรวบหัวรวบหางปิ่นมณีให้จงได้ ดีแต่เขาให้คนรถคอยตามรับตามส่งตลอดจึงไม่คลาดสายตาเขาไปได้
อีกอย่างเขาให้คนสืบประวัติแฟนหนุ่มของลูกสาวมาแล้ว ว่านายคนนี้ครอบครัวมีธุรกิจนำเข้าเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่กำลังจะล้มละลายเพราะลูกชายเอาแต่ใช้เงินผลาญไปวัน ๆ พ่อก็มีบ้านเล็กบ้านน้อยครอบครัวแตกแยก แม่ก็หาทางออกของปัญหาด้วยการไปเล่นการพนันจนแทบหมดตัว ธุรกิจมีไว้เพียงบังหน้าเท่านั้นว่าตนยังร่ำรวยอยู่เช่นเดิม เขารู้ดีว่านายนั่นหวังอะไรจากลูกสาวของเขา
" โธ่ พ่อคะ แม็คเขาไม่ได้เป็นแบบที่คุณพ่อคิดซะหน่อย ทำไมคุณพ่อถึงมีอคติกับแม็คจังคะ เพื่อน ๆ ก็ไปกันตั้งหลายคนไม่ได้มีแค่แม็คคนเดียวซะหน่อย นะคะคุณพ่อขา "
หล่อนลุกขึ้นเดินมากกอดเอวบิดาจากทางด้านหลัง ซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างที่อบอุ่นเสมอยามได้พักพิง
คุณก้องภพถอนใจออกมาอีกรอบ และแล้วเขาก็บังเกิดความคิดดี ๆ อะไรขึ้นมาได้ทันทีเมื่อมองเห็นแม่บ้านเดินถือถาดที่มีจานใส่ทุเรียนเข้ามาเสิร์ฟบนโต๊ะ
" ทุเรียนภูเขาไฟศรีษะเกษค่ะคุณผู้หญิง เพื่อนของคุณท่านส่งมาให้น่ะค่ะ " ป้านิ่มแม่บ้านคนเก่าแก่พูดขึ้นเมื่อวางจานทุเรียนลงบนโต๊ะเรียบร้อย
" เอ้าปีนี้ก็ส่งมาให้อีกแล้วคุณเถกิงเพื่อนคุณ ดีจริงๆ เห็นว่าลูกชายกลับไปช่วยดูแลสวนจนเฟื่องฟูใช่ไหมคะ "
คุณปิ่นอนงค์กล่าวถึงเพื่อนรักของสามีตั้งแต่สมัยเขายังอยู่ที่ภูมิลำเนาเดิมก่อนที่จะมาทำงานในเมืองกรุงและแต่งงานมีครอบครัวกับเธอ แต่คุณก้องภพก็ยังคงติดต่อกับเพื่อนคนนี้อยู่เสมอ ด้วยเคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอดนั่นเอง
" อืม ใช่แล้วล่ะคุณลูกชายเถกิงน่ะเป็นคนหนุ่มเอางานเอาการดีทีเดียวล่ะ ใครได้ไปเป็นสามีนี่เป็นวาสนาเลยล่ะคุณ "
พ่อของหล่อนกล่าวถึงลูกชายของเพื่อนรักอย่างภาคภูมิใจจนหล่อนเริ่มจะไม่พอใจ ที่พ่อไม่สนใจในสิ่งที่หล่อนร้องขอ กลับไปพูดชื่นชมไอ้ลูกชายเพื่อนคนนั้นขึ้นมาจนลืมเรื่องของหล่อนไปเสียสนิท
" คุณพ่อคะ คุณแม่ นี่ใจคอจะไม่สนใจลูกตัวเองเลยใช่มั้ยคะ อวยเข้าไปลูกชายเพื่อนน่ะ ชิ ก็แค่ชาวสวน บ้านนอก "
หล่อนทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ ริมฝีปากอวบอิ่มเชิดขึ้นอย่างถือดี
" ยัยปิ่น อย่าพูดจาดูถูกคนแบบนี้ให้พ่อได้ยินอีกเป็นอันขาด บ้านนอกอย่างนั้นรึ พ่อก็เป็นคนบ้านนอกมาก่อนนะ คนที่ลูกกำลังพูดถึงนั่นก็คือลุงเถกิงเพื่อนรักของพ่อ อย่าทำนิสัยแบบนี้ให้พ่อเห็นอีกจำไว้ "
คุณก้องภพตวาดปิ่นมณีเสียงดังด้วยความไม่ชอบใจในนิสัยแย่ ๆ ของบุตรสาว ด้วยความที่ถูกตามใจจนเคยตัว อีกทั้งคบเพื่อนรวยๆที่คอยดูถูกคนจนว่าต้อยต่ำกว่าตนจึงพาให้ปิ่นมณีติดนิสัยแบบนั้นไปด้วย
" โธ่คุณคะ จะดุลูกอะไรขนาดนั้นดูสิ ยัยหนูจะร้องไห้แล้ว โอ๋ๆๆมานี่มาหาแม่มาลูกปิ่น "
ปิ่นอนงค์กล่าวพลางกางอ้อมแขนออกรับร่างบอบบางสมส่วนของบุตรสาวเข้ามากอด ก่อนจะลูบหลังลูบไหล่ให้อย่างปกป้องและปลอบประโลม
" คุณก็เป็นเสียแบบนี้ กางปีกปกป้องลูกแบบผิดๆจนลูกเคยตัวจะเสียคนอยู่รอมร่อ " ก้องภพหันไปดุภรรยาด้วยความไม่พอใจที่เลี้ยงลูกแบบผิด ๆ
" คุณพ่อคะ ปิ่นขอโทษค่ะต่อไปปิ่นจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว อย่าดุคุณแม่อีกเลยนะคะ ว่าแต่ คุณพ่อตกลงจะให้ปิ่นไปเรียนต่อรึเปล่าคะ "
หล่อนกล่าวขอโทษบิดาเพื่อให้ท่านพอใจไปแบบนั้น เพื่อจะได้อนุญาตให้เธอไปเรียนต่อเมืองนอกนั่นเอง ในใจจริงหล่อนไม่ได้รู้สึกผิดด้วยซ้ำที่กล่าววาจาดูถูกเพื่อนของบิดาออกไป
ดวงหน้างามของปิ่นมณีมองมายังบิดาอย่างตั้งความหวัง ดวงตากลมโตดำขลับภายใต้กรอบขนตางอนงามจ้องเป๋งแทบไม่กระพริบเลยทีเดียว
" พ่อจะให้ปิ่นไปเรียนต่อเมืองนอกก็ได้ "
" เย้ คุณพ่อใจดีที่สุดในสามโลกเลย " หล่อนกระโดดขึ้นจากโซฟาด้วยความดีใจจนตัวลอย ก่อนจะหุบยิ้มฉับลงทันทีเมื่อได้ยินบิดากล่าวข้อแม้บางอย่างออกมา
" แต่มีข้อแม้ว่าปิ่นต้องไปฝึกการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตจริง ๆ โดยไม่มีคนคอยรองมือรองเท้าให้เหมือนกับอยู่ที่บ้านเรานี่ 3 เดือนที่สวนทุเรียนของเพื่อนพ่อที่ศรีษะเกษ ถ้าทำได้อยู่ได้ถึง 3 เดือนพ่อจะยอมส่งไปเรียนอเมริกา ตกลงไหม "
