ตอนที่1[ยาหยี]
คืนร้อนซ่อนบ่วงรัก
ตอนที่1
[ยาหยี]
ยาหยีก้าวเดินออกมาจากตึกสูงของมหาวิทยาลัย ด้วยชุดนักศึกษาด้านนอกมีชุดครุยของสถาบันชื่อดังสวมทับอีกชั้น สาวน้อยที่มีใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมโต ริมฝีปากอวบอิ่มน่ามองจนได้ครองตำแหน่งดาวมหา'ลัยมาตลอดสี่ปี ทั้งสวยทั้งเรียนเก่ง จนได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ชีวิตของเธอแลดูจะเพอร์เฟคจนใคร ๆ ต่างอิจฉาในความโชคดีของยาหยี
แต่ด้านที่ใคร ๆ แอบอิจฉาชีวิตของเธอนั้น จะมีสักกี่คนที่จะรู้ว่าชีวิตของยาหยีอีกด้าน ได้พบเจอและผ่านอะไรมาบ้าง
ยาหยีเกิดมาในตระกูลที่มั่งคั่ง ที่บิดามีเงินทองมากมาย พอเธอเข้าเรียนใน มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง มารดาก็ล้มป่วยด้วยโรคภัยที่รักษาไม่หาย จนสุดท้ายมารดาก็เสียชีวิตลงด้วยโรคร้าย มะเร็งที่คร่าชีวิตของมารดาที่รักของยาหยีไป
ความเศร้าโศกเสียใจยังไม่ทันหายดี บิดาก็ได้รับเอาผู้หญิงที่มีลูกติดมาเลี้ยงในบ้านอีก เมื่อบิดาได้บอกถึงสถานะผู้หญิงของท่าน ว่าเป็นภรรยาใหม่ของท่าน ยาหยีที่เป็นลูกจึงน้อยใจบิดามาโดยตลอด
ตั้งแต่บิดาของยาหยี รับคุณไพลินกับลูกสาวที่ชื่อเกศริน ที่มีอายุแก่กว่ายาหยีสองปีเข้ามาอยู่ที่บ้าน ภรรยาใหม่ของบิดาและลูกสาวของเธอ ก็ทำตัวเหมือนเป็นนายหญิงคนใหม่ของบ้านทันที โดยทั้งคู่ไม่ยอมหยิบจับอะไร กลางคืนออกเที่ยวกลางวันก็นอน จนมาระยะหลังบิดาของยาหยีเครียดจัดจนล้มป่วย เงินทองที่เก็บเอาไว้เริ่มร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ เมื่อท่านไม่สามารถจะควบคุมอะไรได้เลย
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยาหยีแอบได้ยินบิดากับภรรยาใหม่ของท่านมีปากเสียงกันดังขึ้นในห้องนอนของบิดา
"คุณไพลินหยุดเที่ยวได้ไหมผมขอร้อง เงินทองที่ผมมีอยู่คุณกับลูกสาวก็เอาแต่เที่ยวเตร่จนทรัพย์สินของผมจะไม่หลงเหลืออะไรแล้ว" เสียงบิดาแหบแห้งเอ่ยขอร้องภรรยาใหม่ของท่าน
"คุณก็นอนซมอยู่แบบนี้ จะหวงสมบัติเอาไว้ทำอะไรเยอะแยะ ไม่รู้จะตายวันไหน ไพลินไม่ชอบดูแลคนป่วยหรอกนะคะ" ภรรยาใหม่ของบิดาเอ่ยแย้งขึ้นเสียงสูง
"ไพลินฉันเสียใจจริง ๆ ที่เอาเธอกับลูกสาวเข้ามาอยู่ในบ้าน เธอมันร้ายกว่าที่ฉันคิดจริง ๆ"
"กว่าจะรู้ตัวคุณก็ทำอะไรไพลินไม่ได้แล้วล่ะค่ะ" ว่าจบไพลินก็สะบัดหน้าเดินจากไป
ยาหยีได้ยินประโยคทั้งหมดที่บิดากับภรรยาใหม่ถกเถียงกัน เมื่อไพลินเดินออกไป ยาหยีก็รีบเข้าไปหาคุณพ่อของเธอ
"คุณพ่อขา…วันนี้ทานอาหารทานยาหรือยังคะ" ยาหยีเข้าไปนั่งข้างเตียงบิดา แล้วเอ่ยถาม
"ยาหยีลูกพ่อ หนูจะเรียนจบแล้วใช่ไหม ไม่ต้องห่วงพ่อนะลูก พ่อสบายดี พ่อเสียใจนะที่ดูแลหนูไม่ดี เสียใจจริง ๆ " เสียงแหบพร่าสั่นเครือเอ่ยขึ้น
"คุณพ่อขา…อย่าคิดมากนะคะ ยาหยีสบายดี หนูรักคุณพ่อนะคะ"
