บทย่อ
วีนาร์ร้องไม่หยุด ตอนนี้ภายในหูของหล่อนได้ยินแต่เสียงร่างกายสาดเข้าหากัน คลอไปกับเสียงครวญครางและเสียงลมทะเลทรายสาดเข้ามาปะทะกระโจมสั่นคลอน
บทที่ 1
คุณหนู
ตะลุยทราย
4P
นวนิยายสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น
ผู้เขียน
กาสะลอง
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา
ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว*
คุณหนู
ตะลุยทราย
พุทธศักราช 2563
ณ ประเทศอียาร์ต ทะเลทรายซาฮาเลีย
“ยัยหนู… ถึงแล้วใช่ไหม… โอเคไหม… ”
เสี่ยพงษ์ นักการเมืองและเจ้าของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง โทรถามลูกสาว หลังจากเครื่องบินโดยสารแล่นลงจอดที่สนามบินได้เพียงชั่วอึดใจ ท่ามกลางทะเลทรายซาฮาเลียของประเทศอียาร์ต
“ถึงแล้วค่ะคุณพ่อ… ”
วีนาร์กรอกเสียงกลับไปยังต้นสาย รู้ว่าบิดาเป็นห่วง เพราะว่านี่เป็นการเดินทางเที่ยวทะเลทรายครั้งแรกในชีวิตของหล่อน
“แล้วไกด์ล่ะ… มาถึงหรือยัง… ”
เสี่ยพงษ์ถามถึงไกด์สาวที่ติดต่อเอาไว้ ไกด์จะเป็นคนดูแลอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้วีนาร์ ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวตลอดหนึ่งสัปดาห์ของทริปนี้
“มาถึงแล้วค่ะคุณพ่อ… ตอนนี้เรากำลังนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟค่ะ”
วีนาร์กรอกเสียงกลับไปยังบิดาที่อยู่ต้นสาย
“พ่อขอคุยกับไกด์… ”
เสี่ยพงษ์กล่าว…
ลูกสาวยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับ ‘ดาริน’ สาวไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอียาร์ตมานานหลานปีจนรู้จักภูมิประเทศแถบนี้เป็นอย่างดีทุกย่าน
“สวัสดีค่ะนาย… ”
ดารินกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม ด้วยรู้ว่าเสี่ยพงษ์เป็นนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล และยังเป็นผู้กว้างขวาง มีคนรู้จักมากมายในวงสังคม
ทุกครั้งที่มีญาติพี่น้องหรือคนรู้จักต้องการเดินทางมายังประเทศอียาร์ต เสี่ยพงษ์จะประสานงานมายังดารินให้ช่วยดูแลเสมอ
ทำให้ดารินมีงานไม่ขาดสาย รับงานแต่ละครั้งได้เงินเป็นกอบเป็นกำ นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่หล่อนตัดสินใจเลือกที่จะทำงานในประเทศแถบทะเลทรายต่อไป
“ดาริน… ฝากดูแลลูกสาวฉันด้วยนะ… ”
เสี่ยพงษ์สั่ง
“ค่ะนาย… ไม่ต้องห่วงนะคะ ดิฉันจะดูแลคุณหนูเป็นอย่างดีค่ะ”
ดารินรับคำ คุยกันต่อมาอีกครู่สั้นๆ เสี่ยพงษ์ก็ตัดสายสนทนา
แม้ใครจะอาจจะไม่ชอบความร้อนและแห้งแล้งของผืนทะเลทราย แต่สำหรับดาริน หล่อนรู้ว่าทะเลทรายนั้นเป็นแดนดินที่มีมนตร์เสน่ห์ไม่เหมือนสถานที่ใดๆ ในโลก
ดารินอยู่ที่นี่มานาน จึงรู้ว่าท่ามกลางผืนทรายที่กลางวันแม้จะร้อนระอุราวเปลวเพลิงแผดเผา แต่ในยามที่พระอาทิตย์ลับไปจากสันทราย ก็มีความหนาวเย็น มีความลี้ลับและเร่าร้อนซุกซ่อนเอาไว้มากมาย ขึ้นอยู่กับว่านักท่องเที่ยวแต่ละคนจะได้สัมผัสในมุมไหนของแดนทรายลึกลับเมืองนี้
ในเวลาต่อมา
“โน่นค่ะ… มากันแล้วค่ะ… ”
ดารินเหลือบมองไปยังรถจี๊ปสีเขียวสองคันที่วิ่งมาจอดใกล้กับร้านกาแฟ
“ต้องใช้รถถึงสามคันเชียวหรือคะ… ”
วีนาร์สงสัย เหลือบมองไปยังรถดอกยางใหญ่ทั้งสามคัน เตรียมความพร้อมมาเพื่อการตะลุยทะเลทรายโดยเฉพาะ
“ใช่ค่ะ… ต้องใช้รถสองคันค่ะ เรานั่งคันใหญ่ อีกคันเป็นรถของการ์ดค่ะ… ”
ดารินหมายถึงบอดี้การ์ดที่เสี่ยพงษ์บิดาของวีนาร์จ้างมาดูแลความปลอดภัยของลูกสาว
“นี่ต้องใช้บอดี้การ์ดมากมายถึงขนาดนี้เลยหรือคะ… ”
วีนาร์สงสัย…
เหลือบตามองไปยังรถสองคันที่แล่นมาจอดรอ คันที่จอดอยู่ด้านหลังมีชายหนุ่มรูปร่างกำยำล่ำสันนั่งมาด้วยกันสองคน รวมอีกคนที่ขับรถคันใหญ่มาจอดใกล้ๆ ก็นับรวมได้สามคน
แม้บอดี้การ์ดเหล่านี้จะตัวใหญ่มาก รูปร่างของแต่ละคนกำยำล่ำสันไปด้วยมัดกล้าม ใบหน้าแม้จะรกครึ้มไปด้วยหนวดเคราจนดูเหี้ยมโหด
แต่สำหรับวีนาร์ที่ชอบหนุ่มสไตล์นี้มาแต่ไหนแต่ไร กลับมองว่าผู้ชายพวกนี้ดูคมคร้ามหล่อเหลา ผิวสีทองแดง