บทย่อ
“ซี้ดดด... อูย… เสียวสุดๆ หนูจ๋า” สองมือของลุงทอมขยุ้มศีรษะของฉันเอาไว้แน่น บางครั้งแกทำท่าเหมือนจะผลักออกห่างเมื่อฉันรัวลิ้นวนรอบรอยบากอย่างไม่ปราณี หากความเสียวซ่านก็ทำให้แกต้องกดศีรษะของฉันลงมาเป็นจังหวะ อั่กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฉันก้มลงดูดรัวๆ เหลือบตาขึ้นมองหน้าลุงทอมเป็นระยะ เห็นใบหน้าแกบิดเบ้ซ่านสยิว ขยับบั้นท้ายกระเด้าแทงท่อนเอ็นเข้าใส่ปากฉันอย่างดุดัน บางจังหวะดูเหมือนลุงทอมจะสูญเสียการควบคุมตัวเองไปชั่วขณะ ฉันเอามือโอบตอโคน แหวกพุ่มขนไปด้านข้าง ให้ท่อนเนื้อคัดแข็งโด่เด่นขึ้นมาตรงหน้า “ใหญ่มากอ่ะ... แน่นปากหนูเลยค่ะคุณลุงขา” ฉันคลายริมฝีปากจากแท่งเอ็นเพียงชั่วขณะ จากนั้นก็ก้มลงขบเม้มแระเล็มลงมาตามความยาวถึงตอโคนที่โอบล้อมไว้ด้วยเส้นขนสีดำ
ตอนที่ 1
“คุณลุงขา”
อย่าบอกใคร
เขียน : กาสะลอง
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ.2537
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะ
ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
เราเตือนท่านแล้ว
“คุณลุงขา”
อย่าบอกใคร
ขณะที่ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสือนิยายสุดฟินอยู่ในเปลที่ผูกเอาไว้ระหว่างต้นมะม่วงสองต้น จู่ๆ ภายในหูก็พลันได้ยินเสียงรถกระบะคันหนึ่ง วิ่งเข้ามาในบ้านเช่าที่อยู่ติดกับสวนมะพร้าวข้างบ้าน
ตอนแรกฉันไม่ได้สนใจมอง แต่เป็นเพราะว่าบ้านหลังนี้อยู่ติดกับสวนมะพร้าวของพ่อฉัน ห่างกันเพียงรั้วกั้น ใครเข้าใครออกก็ต้องเห็น ลักษณะของบ้านปลูกสร้างแบบปูนเปลือยชั้นเดียวผสมไม้ ดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เจ้าของเปิดให้เช่าแบบรายเดือน จึงมีลูกค้าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเช่าบ้านหลังนี้ไม่ซ้ำหน้า เท่าที่เห็นส่วนมากก็เป็นพวกฝรั่งต่างชาติที่นิยมมาเที่ยวเมืองไทยแล้วอยู่นานแบบลองสเตย์
บอกตรงๆ ว่าตอนแรกฉันไม่ได้สนใจมอง กระทั่งได้ยินเสียงคนที่มาเช่าบ้าน ถือโทรศัพท์แนบหูเดินออกมาที่สวนหลังบ้าน
เสียงสนทนาเป็นภาษาอังกฤษสะดุดหูฉันอย่างจัง ทำให้ต้องลุกขึ้นจากเปล เดินมาที่รั้ว มองผ่านช่องว่างระหว่างแนวรั้วหลังบ้าน