ยาหยีหวนคิดถึงเหตุการณ์วันก่อนเพียงแค่นั้น หญิงสาวขับรถออกจากรั้วมหาวิทยาลัย ออกสู่ถนนใหญ่มุ่งหน้ากลับบ้าน เพื่อเอาใบปริญญาและใบเกียรตินิยมที่ได้รับ มาอวดบิดา ที่นอนรออยู่ที่บ้าน เมื่อคืนยาหยีได้เข้าไปหาบิดา แล้วบอกว่าเธอเรียนจบแล้ว และวันนี้เธอจะไปรับใบปริญญาเอามาเป็นของขวัญ วันครบรอบที่คุณพ่อกับคุณแม่แต่งงานกัน
ยาหยีขับรถมาชะลอหน้าประตูรั้วบ้านหลังใหญ่หรู เมื่อประตูเปิดออกเธอก็ขับเคลื่อนเข้าไปจอดที่โรงจอดรถ ก่อนจะเปิดประตูและก้าวลงจากรถ ป้าสร้อยที่เป็นแม่บ้านก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหายาหยีทันที
"คุณหนูขา…คุณท่านค่ะ คุณท่าน" ป้าสร้อยท่าทางตื่นตระหนกเอ่ยละล่ำละลัก
"มีอะไรค่ะ ป้าสร้อยคุณพ่อเป็นอะไร" ยาหยีไม่รอคำตอบ หญิงสาวรีบวิ่งเข้าบ้านและขึ้นไปที่ห้องบิดาทันที เมื่อผลักประตูห้องเข้าด้านใน ก็เห็นบิดานอนแน่นิ่งยาหยีจึงรีบเข้าไปนั่งข้างเตียง ยกแขนเรียวสวมกอดร่างบิดาเอาไว้แน่น
"คุณพ่อ…คุณพ่อขา…ลืมตามาคุยกับยาหยีก่อน เราสัญญากันแล้วนะคะ ว่าวันนี้คุณพ่อจะรอรับของขวัญจากหนู คุณพ่อตื่นมาสิคะ จะทิ้งหนูไปแบบนี้ไม่ได้นะคะ แล้วหนูจะอยู่กับใครฮือ ๆ" ร่างเล็กสวมกอดบิดาที่เธอรัก น้ำตาไหลพรากลงร่องแก้ม
ป้าสร้อยกับลุงทองได้แต่ยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อประมุขของบ้านได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนคืนกลับมา
"คุณหนูขา…หักห้ามใจนะคะ คุณท่านไปสบายแล้ว ท่านจะไม่เจ็บปวดทรมานอีกแล้วนะคะ" ป้าสร้อยเข้าไปสวมกอดคุณหนูที่เธอรัก และปลอบโยนเสียงสั่นเครือ
"แล้วคุณไพลินกับคุณเกศรินละคะป้าสร้อย ยาหยียังไม่เห็นทั้งสองคนนั้นเลย" ยาหยียกมือเรียวปาดเช็ดน้ำตาออกจากแก้มนวล แล้วถามหาภรรยาใหม่ของบิดา
"คุณไพลินกับคุณเกศริน ยังนอนหลับอยู่ในห้องเลยค่ะคุณหนู ป้าสร้อยขึ้นไปเรียกแล้วก็ยังไม่ตื่นเลย"
"ช่างเขาเถอะค่ะ เรามาปรึกษากันก่อนนะคะ ว่าจะจัดงานให้คุณพ่อที่วัดไหนดี" ยาหยีเอ่ยปรึกษาป้าสร้อยกับลุงทอง
"คุณหนูครับ เดี๋ยวลุงไปจัดเตรียมงานที่วัดให้เองนะครับ เรื่องนี้คุณหนูไม่ต้องห่วง" ลุงทองที่เคยส่งนายหญิงของบ้าน ที่เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ไปทำบุญ ที่วัดใกล้บ้านประจำเอ่ยขึ้น
"หนูต้องให้ลุงทองจัดการเรื่องนี้ให้ด้วยน่ะค่ะ เพราะยาหยีไม่ค่อยเข้าใจมากนัก" เธอหันมากล่าวกับลุงทองที่เป็นคนเก่าแก่ในบ้าน ในที่สุดยาหยีก็ไม่เหลือใคร มีแต่ป้าสร้อยกับลุงทองแค่นั้นที่จะเป็นที่ปรึกษาให้เธอได้
"คุณหนูอย่าคิดมากนะคะ คุณท่านไปสบายแล้ว ป้าสร้อยกับลุงทองจะอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูเอง เราสองคนจะไม่มีวันทิ้งคุณหนูไปไหนเด็ดขาดคะ" ป้าสร้อยกับลุงทอง ปลอบโยนและให้กำลังใจคุณหนูของเธอ
20:30น.
ร่างอวบของคุณไพลิน และร่างระหงของลูกสาวที่แต่งตัวสวย ได้ก้าวลงบันไดมาจากชั้นบน เพื่อจะออกไปเที่ยวตามปกติก็ลงมาถึงชั้นล่าง เมื่อเห็นบ้านเงียบเชียบก็โวยวายลั่นบ้าน
"เอ่อ! นี่ ป้าสร้อย ลุงทอง อีเหมียวหายตัวไปไหนกันหมด" เสียงเกศรินลูกสาวตะโกนโวยวายลั่นห้องโถง
"มาแล้วค่ะ คุณเกศจะรับอะไรดีคะ" เด็กในบ้านที่ชื่อเหมียวเอ่ยขึ้น
"สาระแนไม่เข้าเรื่อง นี่หายหัวไปไหนกันหมด" คุณไพลินนายหญิงคนใหม่เอ่ยถามเด็กเหมียวในวัยสิบแปดปี
"คุณหนูยาหยี กับป้าสร้อยและลุงทองอยู่ที่วัดกันค่ะคุณผู้หญิง"
"อยู่ที่วัด ไปทำอะไร ใครตายถึงต้องแห่กันไปอยู่ที่วัด" คุณไพลินเสียงสูงอย่างไม่พอใจเอ่ยถาม
"ก็…คุณท่าน คุณท่านเสียแล้วนะคะ" เหมียวตอบเสียงเครือ
"อ้าว! ต๊าย! นี่คุณท่านของแก ตายจริง ๆ แล้วเหรอนังเหมียว" เสียงคุณไพลินเบะปากเยาะเสียงสูงออกมา
"นี่! เป็นข่าวดีใช่ไหมค่ะคุณแม่" เกศรินเอ่ยขึ้นดวงตาเป็นประกาย
"ก็ดีนะสิจ๊ะ คุณหนูเกศริน ต่อไปนี้เราสองคน แม่ลูกก็จะอยู่กันอย่างสุขสบายกันเสียที" เสียงคุณไพลินเอ่ย เสียงใส ด้วยความดีใจจนเนื้อเต้น
"หมายความว่าไงค่ะคุณแม่ ทุกอย่างที่นี่จะเป็นของเราเหรอคะ" เกศรินส่งยิ้มหวานให้มารดา เมื่อคิดว่าความใฝ่ฝันจะเป็นจริงในไม่ช้า
"ก็แน่นอนนะสิจ๊ะแม่ก็ต้องทำ เพื่อลูกสาวคนเดียวของแม่อยู่แล้ว" ว่าจบก็จับจูงมือลูกสาวเดินออกไปหน้าบ้าน
"ไปที่วัดกับแม่แปปหนึ่ง แล้วค่อยไปเที่ยวนะลูกนะ"
คุณไพลินกับลูกสาวเดินทางมาถึงวัด ก็บีบน้ำตาไหลพรากลงร่องแก้ม เมื่อเข้าไปไหว้หน้าศพของสามี
"คุณพี่…ฮือ…ทำไมมาด่วนทิ้งน้องไปแบบนี้ล่ะค่ะ แล้วนี่น้องจะอยู่อย่างไร ถ้าไม่มีคุณพี่อยู่เคียงข้าง…ฮือ…" คุณไพลินก้มไหว้หน้ารูปภาพบานใหญ่ ที่ตั้งอยู่หน้าโลงที่จัดอย่างสวยงาม โดยข้างกายมีลูกสาวแสนสวย ที่กำลังทำตามคำสั่งมารดาอยู่
พอไหว้หน้าศพเสร็จ สองแม่ลูกก็ลุกเดินจากไป ไม่ได้สนใจกับบทสวดที่พระกำลังสวดอภิธรรมในค่ำคืนนี้ด้วยซ้ำ เมื่อพิธีต่าง ๆ จบลง
"คุณหนู เรากลับบ้านไปพักผ่อนกันก่อนนะคะ ทางนี้ป้าจะให้ลุงทองอยู่ดูแลเอง" ป้าสร้อยหันมาเอ่ยกับคุณหนูยาหยีของเธอ
"งั้นก็ได้ค่ะ ลุงทองหนูฝากดูแลทางนี้ด้วยนะคะ" ยาหยีหันไปหาลุงทองที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ป้าสร้อย
"ไม่เป็นไรครับคุณหนูไปพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้เดี๋ยวลุงจัดการเอง" ว่าจบยาหยีก็ลุกขึ้น เดินออกไปกับป้าสร้อย ไปที่รถแล้วขับกลับบ้าน