บท
ตั้งค่า

6 พบปะพูดคุย - เราเลิกกันเถอะ

ตอนพบปะพูดคุย

"คุณเจสัน เชิญผมมาพบในวันนี้มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าครับ?" ชายหนุ่มเริ่มเข้าประเด็นทันที หลังจากที่เขานั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหาร โดยไม่ปล่อยเวลาให้หลุดลอยไป แต่ผู้ที่กำลังนั่งตรงข้ามกับเขายังคงยิ้ม และยังไม่พูดอะไร

"ถ้าหากว่า .... เป็นเรื่องของการแต่งงาน ผมยังคงขอพูดคำเดิมนะครับ" ชายหนุ่มกลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นอีกครั้ง และปฏิเสธคำตอบล่วงหน้า ถึงแม้ว่าผู้ที่นั่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเขายังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลยก็ตาม

"อย่าเพิ่งตัดสินใจเร็วอย่างนั้นเลยครับ ดื่มกาแฟก่อนได้นะ แล้วเดี๋ยวเราทานอาหารร่วมกันซักมื้อก่อน" ผู้ที่เชิญเขามาในวันนี้เริ่มสนทนากับเขา และเชิญเขาดื่มกาแฟและทานข้าวด้วย มันเป็นประโยคที่ชวนให้เขาคิดมาก?

"หมายความว่าอย่างไรครับ?" ชายหนุ่มเริ่มมีความสงสัย

"วันนี้ผมเชิญคุณลีมาพบ ไม่ใช่ในฐานะประธานบริษัท แต่ผมมาในฐานะของพ่อคนหนึ่งเท่านั้น" เจสัน เริ่มเข้าสู่บทสนทนา

"ผมรู้ว่าลูกสาวของผมเป็นคนอย่างไร และผมก็ทราบคุณลีเองก็มีแฟนอยู่แล้ว ผมก็ไม่ได้ชอบการบังคับ หรือใช้เล่ห์เหลี่ยมในการทำธุรกิจใด ๆ" ชายหนุ่มฟังสิ่งที่เจสันกำลังพูด พร้อมกับเริ่มทำท่าทางสงสัยว่าพ่อลูกคู่นี้จะมาไม้ไหน อันที่จริงเขาก็รู้จักประวัติ ของเจสัน บาสเตียน ดี

เขาถือได้ว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันตรงกันข้ามกับลูกสาวของเขาอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นชายหนุ่มจึงตั้งใจฟังโดยไม่ขัดจังหวะ

"การที่ลูกสาวผมเป็นอย่างนี้ ความผิดที่ไม่อาจปัดความรับผิดชอบไปได้ก็มาจากผม ผมต้องขอโทษคุณด้วย" หลังสิ้นประโยคนี้ ชายที่มีอายุมากกว่าเขาซึ่งถือได้ว่าอายุเท่าพ่อของเขาเลยก็ว่าได้ ยืนขึ้นและโค้งตัวลงเพื่อกล่าวคำขอโทษเขา

ชายหนุ่มเห็นการกระทำอย่างนั้น ก็ลุกขึ้นตามทันที

"คุณเจสัน!!! ... ยะ อย่างทำอย่างนี้เลยครับ .... นั่งลงก่อนครับ!!!" ชายหนุ่มกล่าวประโยคที่คิดว่าต้องทำ เพราะการกระทำของคนที่มีศักดิ์สูงกว่าย่อมเป็นการไม่เหมาะสม และเขาก็ถือเป็นเด็กที่ทั้งอายุและทางสังคมธุรกิจอ่อนกว่าคนที่กำลังขอโทษและโค้งให้กับเขาด้วย

"ครับ ....." เจสันนั่งลง และเริ่มประเด็นที่เขาต้องการพูดคุยกับชายหนุ่มที่เขาเชิญมาในวันนี้ทันที

"อันที่จริงผมเชิญคุณลีมาพบในวัน ผมอยากจะขอร้องคุณในฐานะพ่อเพียงเท่านั้น .... หากคุณไม่เห็นด้วย และไม่เต็มใจผมก็ไม่ว่าอะไร และการร่วมลงทุนในบริษัทของเราก็ยังคงสามารถดำเนินการต่อได้"

"ครับ ... เชิญคุณพูดมาเลยครับ" ชายหนุ่มเชิญให้ผู้ที่กำลังสนทนากับเขาพูดได้เลย

"ผมอยากรบกวนคุณลี แต่งงานกับลูกสาวของผม ... " ลีออง เมื่อได้ยินสิ่งที่เจสันพูดก็ตกใจ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

"ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร" เจสัน เหมือนรู้ทันว่าชายหนุ่มกำลังจะปฏิเสธเขา เจสันก็พูดขึ้นก่อนหน้าชายหนุ่มทันที

"ขอให้ผมพูดให้เสร็จก่อนนะครับ" เจสัน พูดเสร็จมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับเขา และเห็นท่าทางที่ไม่โต้แย้งใด ๆ เขาก็เริ่มพูดทันที

