4
4
“ทำไม่เป็นก็ไม่เป็นไร เพราะแกต้องทำงานเป็นทาสลูกฉันตลอดชีวิต แต่ถ้าไม่อยากทำก็ได้นะ แต่แกต้องไปเป็นเมียของคุณเอกวิทย์”
“หนูไม่ไป” หยาดรัศมีปฏิเสธเสียงแข็ง
“หน็อย... เดี๋ยวนี้แกกล้าขึ้นเสียงกับฉันเหรอ”
“หยาดไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น”
“นังหยาด”
“หยาดจะไปทำกับข้าวเดี๋ยวนี้” พอเห็นว่าป้าสะใภ้เดินเข้ามาจะทำร้ายเธอก็รีบเอาตัวรอด
“ฉันจะปล่อยแกไปก่อน แต่เพราะฉันหิวข้าวหรอกนะ จะไปทำกับข้าวก็รีบไปทำสิ มายืนเสนอหน้าอยู่ทำไม” วรดาง้างมือค้าง แต่ก็เห็นว่าหลานสาวสู้คน ไม่ยอมให้ทำร้ายง่าย ๆ ทำให้นางเอง ต้องถอยเหมือนกัน
หยาดรัศมีทำอาหารให้สามพ่อแม่ลูกจนเสร็จ คนพวกนั้นก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะเหลือแค่เศษอาหารที่แม้แต่หมายังไม่กินเอาไว้ให้เธอ
ถ้าไม่เพราะเวทน เธอคงไม่มีอะไรตกถึงท้อง หญิงสาวจัดการทำงานบ้านต่อ กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้า ขัดห้องน้ำ ทำความสะอาดบ้านจนเสร็จก็อาบน้ำ และช่วยขายของต่อ วันหนึ่งทำงานสายตัวแทบขาด แต่ได้กินแค่เศษอาหาร และคำด่าทอว่าขี้เกียจสันหลังยาว ไม่น่าเลี้ยงเอาไว้แต่แรก
หยาดรัศมีรู้สึกแค้นใจยิ่งนักที่ญาติสนิทที่เหลืออยู่เป็นคนไม่ดีแบบนี้ ถ้าบิดามารดาไม่จากโลกนี้ไป เธอก็คงไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้
หยาดรัศมีตื่นตั้งแต่เช้าทำงานงกๆ ทุกวันจนเธอรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ ประจำเดือนขาดหายไป ไม่เท่าอาการพะอืดพะอมที่เธอเป็นอยู่ตลอดเวลาเมื่อได้กลิ่นอะไรไม่พึงประสงค์
หญิงสาวตัวชาไปหมด ร่างกายเย็นเยียบเริ่มหวาดกลัวว่าสิ่งที่สงสัยจะเป็นจริง จึงไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจดู แล้วเธอก็ต้องช็อกเมื่อมันขึ้นสองขีด บ่งบอกว่าตัวเองตั้งครรภ์
เธอหยิบนามบัตรที่เวทนเคยให้เธอขึ้นมาดู ก่อนจะเก็บมันเอาไว้เหมือนเดิม เขาจะต้องมาเดือดร้อนเพราะเธออีกน่ะเหรอ
เธอควรบอกเรื่องนี้กับเขาดีไหม ถ้าเขามีลูกมีเมียอยู่แล้วเธอจะทำยังไง เธอจะต้องไปแย่งสามีชาวบ้านเหรอ
ไม่เอาหรอก เธอไม่อยากทำบาปทำกรรมแบบนั้น
