ตอนที่5[ท้อง]
คืนร้อนซ่อนบ่วงรัก
ตอนที่5
[ท้อง]
ยาหยีตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ กับที่นอนที่ไม่คุ้นชิน เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ เพราะเธอชินกับการนอนในห้องแอร์ และที่นอนนุ่ม ๆ มาตลอด แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ยาหยีต้องพยายามปรับตัวเองให้มากขึ้น ที่จะอยู่ในห้องแบบไม่มีแอร์ มีแต่พัดลมที่เธอได้ซื้อมาเมื่อตอนเย็น
"อยู่ได้สิ ยาหยีต้องอยู่ได้" ร่างเล็กพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะลุกนั่งแล้วบิดกายซ้ายขวาสลับกัน ด้วยความปวดเมื่อยเมื่อที่นอนที่เธอซื้อมา มันให้ความอ่อนนุ่มไม่เพียงพอกับที่เธอต้องการ
"เฮ้อ! ยาหยีต้องเจอกับอะไรที่มันจะแย่ ไปกว่านี้อีกไหม" ร่างเล็กเฝ้าตั้งคำถามอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ยาหยีก็ไม่คิดจะยอมพ่ายแพ้มัน เธอต้องฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างนี้ไปให้ได้อย่างแน่นอน เธอเฝ้าให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ
เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วก็รีบเข้าไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวออกไปหาซื้อวัตถุดิบ และอุปกรณ์มาเตรียมหัดทำเบเกอรี่ที่ชื่นชอบ
ยาหยีขับรถออกไปที่ห้างสรรพสินค้า ที่อยู่ใกล้ที่พักที่สุด เธอเลือกซื้อของตามรายการที่ต้องการ เมื่อได้ของครบตามจำนวนก็หิ้วมาใส่ท้ายรถ เดินทางกลับมาที่พักทันที
สาวสวยง่วนอยู่กับหน้าจอมือถือ เรียนรู้การทำเบเกอรี่ อย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อทำสำเร็จ จึงฉีกยิ้มออกมาคนเดียว
"อ่า! เสร็จเสียที ไหนลองชิมดูสิ ว่าจะอร่อยหรือเปล่า" ยาหยีมองสำรวจเจ้าเบเกอรี่ ทรงสวยที่อยู่ในมือขึ้นมาเข้าปากแล้วกัดไปหนึ่งคำ ก่อนจะเคี้ยว
"อื้ม! รสชาติดีหอมหวานกลมกล่อม ยาหยีเธอก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย!" ยาหยีชื่นชมตัวเอง เมื่อนึกถึงพี่ที่อยู่ห้องติดกัน ที่เลี้ยงลูกน้อยในวัยสองขวบขึ้นมา จึงถือเบเกอรี่ไปฝากชิม
"พี่ค่ะ ยาหยีเอาเบเกอรี่มาฝากชิมคะ ลองดูว่าจะถูกปากไหม" ว่าจบก็ ยื่นส่งให้พี่ข้างห้องที่ชื่อฝนชิมดู
"อืม! อร่อยมากค่ะ น้องทำเองเหรอคะ" พี่ฝนเอ่ยถามยาหยี
"หยีลองทำดูนะคะ พี่ฝนว่ารสชาติดีไหมคะ"
"รสชาติคือดีมากเลยน้อง สามารถเอาไปวางขายได้เลย" พี่ฝนชื่นชมพร้อมแนะนำ
"ขอบคุณมากนะคะ กับคำแนะนำดี ๆ" ยาหยีส่งยิ้มให้พี่ฝนอย่างขอบคุณ
หลังจากเอาเบเกอรี่ไปฝากพี่ฝนชิมแล้ว ยาหยีก็หยิบใส่กล่องสวยแล้วถือ เดินออกไปหาป้าแก้วเจ้าของห้องเช่าด้วย
"อ้าว! หนูหยีเข้ามาหาป้า มีธุระอะไรหรือเปล่าลูก" ป้าแก้วที่ใจดีเอ่ยถามขึ้น
"คือหยีหัดทำเบเกอรี่ เลยเอามาฝากป้าแก้วช่วยชิมดูนะคะ" ยาหยีส่งยิ้มพร้อมส่งกล่องใส ให้ป้าแก้ว