"ผมขอเวลาคุณ 2 ปี ในการแต่งงานกับลูกสาวผม ยัยอัยย์ให้สัญญากับผมว่า หากคุณแต่งงานกับเธอ เธอจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้น ... ผมรู้ว่าลูกสาวของผมเป็นคนยังไง หากวันหนึ่งผมไม่อยู่ผมก็เชื่อว่าเธอจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ... ดังนั้น ผมในฐานะพ่อ ผมอย่างเห็นลูกสาวของผมโตขึ้น และสามารถดูแลตัวเองได้ ... ผมเชื่อว่าคุณสามารถช่วยผมในเรื่องนี้ได้" เจสัน หยุดพูด พร้อมกับมองหน้าชายหนุ่ม

ชายหนุ่มครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็ถามขึ้นมา "ผมจะช่วยอะไรคุณได้? และผมจะแก้ไขลูกสาวของคุณได้อย่างไร? แล้วหากภายในเวลา 2 ปี ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จะเกิดอะไรขึ้น?"

"ผมไม่ขออะไรคุณมาก คุณเพียงแค่สอนการเข้าสังคม และดัดนิสัยของลูกสาวผมตามที่คุณเห็นสมควรก็พอครับ ... ผมอยากให้เธอได้รู้ถึงสังคมโลกภายนอกที่ไม่มีพ่อคอยช่วยเหลือ เธอจะอยู่กับมันยังไง ...." เจสันพูดไป มองหน้าชายหนุ่มไป เขาหยุดพูดเพื่อดูการตอบสนองของชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มยังคงนั่งฟังเขาอย่างตั้งใจ

"หากภายในเวลา 2 ปี ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ผมก็ให้โอกาสคุณในการตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อ หรือจะเดินออกไป เพราะ 2 ปี ผมก็ถือว่าบทเรียนชีวิตของคนคนหนึ่งมันนานพอดู ... " ชายหนุ่มยังคงนั่งฟังสิ่งที่ผู้เป็นพ่อคนหนึ่งกำลังพูดกับเขา

"หากคุณตัดสินใจช่วยผมในครั้งนี้ ผมถือเป็นบุญคุณอย่างมาก ... ผมจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณ และผมยังจะให้หุ้น 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นค่าตอบแทนในครั้งนี้ มันจะเป็นชื่อของคุณคนเดียว และมันจะยังคงเป็นของคุณ ถึงแม้คุณกับลูกสาวของผมต้องเลิกรากัน และอีก 50 เปอร์เซ็นต์ ผมจะให้ในนามคู่สัญญาระหว่างผม คุณ และลูกสาวของผม" เจสันพูดเสร็จก็มองไปที่ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับเขา

ลีออง ครุ่นคิดสักครู่ เจสันก็เหมือนรู้ว่าชายหนุ่มขอเวลาคิด และนั้นเหมือนเป็นสัญญาณที่ดี เขาเลยพูดขึ้น

"คุณลีสามารถกลับไปคิดทบทวน และให้คำตอบผมในภายหลังได้นะครับ ผมยังหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากคุณในเรื่องนี้ ... อันที่จริงหากคุณลี ตกหลุมรักลูกสาวของผมได้จริง ๆ ผมก็มีความยินดี ผมอยากมีลูกชายอย่างคุณ แต่ผมมีลูกแค่คนเดียว และผมก็ไม่สามารถแต่งงานใหม่ได้" สายตาของคนที่กำลังพูดเหม่อลอยสักครู่ เหมือนกำลังคิดถึงใครบางคน แต่แล้วเขากลับมาเป็นปกติ และยิ้มให้ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับเขา

ลีออง เห็นความเป็นพ่ออย่างเต็มเปี่ยมของชายคนนี้ ใจเขาก็อ่อนยวบทันที (เฮอ ....) เขาถอนหายใจ และคิดได้ทันทีว่าเขาช่างเป็นพ่อที่ดีจริง ๆ ทำไมลูกสาวของเขาถึงไม่ได้ความดีเหล่านี้มาเลยนะ เสี้ยวหนึ่งก็ยังดี

และการที่ชายคนนี้เสนอหุ้นให้กับเขา เขาก็รู้ด้วยว่า นี้คือการวางหมากในการหาผู้ดูแลธุรกิจ และผู้ดูแลลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขา ซึ่งเห็นได้จากที่ทำข้อสัญญาหุ้มระหว่างพวกเขาสามคน ถึง 50 เปอร์เซ็นต์

ถึงแม้ว่าลูกสาวของเขาจะไม่มีเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี เธอยังคงเป็นเธอคนเดิม และก็ยังคงสามารถมีชีวิต