ความกังวลใจของหยาดรัศมีทำให้เธอไม่กล้าติดต่อไปหาเวทน ยิ่งถ้าเขามีลูกมีเมียอยู่แล้ว เขาคงกระอักกระอ่วนใจที่จะรับผิดชอบเธอ เธอเองก็เป็นคนไปขอความช่วยเหลือจากเขาเอง
“นังหยาด นังหยาด แกทำอะไรอยู่”
“อุ๊ย! ไม่ได้ทำอะไรจ้ะ ฉันกำลังจะขัดห้องน้ำ” เธอรีบหย่อนเครื่องตรวจครรภ์ลงในกระเป๋ากางเกง จะให้ป้าสะใภ้รู้ไม่ได้ว่าเธอตั้งครรภ์
“ให้มันเร็วๆ หน่อยงานบ้านน่ะ อืดอาดยืดยาดเสียจริง หน้าร้านลูกค้าเยอะขนาดนี้ แกไม่คิดจะออกไปช่วยขายของบ้างหรือไงห้ะ”
“จ้ะป้า” หยาดรัศมีรับคำ รีบจัดการขัดห้องน้ำจนเสร็จ ก่อนจะออกไปช่วยงานหน้าร้าน เธอทำหน้าที่ส่งผักและผลไม้ให้ร้านอาหารประจำหลายร้าน
ร้านประจำร้านหนึ่งที่เวทนเคยเลี้ยงข้าวเธอ ให้ทิปเธอค่อนข้างเยอะ เห็นว่าเธอสนิทกับเวทน เพราะไปนั่งกินข้าวด้วยกันวันก่อน พอเธอถามถึงได้รู้ว่าเวทนเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง และเป็นที่นับหน้าถือตา ต้องบอกว่าเธอไม่รู้จักเขา เพราะเขากับเธอคนละสังคมกัน ถึงเขาจะรวยเป็นแสนล้านเธอก็ไม่รู้จักเขาหรอก
“นั่นป้าทำอะไรคะ” พอกลับมาถึงร้านเธอก็เอ่ยถามป้าสะใภ้ที่กำลังทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่กับลุงของเธอ
“ทำอะไร ฉันทำอะไร เดี๋ยวนี้แกมีหน้าที่มาซักไซ้ฉันแล้วเหรอ ไหนล่ะเงินค่าของ” วรดาแบมือไปขอเงินหลานสาว หยาดรัศมีก็หยิบเงินจำนวนนั้นส่งไปให้
“แกคงไม่ได้งุบงิบไปหรอกนะ” คนนับเงินเอ่ยถามอย่างจับผิด
“จะงุบงิบได้ยังไง ถ้านับดูครบก็คือครบ”
“แม่ก็ลองค้นกระเป๋ามันดูสิ เผื่อได้ทิปแล้วมันงุบงิบ” ปรางทิพย์ที่นั่งเล่นโทรศัพท์แล้วก็กินขนมอยู่อีกด้านเอ่ยขึ้น
“จริงด้วย เอากระเป๋าสะพายแกมานี่”
“นี่อย่านะ อย่านะ” หยาดรัศมีพยายามยื้อเอาไว้ แต่สู้แรงวรดาไม่ได้ อีกฝ่ายแย่งกระเป๋าไปแล้วเทของในกระเป๋าลงจนเกลื่อนพื้นไปหมด
“นี่ไงเงิน เดี๋ยวนี้แกหัดงุบงิบเงินแล้วเหรอนังหยาด”
“นี่มันทิปที่เขาให้หนูตอนไปส่งของ ไม่เกี่ยวกับค่าของ ค่าของหนูก็ให้ไปหมดแล้วไง”
เพียะ! ใบหน้าของหยาดรัศมีหันไปตามแรงตบ
“นังชั่ว เงินทิปก็มาจากผักผลไม้ในร้าน แกมีสิทธิ์เอาไปเหรอ หน้าที่แกคือหาเงินเข้าบ้าน ทุกบาททุกสตางค์แกต้องให้ฉัน ถ้าฉันรู้ว่าแกงุบงิบเงินเอาไว้อีก ฉันจะตบแกให้หน้าหันแบบนี้อีกคอยดู” วรดาถลึงตาเข้าใส่ นางเท้าสะเอวท่าทีเอาเรื่อง ทำให้หยาดรัศมีต้องถอยหนี เธอกุมแก้มด้วยความเจ็บ เรื่องเงินช่างหัวมัน แต่สิ่งที่ลุงกับป้าทำมันไม่สุจริต
“ลุงกับป้าจะเอาผักผลไม้ในตลาดมาสวมรอยเป็นผักปลอดสารพิษแบบนี้ไม่ได้นะคะ” เธอเห็นพวกท่านแอบไปซื้อผักราคาถูก ปนเปื้อนสารพิษในตลาดมาใส่ถุงที่พิมพ์ว่าผักปลอดสารพิษเพื่อนำไปขายในราคาแพง ๆ แบบนี้มันหลอกลวงผู้บริโภคชัด ๆ เธอไม่มีวันยอมแน่นอน
“แล้วแกมีปัญหาอะไรไม่ทราบ”
“นี่คือการหลอกลวงคนกินนะจ๊ะ เขาออกเงินซื้อผักผลไม้ราคาแพงเพราะต้องการอาหารปลอดสารพิษ แต่ลุงกับป้ากลับแอบไปเอาผักผลไม้ในตลาดสวมเข้าไปแทน แบบนี้เรียกว่าเอาเปรียบกันชัดๆ”
“ถ้าแกปากโป้งไปบอกใคร รับรองได้เลยว่าฉันเอาแกตายแน่” สีหน้าของวรดาขณะยกมือขึ้นขู่ทำเอาหยาดรัศมีต้องถอยหนี
“อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” เธอยังเอ่ยขอร้อง
“ไสหัวไปซะ ถ้าแกยังไม่อยากตาย” เสียงตวาดนั่นทำให้หยาดรัศมีต้องวิ่งหนีไป
หยาดรัศมีถูกใช้ให้ทำงานอย่างหนักเพราะป้าสะใภ้โมโหที่เธองุบงิบเงินเอาไว้ แม้จะเป็นเงินทิปจากเจ้าของร้าน นางก็คิดว่าเป็นเงินของนาง หลานสาวนอกไส้ไม่มีสิทธิ์แม้สักสตางค์แดงเดียว
“หมู่นี้แกเป็นอะไร ทำท่าจะอาเจียนอยู่ตลอดเวลา แกคงไม่ได้ไปท้องกับใครมาหรอกนะ” ประโยคของป้าสะใภ้ทำให้หยาดรัศมีสะดุ้ง ขณะที่เธอกำลังทำกับข้าวอยู่
“หนูเป็นโรคกระเพาะน่ะค่ะ”
“ก็ให้มันแน่ อย่าให้รู้ว่าแกท้อง ฉันจะรีดลูกแกออกซะ” ประโยคนั้นทำให้หยาดรัศมีเผลอลูบหน้าท้องของตัวเองไปมา
คืนนั้นเธอนอนหลับไปด้วยความง่วงงุน แต่มีมือหนาของใครบางคนมาลูบไล้เรียวขาของเธอไปมา พอลืมตาขึ้น ร่างนั้นก็ทาบทับเข้ามาหาทับที
“แกเป็นใคร อือ...” เธอเอ่ยถามทำท่าจะกรีดร้องมันก็ปิดปากของเธอเอาไว้
“ฉันไง จำไม่ได้เหรอ” เธอเบิกตากว้างจำเสียงของเอกวิทย์ได้
“ลุงกับป้าของเธอยกเธอให้ฉันแล้ว คืนนี้เรามามีความสุขกันนะ”
หยาดรัศมีดิ้นรน เธอควานมือไปที่หัวเตียงก่อนจะจับโคมไฟเอาไว้มั่นแล้วฟาดลงบนศีรษะของอีกฝ่ายเต็มแรง
“โอ๊ย! นังนี่ฤทธิ์เยอะ” ไม่รอให้เอกวิทย์ทำอะไรเธอได้อีก หยาดรัศมีรีบหนีออกมาจากห้องในทันที ออกมากะเจอเข้ากับป้าสะใภ้และน้องสาวที่ดักหน้าดักหลังเธออยู่ เธอก็เลยหยิบข้าวของเขวี้ยงใส่ไม่ยั้ง