และพลันนั้นเอง ที่สายตาของฉันปะทะเข้ากับฝรั่งร่างสูงใหญ่วัยลุงคนหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาสไตล์หนุ่มลาตินที่ฉันชอบ กำลังเดินตรงมาที่ป่ากล้วย ใกล้กับแนวรั้วที่ฉันยืนอยู่ แกไม่ได้สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงบอลขาสั้นบางๆ
เนื้อตัวของฝรั่งคนนี้กำยำล่ำสันไปด้วยมัดกล้าม แผงอกแน่นนูนไปด้วยมัดเนื้อ มีเส้นขนสีดำแผ่กระจายทั่วอกกว้าง ซิกแพคเป็นลูกเป็นลอนน่าลูบไล้ ที่ปั้นไหล่ด้านขวามีลายสักคลาสสิคเป็นเส้นสายสีดำขลัง สวมนาฬิกาสีเงินวาวที่ข้อมือข้างซ้าย โครงร่างสูงใหญ่ล่ำสันสะดุดตาฉันเหลือเกิน
‘ว้าว… อีตาลุงคนนี้เซ็กซี่สุดๆ’
ฉันอุทานในใจ เบี่ยงตัวหลบวูบว่องไวเพราะกลัวว่าแกจะเห็น รีบซ่อนร่างไว้หลังเหลี่ยมเสา แอบมองฝรั่งวัยลุงควักกล้วยของเขาออกมาอวดสายตา
‘ว้าย… อกอีแป้นจะแตก’
ไม่คิดว่าจะได้เห็นของดีเป็นบุญตาแต่เช้าตรู่ ฉันอุทานเสียงดังลั่นอยู่ในใจ อีตาลุงคนนี้ไม่ได้ดึงขอบกางเกงลงมา แต่ควักแก่นกายชนิดที่ว่าทำเอาฉันใจเต้นระทึก เพราะว่าแกรั้งเป้ากางเกงไปไว้ข้างซอกขาแล้วควักดุ้นเอ็นยาวใหญ่ออกมาจากด้านล่าง ล้วงออกมาแบบแมนๆ
‘โห… ’
ฉันตะลึง มองอีตาลุงฝรั่งยืนแอ่นสะโพก ปลดปล่อยน้ำฉี่สีเหลืองอำพัน พวยพุ่งออกมาเป็นสาย สะท้อนอยู่ในประกายแสงแดดเหลืองอร่ามของยามสาย ราดรดลงมาที่โคนต้นกล้วย ที่เห็นมันพุ่งแรงนั้นคงเป็นธรรมดาของคนท่อใหญ่
‘โอ้แม่เจ้า… ของคนหรือของม้าวะนั่น โห… ยังกะแขนเด็กแน่ะ… ใครโดนเข้าไปตายแน่ๆ’
ฉันยังคงอุทานลั่นอยู่ในใจ เอามือลูบแขนตัวเองไปมา ยอมรับว่ารู้สึกขนลุกขนพอง หากดวงตาก็ยังเบิกโพลง มองแล้วมองอีก มองจนตาแทบจะถลนออกจากมาจากเบ้า ตะลึงกับความ ‘ใหญ่’ และ ‘ยาว’ ของอีตาลุงฝรั่งสุดหล่อที่จู่ๆ ก็ควักไอ้จ้อนออกมาให้สาวน้อยอย่างฉันตาค้าง เพ่งมองด้วยใจกระเจิง
นี่ขนาดอยู่ในสภาพปกติธรรมดาก็ยังใหญ่ยาวราวกับมะเขือยาว แล้วถ้าตอนที่มันอยู่ในสภาพแข็งตัวสุดๆ ล่ะ โอ้ย… ไม่อยากจะคิด แต่ก็คิดไปแล้ว… มันคงใหญ่เบ้อเริ่มเท่าแขนของฉันกระมัง
ฉันนิ่งมอง ยืนตัวแข็งทื่อ ราวกับโดนสะกดด้วยเวทย์มนต์คาถาอะไรสักอย่าง ยืนมองลุงฝรั่งจับแท่งเอ็นฟาดกับต้นขาของตัวเองสองสามทีจนสะเด็ดน้ำแล้วดึงกลับเข้ามาทางซอกขากางเกง เมื่อเก็บอาวุธไว้ในสภาพเรียบร้อยก็ผิวปากหวือ เดินออกไปจากป่ากล้วยโดยไม่รับผิดชอบกับความรู้สึกของฉันที่ยังตะลึง ใจเต้นแรง
“อีตาลุงบ้า”