ตอนเราเลิกกันเถอะ

ที่จริงแล้วลีออง ใจอ่อนตั้งแต่ที่เจสัน พูดให้เขาช่วยเปลี่ยนแปลงลูกสาวของเขาแล้วละ แต่เขาก็ต้องกลับไปทบทวนสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ให้ดีก่อน ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะถูกมองว่าเป็นผู้ชายที่เห็นแก่เงิน เพียงเพราะผลประโยชน์ที่ชายที่มีอำนาจด้านการเงินคนนี้มอบให้เขา ซึ่งมันเป็นจำนวนที่มากพอสมควร มันคือหุ้นที่เกินครึ่งของกิจการเลยก็ว่าได้

สำหรับเจสันแล้วนั้น เขารู้ว่าชายหนุ่มที่เขาเลือกนั้นไม่ผิดแน่นอน ผู้ชายคนนี้อาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงลูกสาวของเขาก็ได้ เขาหวังกับอยู่ลึก ๆ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังมากนัก และหากมันไม่สามารถเป็นไปได้อย่างที่คาดหวัง ผู้ชายคนนี้ก็ยังคงจะดูแลลูกสาวของเขาต่อไปได้ และไม่อาจจะละทิ้งไปได้ หากวันข้างหน้าเขาไม่อยู่ ซึ่งนั้นคือแผนของผู้เป็นพ่อที่ควรทำ

..... เย็นของวันเดียวกัน ลีอองได้โทรนัดแฟนสาวของเขา หรือเธอก็คือ จิมมี่ ที่เป็นพนักงานในบริษัทของเขานั้นเอง เขานัดเธอให้พบกันที่ร้านกาแฟคาเฟ่แห่งหนึ่งใกล้กับบริษัท การนัดครั้งนี้ของเขาเพื่อเป็นการบอกเลิกความสัมพันธ์ เพราะเขาต้องแต่งงานกับอัยยะ

จิมมี่ไม่เข้าใจว่าทำไมลีอองถึงต้องยอมฝ่ายนั้น เขาต้องถูกบังคับให้แต่งงานอย่างแน่นอน ถึงแม้ชายหนุ่มจะบอกเธอว่าเขาไม่ได้ถูกบังคับ ถึงมันจะเป็นข้อสัญญาระหว่างธุรกิจ แต่การแต่งงานครั้งนี้เขาบอกว่าเขาเต็มใจ ซึ่งเธอไม่เชื่อ (เขาไม่ได้เต็มใจ เขาถูกบังคับ)

สิ่งที่เธอคิด มันคือหน้าที่ของเขา มันต้องเป็นหน้าที่ของเขาอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงรักเธอ แต่ถ้าให้เลือกเขาก็เลือกครอบครัวและบริษัท หากเขาไม่ตกลงบริษัทของเขาจะล้มละลาย และเธอก็คือหนึ่งในนั้นที่จะตกงาน ลีอองไม่ได้บอกถึงเหตุผลอื่น หรือเรื่องที่เขาคุยและตกลงกับเจสัน เขาไม่ต้องการให้จิมมี่รอเขา หากเขาคิดจะเลิก ถึงแม้จะยังคงรักเธออยู่เขาก็อยากให้เธอเจอคนที่คู่ควรกับเธอ และรักเธอเช่นกัน

ลีอองยังก็บอกกับเธอว่า การแต่งงานครั้งนี้ ถึงแม้จะเป็นข้อตกลงที่เหมือนจะบังคับเขา แต่เขาก็เป็นคนตัดสินใจและสมัครใจด้วยตัวเอง เขายังขอให้เธอไม่ต้องเสียเวลากับเขาอีก ตอนแรกเธอทำงานในแผนกที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา หลังจากที่เขาบอกเลิกเธอ เขาก็ย้ายเธอมาอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทแทน นั้นแสดงว่าเขาตัดสินใจเลิกกับเธออย่างแน่นอน

จิมมี่ เมื่อรู้ว่าลีอองมาพบครั้งนี้เพื่อบอกเลิกรากับเธอ เธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร และรู้สึกเจ็บในอกไปหมด เธอแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี้คือจุดจบของความรักของเธอ แต่เธอก็ต้องยอมรับมัน เพราะนั้นไม่ใช่แค่อนาคตของชายหนุ่มที่เธอรักเท่านั้น แต่เพื่อนร่วมงานของเธอทุกคนก็จะพลอยโดยหางเลขไปด้วย

ถึงแม้ระหว่างพวกเขาจะคบกันแบบแฟนมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย นี้ก็เกือบจะ 5 ปีแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ค่อยจะหวือหวาเหมือนคู่รักคนอื่น ๆ เพราะเธอนั้นถือเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ส่วนลีอองก็เป็นลูกผู้ชายมากจนเกินไป เขาจะให้เกียรติเธอเสมอ ไม่ล่วงเกินเธอเลย ดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเหมือนจะไม่ค่อยพัฒนาเหมือนคู่รักคนอื่น ๆ มากสุดของทั้งคู่มีแค่จับมือ ขนาดหอมแก้ม นาน ๆ ครั้งเขาถึงจะกล้าทำมัน อย่าว่าแต่จูบเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel