บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1

“พี่เอกคะ... พรุ่งนี้วันเสาร์ เราไปเที่ยวทะเลกันนะคะ”

ฉันลองชวน แม้พอจะคาดเดาได้ในคำตอบ ว่าเอกดนัยผู้เป็นสามีของฉันจะตอบว่ายังไง

“งานพี่ยุ่งมาก... เอาไว้สิ้นปีค่อยไปเที่ยว ช่วงนี้ขอ พี่เคลียร์งานก่อน ลืมหรือยังไงว่าเย็นนี้พี่ต้องออกไปดูงานต่างจังหวัด ไกลถึงอุบลฯ แน่ะ กว่าจะกลับก็คงวันจันทร์โน่นแหละ”

“งั้นสงกรานต์ดีไหมคะ... ช่วงนั้นเราไปเที่ยวทะเลกัน”

ฉันเห็นว่าเดือนหน้าก็เมษาแล้ว ช่วงนั้นคงเหมาะ

“ช่วงสงกรานต์ยิ่งน่าเบื่อ ไม่เอา... ขี้เกียจไปแย่งที่กิน แย่งที่พัก รถราก็โคตรติด ลืมแล้วหรือว่าเมื่อคราวก่อนขนาดเข้าห้องน้ำเดือนยังต้องต่อคิว พี่ไม่ไปช่วงเทศกาลเด็ดขาด”

ดนัยส่ายหน้า

คำพูดของสามีทำให้ฉันรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะรบเร้า ด้วยรู้ว่าเขาจะอ้างเอาเงื่อนไขมากมายมาปฏิเสธคำขอของฉันได้ตลอด

“ไม่เป็นไรค่ะ... ถ้างานของพี่เอกสำคัญกว่าเดือน... ไว้วันหลังก็ได้ค่ะ”

เสียงของฉันสลดลงอย่างเห็นได้ชัด พี่เอกชะงักไปนิดนึง เขาวางเอกสารในแฟ้มที่กำลังอ่านอย่างให้ความสนใจ คงกำลังนึกตำหนิฉันอยู่ในใจว่าทำไมดื้อรั้นและไร้เหตุผลสิ้นดี

ฉันพยายามซ่อนสีหน้ากระเง้ากระงอด แต่ก็ไม่มิด รู้ว่าไม่ถูกต้องนักที่แสดงอาการเอาแต่ใจตัวเองออกมาเช่นนี้ และพี่เอกคงสังเกตเห็นแววตาน้อยใจของฉัน

“อย่าดื้อสิเดือน... สำหรับพี่แล้วเดือนสำคัญที่สุดนะ เอาไว้รอให้ถึงสิ้นปีเดี๋ยวพี่สัญญาว่าจะพาไปเที่ยว... นะ”

พี่เอกหยอดคำหวาน

“ก็ได้ค่ะ... ”

ฉันพยักหน้าไปอย่างนั้นเอง และความที่เป็นคนมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ก็ทำให้ฉันพาตัวเองมาอยู่ที่อำเภอชะอำในตอนเย็นของวันเดียวกันนั้น หลังจากที่พี่เอกขับรถออกไปจากบ้านเพื่อเดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี

ฉันคว้าเสื้อผ้าเพียงสองสามตัวใส่กระเป๋าเป้แล้วเดินลงมาจากคอนโด โบกมือเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่ท่ารถตู้จนมาถึงชะอำในที่สุด

พี่เอกเป็นผู้จัดการแผนกเซลล์ขายรถยนต์แบรนด์ดังของเยอรมัน ทำให้เขาต้องเดินทางไปยังโชว์รูมที่ต่างจังหวัดบ่อยๆ เพื่อวางแผงการขายและอบรมทีมเซลล์ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อเป้าหมายในการทำยอดขายให้ได้อันดับหนึ่ง

ฉันยอมรับว่าการมาทะเลในครั้งนี้มันช่างเป็นการเดินทางที่ไม่มีการวางแผนเอาเสียเลย แต่ก็จริง... เพราะการที่ฉันหุนหันพลันแล่นเดินทางมาคนเดียวด้วยความใจร้อนก็เพราะอารมณ์อยากเอาชนะพี่เอกเท่านั้น

ตอนก้าวลงจากรถตู้ ฉันเหลียวซ้ายแลขวา เพราะยังไม่รู้ว่าจะหาที่พักตรงไหน จึงตัดสินใจนั่งรถสองแถวโดยสารเข้ามาจนถึงหน้าหาดปึกเตียน ซึ่งตอนนั้นผู้คนไม่พลุกพล่านนัก ด้วยอาจจะเป็นเพราะว่าเป็นช่วงโลว์ซีซั่นก็ได้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวบางตา

ทว่าในบรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งมีไม่มากนัก บังเอิญฉันสังเกตเห็นหนุ่มต่างชาติคนหนึ่ง รูปร่างของเขาสูงใหญ่สมชายชาตรี ผิวสีทองแดงคร้ามแดด ฉันเดาว่าใบหน้าคมคร้ามหล่อเหลาที่เห็นน่าจะเป็นคนสเปน

เขาจ้องมองมาทางฉันอยู่หลายครั้ง หลังจากฉันซื้อน้ำเย็นแล้วเดินไปนั่งพักเหนื่อยตรงม้าหินอ่อนริมชายหาด ทอดสายตาลงไปยังหาดทรายขาวสะอาด สูดกลิ่นอายทะเลที่ฉันโหยหา

ฉันหยัดร่างขึ้นจากโต๊ะ เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าควรจะหาที่พักก่อนค่ำ ตอนที่กำลังจะก้าวออกมาจากโต๊ะม้าหินอ่อน... ความรู้สึกบางอย่างสั่งให้ฉันเหลือบมองไปยังม้าหินอ่อนอีกฟากของชายหาด ตอนนั้นจึงรู้ว่าหนุ่มต่างชาติคนนั้นยังอยู่ เขาแอบมองฉันไม่วางตา

ฉันทำทีเป็นไม่สนใจ แต่ก็ชอบที่ตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของเขา

แทนที่จะรีบไปติดต่อห้องพัก ฉันกลับเดินนวยนาดอ้อยอิ่งลงไปที่ชายหาด เชิดใบหน้ารับกระแสลมเย็น จมูกรู้สึกได้ถึงกลิ่นไอเค็มของคาวทะเลที่โชยมากับกระแสลม พัดพาระลอกคลื่นเข้าหาฝั่งเสียงดังโครมครืน เหมือนเสียงหัวใจของฉันที่เต้นแรง... เมื่อเหลือบไปมองชายต่างชาติคนนั้นแล้วรู้ว่าเขายังแอบมองฉันอยู่

ฉันเดินอ้อยอิ่งอยู่กับหาดทรายเหมือนเวลาไม่มีค่า และบ่อยครั้งที่ฉันเหลือบไปมองตรงที่ฝรั่งรูปหล่อคนนั้นนั่งอยู่ ซึ่งทุกครั้งที่มองไป... ก็พบว่าเขามองมาเช่นกัน

ผืนทะเลสีครามเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ฉันเดินย่ำทรายย่ำน้ำจนเพลิน มารู้ตัวอีกที่ก็พบว่าความมืดคลี่คลุมลงมาจนท้องฟ้ากลายเป็นสีดำ เท้าของฉันเปียกน้ำ ในรองเท้ามีทรายติดเต็มไปหมด

ฉันตัดสินใจเดินขึ้นมาจากชายหาด พลันสายตาเหลือบแลไปเห็นป้ายสีขาว มีตัวหนังสือสีดำเขียนเอาไว้ว่า ‘บริการห้องพัก’ จึงเดินตรงเข้าไปถาม

“พี่คะ... มีห้องพักว่างไหมคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel