ตอนที่ 6 เริ่มต้นรักครั้งใหม่ [6]
“คุณขอวาดตอนไหนคะ ถ้าอยากทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ก็ต้องค่อยๆ ศึกษานิสัยใจคอกันไปสิ แต่นี่คุณเล่นรุกหนักไม่เปิดโอกาสให้วาดได้พักหายใจเลย มาขอกินข้าวที่บ้านวาดทุกวันยังไม่พอ คุณยังคิดจะขึ้นไปบนห้องวาดอีก ผู้ชายดีๆ ที่ไหนเขาทำกัน”
“ผู้ชายดีๆ แบบผมนี่แหละ ผมแค่ขอขึ้นไปดูห้องนอนคุณเองนะ ไม่ได้จะไปทำอะไรที่ไม่ดีสักหน่อย คุณไม่ต้องทำท่าหวาดระแวงผมขนาดนั้นก็ได้ หรือหน้าตาผมดูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเชียว?”
“ก่อนถามวาดคุณน่าจะหากระจกส่องดูหน้าตัวเองสักหน่อยนะคะ ว่ามันน่าไว้ใจตรงไหน นี่ก็ดึกแล้ว คุณควรรีบกลับบ้าน ถ้าอยากสำรวจห้องวาดเอาไว้วันหลังก็ได้”
“ผมอยากขึ้นไปดูห้องคุณวันนี้ ถ้าไม่ยอมให้ผมขึ้นไปล่ะก็ คืนนี้ผมคงต้องนอนค้างที่บ้านของคุณ”
“คุณบีบวาดให้ไม่เหลือทางรอดอีกแล้วนะ คุณก็รู้ว่าทำแบบนั้นมันไม่เหมาะสม”
“ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรที่ทำให้คุณต้องรู้สึกแย่” สีหน้าจริงจังของเขาไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกไว้วางใจขึ้นเลย ตรงข้ามเธอกลับยิ่งรู้สึกว่าถ้ายอมให้เขาเข้าใกล้พื้นที่ส่วนตัวมากกว่านี้ เธอจะยิ่งถลำลึกจนพาตัวเองกลับออกมาไม่ได้อีก
“แค่ขึ้นไปดูห้องเท่านั้นนะคะ ถ้าทำอะไรวาดมากกว่านั้น วาดไม่ให้อภัยคุณแน่ โกรธยันชาติหน้าเลยด้วย”
“งั้นผมจะง้อจนกว่าคุณจะหายโกรธ ต่อให้ลากยาวไปถึงชาติหน้าก็ยินดี” รอยยิ้มหวานละมุนบนปรากฏขึ้นบนริมฝีปากหนา ดวงตาคมปลาบวูบไหวด้วยแผนการบางอย่างที่หญิงสาวไม่ทันสังเกตเห็น
ปานวาดที่จนปัญญาจะผลักไสไล่ส่งเขาก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ยอมปล่อยให้คนดื้อด้านเอาแต่ใจตามขึ้นไปข้างบน โดยที่ฝ่ามือของเขายังคงยึดกุมข้อมือเธออยู่ แถมยังเดินนำหน้าขึ้นไปก่อนราวกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง
เธอไม่รู้จะจัดการกับผู้ชายคนนี้ยังไงแล้ว ทำไมเขาถึงได้หน้าด้านแบบนี้
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้อง ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มก็ก้าวเข้าไปด้วยความตื่นเต้น เดินวนไปมารอบห้องคล้ายกับจะสำรวจพื้นที่ให้ทั่วทุกซอกทุกมุม ข้อมือที่ก่อนหน้านี้ถูกเขาจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อยก็ได้รับอิสระ หญิงสาวก้มมองรอยแดงที่ปรากฏขึ้นจางๆ เพราะถูกเขากุมไว้นานจนขึ้นรอยนิ้วมือ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บอะไร
ฝ่ามือของเขาอุ่นจัดจนเกือบร้อน จนถึงตอนนี้ก็ยังรับรู้ได้ถึงความร้อนจากฝ่ามือเขาอยู่เลย
“จัดห้องได้สีหวานมากเลยนะ ไม่เหมือนกับตัวคุณยามปกติ”
“คุณไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ความชอบส่วนตัวของวาดนะคะ ในเมื่อเดินสำรวจดูห้องวาดจนทั่วแล้วก็รีบออกไปสิคะ วาดจะได้สั่งให้เด็กปิดบ้านสักที”
“คุณกำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่ ปานวาดที่ผมรู้จักทั้งเข้มแข็งและหนักแน่นกว่านี้ หรือว่านี่คือด้านที่อ่อนแอของคุณ คงกลัวว่าถ้าเข้าใกล้ผมมากกว่านี้จะห้ามหัวใจไม่ให้หวั่นไหวได้สินะ”
“คุณพูดเรื่องอะไร วาดไม่ได้กลัวเรื่องนั้นสักหน่อย แล้ววาดก็แค่มองว่าการกระทำของคุณตอนนี้มันดูไม่เหมาะสม เราควรมีระยะห่างระหว่างกันนะคะ เชิญคุณออกไปจากห้องของวาดได้แล้วค่ะ ตามที่สัญญากันไว้ คุณต้องรักษาคำพูดนะ ไม่งั้นวาดโกรธจริงๆ ด้วย”
“เฮ้อ เพิ่งเข้ามาได้ไม่ถึงห้านาทีก็ถูกไล่ซะแล้ว ขอผมนั่งพักสักครู่ได้ไหม แต่ถ้าคุณกลัวว่าผมจะทำอะไรไม่ดีไม่งามจะเปิดประตูทิ้งไว้แบบนี้ก็ได้ แต่เหมือนเด็กรับใช้บ้านคุณจะยังไม่นอน ก่อนขึ้นมาข้างบนผมได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังทะลุออกมานอกห้องด้วย ถ้าบังเอิญเธอขึ้นมาแล้วเห็นเราสองคนอยู่ด้วยกัน ถึงตอนนั้นก็ยากจะตัวว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน”
คราวนี้ปานวาดถึงกับพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าเขาจะใช้ไม้นี้มาบังคับให้เธอต้องยอมทำตาม ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็คงไล่เขาให้กลับไปตอนนี้ไม่ได้แน่ เล่นตื๊อจะขออยู่ในห้องนี้ให้ได้ซะขนาดนี้ คงมีแต่ต้องตามใจเขาจนกว่าจะพอใจเท่านั้นแหละ
รู้สึกว่าฝ่ายที่กำลังโดนเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลามีแค่เธอคนเดียวเลยนะ
“วาดให้เวลาคุณอีกแค่ห้านาทีเท่านั้น ครบห้านาทีแล้วต้องออกไปจากห้องวาดทันทีเลยนะ คราวนี้ห้ามมีข้ออ้างอีก” ร่างเพรียวบางอ้อนแอ้นหันหลังเดินกลับไปที่ประตู ตัดสินใจปิดงับไว้เพื่อไม่ให้คนข้างนอกมองเข้ามาเห็นสภาพด้านใน ถึงจะรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา แต่เธอคิดว่าตัวเองยังพอรับมือเขาได้อยู่
เมคินเป็นคนรักษาคำพูด อย่างน้อยเขาก็คงไม่ทำอะไรที่เป็นการล่วงเกินเธอหรอก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิดเพราะทันทีที่ประตูปิดลง เสือร้ายซุ่มเงียบก็เผยตัวออกจากที่ซ่อนพร้อมกับดวงตาคมกริบสะท้อนความปรารถนาแรงกล้าที่อยากจะกอดรัดแม่กระต่ายเนื้อโอชะให้สมใจ
หมับ
เอ๊ะ!
ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้างขึ้นเท่าไข่ห่านด้วยความตกใจ ภายใต้อ้อมแขนแข็งแกร่งที่กอดรัดร่างอรชรอ้อนแอ้นไว้แน่นหนาจนแผ่นหลังจมหายไปในแผ่นอกกว้างบึกบึน ใบหน้าสวยหวานซีดเผือดอย่างทำอะไรไม่ถูก ขณะที่ตื่นกลัวสับสนเนื้อตัวสั่นเทากลับได้ยินเสียงกระซิบอ่อนโยนปลอบประโลมอยู่ข้างหู
“คุณตัวหอมมาก รู้ไหมว่าผมอยากกอดคุณมากแค่ไหน นานเหลือเกินที่ไม่ได้แนบชิดกันอย่างนี้ ครั้งนี้ได้โปรดอย่าหนีผมไปอีกนะ ปานวาด”
“...!”