ป้าแก้วหยิบเบเกอรี่ ชิ้นสวยออกมาแล้วเอาเข้าปากเคี้ยวกลืนลงท้อง ก่อนจะส่งยิ้มให้ยาหยีที่รอลุ้นจนตัวโก่ง
"อร่อยมากเลยจ๊ะ ฝีมือสุดยอดนะเรา แบบนี้หนูหยีก็ทำเยอะ ๆ สิ เดี๋ยวป้าเอาไปวางขายที่ร้านกาแฟลูกสาวให้" ป้าแก้วชมฝีมือยาหยี แล้วยังมีออเดอร์ให้อีก
"จริงเหรอค่ะป้าแก้ว หยีดีใจจังเลยคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้นะคะ หยีขอตัวไปทำต่อก่อนะคะ" ยาหยียกมือไหว้ขอบคุณป้าแก้ว ที่หาออเดอร์ให้
วันถัดมา…เมื่อเบเกอรี่ ได้บรรจุอยู่ในถุงแพ็กอย่างสวยงาม ยาหยีหยิบเรียงลงตะกร้า เอามาขึ้นท้ายรถ แล้ววิ่งออกไปส่งที่ร้านกาแฟของลูกสาวป้าแก้ว
สองสัปดาห์ผ่านไป…
ตามร้านกาแฟ ร้านมินิมาร์ท ที่อยู่ใกล้เคียงก็สั่งออเดอร์ เบเกอรี่ของยาหยีเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ยาหยีมีความสุขกับการทำเบเกอรี่ส่งตามร้าน ในทุก ๆ วันจนเพลิดเพลิน กระทั้งลืมเรื่องราวที่ผ่านมาอย่างสนิท
เช้านี้เธอตื่นแต่เช้า เมื่อรับออเดอร์ตามร้านเพิ่มจำนวนมากขึ้น อยู่ ๆ ยาหยีก็เกิดหน้ามืดหมดเรียวแรงขึ้นมา 'อ่ะ! นี่เราเป็นอะไรไป หรือว่าพักผ่อนไม่พอ' ทำให้เธอต้องแบ่งเวลาในการพักผ่อนให้ไวขึ้น และหาเด็กมาช่วยด้วยคนหนึ่ง
สามสัปดาห์ผ่านไป… อาการของยาหยีเหมือนจะแย่ลง เมื่อไปส่งเบเกอรี่เสร็จจึงตัดสินใจแวะไปหาหมอที่โรงพยาบาล
สาวสวยนั่งรอหมอเรียกอยู่หน้าห้อง เมื่อถึงคิวก็เข้าไปหาหมอ ครั้นหมอสาวได้ตรวจดูอาการ ก็ส่งยิ้มมาให้คนไข้ที่นั่งตรงหน้า
"หมอดีใจด้วยนะคะ คุณกำลังมีน้อง ได้สามสัปดาห์แล้วคะ" หมอสาวหันมาส่งยิ้มแสดงความยินดี ยาหยีได้แต่นั่งนิ่งหูอื้ออึงไปหมด
"หมอบอกดิฉันท้องเหรอค่ะ หมอตรวจดูดีแล้วใช่ไหม" ยาหยีเอ่ยถามหมอด้วยเสียงสั่นเครือ
"ใช่ค่ะ คุณกำลังมีน้องจริง ๆ" เสียงหมอสาวแสนสวยยืนยัน
ยาหยีก้าวเดินออกจากโรงพยาบาล ด้วยจิตใจที่ล่องลอย เมื่อเปิดประตูรถได้ ร่างเล็กก็เข้าไปฟุบหน้าร้องไห้ออกมา
"เราท้องงั้นเหรอ แล้วท้องได้อย่างไร" ยาหยียกมือขึ้นลูบลงที่หน้าท้องที่แบนราบของเธอเบา ๆ เมื่อนึกถึงค่ำคืนนั้น ใช่สิ! ยาหยีกับผู้ชายคนนั้น เรากับผู้ชายคนนั้น ทำให้เธอย้อนนึกไปถึงใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ที่เป็นพ่อของลูกในท้องของเธอ
ยาหยีขับรถไปจอดหน้าห้องพัก แล้วก้าวเดินเข้าด้านใน เธอเข้าห้องล้มตัวลงนอนหนุนหมอน แล้วน้ำตาก็ไหลพรากลงมาเป็นสาย 'ยาหยีเธอจะทำอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อคิดได้ว่าลูกที่กำลังจะเกิดมา เขาไม่มีความผิดอะไร มีแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้นที่ผิด ในเมื่อเธอผิดพลาดเอง ยาหยีก็ต้องยอมรับกับความจริง กับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นมา
มือเรียวยกมือลูบไล้ที่หน้าท้องอย่างอ่อนโยน แม่จะดูแลหนูเองนะลูก แม่จะไม่มีวันทำร้าย ลูกแม่เป็นอันขาด แม่รอหนูนะ รอวันที่ลูกแม่จะออกมาลืมตาดูโลก และแม่สัญญาว่าจะเลี้ยงดูหนูให้เป็นคนดี
ด้านตระกูลบดินทร์พิทักษ์
สิชาอยู่ในชุดเจ้าสาว เธอเป็นคนสวยร่างที่สูงสง่ายามเมื่อได้อยู่ในชุดเจ้าสาวสีชมพูอ่อน จึงทำให้เธอที่มีผิวพรรณดีนวลผ่อง และในยามนี้สิชาได้มีเจ้าตัวน้อยอยู่ในท้องอ่อน ๆ ยิ่งทำให้เธอเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้นไปอีก
เจ้าบ่าวอย่างเซฟ คิดว่าเขานั้นช่างโชคดีกว่าใคร ๆ ที่สามารถเอาชนะใจ คนตัวเล็กที่ยืนเคียงข้างกันอยู่ในตอนนี้ จนกระทั้งสิชายอมตกลงรับรักเขาและมีวันนี้
เจ้าสาวเจ้าบ่าวเดินเคียงข้างกันอยู่ในงานเลี้ยง ในค่ำคืนที่อบอุ่น ไปด้วยญาติมิตรและเพื่อนพ้องที่สนิทกันของทั้งสองฝ่าย
งานเลี้ยงที่จัดใหญ่โตให้สมฐานะของทั้งคู่ก็จบลง เมื่อได้เวลาส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ
พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายได้ก้าวเข้ามาในห้องหอของทั้งคู่
"แม่ขอให้ลูกทั้งสองรักกัน และดูแลกันและกันตลอดไปนะลูกนะ หนักนิดหนักหน่อยก็รู้จักอภัยให้กัน แม่ขอฝากลูกสาวแม่ด้วยนะพ่อเซฟ" เสียงคุณหญิงดวงแข อวยพรและสอนลูก ๆ ไปพร้อม ๆ กัน แล้วตอนท้ายหันมาฝากฝังลูกสาวกับลูกเขยของเธอ
"ขอบคุณครับคุณแม่ ผมสัญญาว่าจะดูแลสิชาและลูกให้ดีที่สุดครับ" เจ้าบ่าวยกมือขึ้นกราบลงที่ตัก ของคุณแม่และคุณพ่อภรรยาของเขา ด้วยกิริยาอ่อนโยน
หลังจากนั้นก็มารอรับคำอวยพรจากพ่อแม่ของเจ้าบ่าวพร้อมกัน
"พ่อกับแม่ก็ขอให้ลูก ๆ รักและดูแลกันตลอดไป" ว่าจบผู้ใหญ่ต่างก็ลุกเดินออกจากห้อง คงปล่อยให้เจ้าสาวเจ้าบ่าวอยู่ด้วยกันตามลำพัง
ด้านพี่ชายคนโตของตระกูลบดินทร์พิทักษ์ ตั้งแต่ผ่านค่ำคืน ที่เร่าร้อนของคืนนั้นมา ชายหนุ่มก็ได้แต่วนเวียนไปดูที่ผับมาบ่อยครั้ง เขาหวังเป็นอย่างมากหวังที่จะได้พบเจอเธออีก ร่างนุ่มที่เขาโหยหามาโดยตลอด หวังอยากจะสานต่อสัมพันธ์ให้แนบชิด หวังอยากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
ยามว่างจากงาน สิงหราชไม่เคยที่จะนิ่งเฉยดูดาย หรือปล่อยผ่าน เขาเฝ้าติดตามหา เพื่อสักวันหนึ่ง สักวันที่เขาและเธอจะได้มาพบกันอีก สิงหราชมีความมุ่งมั่น เพราะคืนนั้นเขามีความตั้งใจอย่างมาก กับการฝากฝังบทรักครั้งสุดท้ายให้กับเธอ ขอแค่ให้เขาได้พบเจอเธออีกสักครั้ง เขาจะไม่มีวันปล่อยผ่าน สิงหราชได้แต่วิงวรขอพรจากฟ้า ถ้าเรามีวาสนาต่อกัน ก็ขอให้เรามาพบเจอกันอีก
"เธอไปอยู่ที่ไหนนะ รู้ไหมว่าฉันโหยหาเธอแทบคลั่ง" ร่างโตได้แต่รำพึงรำพันออกมา
"พี่สิงห์มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะครับ" พยัคฆ์เอ่ยเสียงราบ เมื่อเห็นพี่ชายเหม่อลอย
"เปล่า! ไม่มีอะไร" พี่ชายรีบตัดบท