9 ไม่รู้ว่าให้มาทำอะไรที่นี่
เพราะเขมณัฏฐ์ขับรถมาด้วยความเร็วไม่เกินกฎหมายกำหนดอีกทั้งยังแวะทานอาหารและเข้าห้องน้ำเกือบตลอดทางทำให้การเดินทางจากกรุงเทพมาสุโขทัยก็เลยใช้เวลานานกว่าปกติเกือบ 2 ชั่วโมง
เขาพากานต์ชิสามาถึงบ้านของตนเองในเวลาเกือบจะเที่ยงคืนซึ่งตอนนี้ทั้งบ้านปิดไฟมืดสนิทแต่เมื่อขับเข้ามาใกล้ๆ ไฟทุกดวงก็สว่างจ้าเพราะเขาทำระบบไฟฟ้าที่นี่เป็นระบบอัตโนมัติ
บ้านของชายหนุ่มเป็นบ้านปูนชั้นเดียวยกสูงขึ้นจากพื้นหญิงสาวเดินตามเขาเข้าไปในบ้านหลังไม่ใหญ่มาก บริเวณห้องรับแขกถูกจะเอาไว้อย่างเรียบร้อย ด้านซ้ายมือเป็นส่วนของห้องครัวที่มีโต๊ะสำหรับทานอาหารขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง
พื้นอีกด้านยกสูงขึ้นไปบริเวณจากบริเวณห้องรับแขกซึ่งตอนนี้เขมณัฏฐ์พาเธอเดินขึ้นบันไดมาเพียงห้าขั้นก็ถึงห้องนอน
“เธอนอนห้องนี้ไปก่อนนะ ฉันให้คนมาทำความสะอาดแล้วหวังว่าคงอยู่ได้” เขาเปิดประตูห้องนอนห้องหนึ่งให้กับหญิงสาว
“ฉันกินง่ายอยู่ง่ายไม่มีปัญหาหรอกค่ะ” พูดจบก็เปิดประตูเข้าไปในห้องนอน
ตอนนี้มันดึกมากแล้วหญิงสาวรีบอาบน้ำและล้มตัวลงนอนแต่ก็ต้องถอนหายใจอย่างหนักเพราะห้องที่เขาให้เธออยู่นี้มันเป็นห้องที่มีแค่พัดลมถึงแม้อากาศทางภาคเหนือจะไม่ได้ร้อนมากเหมือนกับกรุงเทพแต่คนที่อยู่ในเมืองที่อากาศเย็นมาตลอดก็รู้สึกว่าไม่โอเคเลยกับห้องที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ
กานต์ชิสาเลยคิดว่าคืนนี้จะยอมนอนแบบนี้ไปก่อนและพรุ่งนี้จะคุยกับเขาอีกครั้ง ให้เขาเปลี่ยนห้องหรือไม่ก็เพิ่มเครื่องปรับอากาศและถ้าเขาไม่ยอมเธอก็คิดว่าจะย้ายไปนอนที่โรงแรมมันซึ่งน่าจะสะดวกกว่านี้
เพราะความเพลียจากการเดินทางไม่นานนักกานต์ชิสาก็หลับแล้วสะดุ้งตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงไก่ขันในเวลาเกือบจะตีห้าเธอถอนหายใจก่อนจะลุกมาอาบน้ำแต่งตัว
จากนั้นก็ส่งคลิปวิดีโอสั้นสั้นไปให้กับพี่สาวเพื่อเธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก เมื่อคืนหญิงสาวก็ส่งคลิปการเดินทางให้พี่สาวอยู่หลายคลิป
หญิงสาวเดินออกจากห้องมาในเวลา 6 โมงเช้า
เธอเห็นคนกำลังง่วนทำอะไรอยู่ในห้องครัวก็เดินไปถาม
“ทำอะไรอยู่คะ”
“ทำกับข้าวอยู่ค่ะ” เมื่อตอบแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าบ้านหลังนี้มีเจ้านายเป็นผู้ชาย เธอหยุดชะงักและหันมามองกานต์ชิสา
“คุณเป็นใครคะแล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ผู้หญิงวัยกลางคนมองหน้าเธอด้วยความตกใจ
“หนูเป็นเพื่อนของคุณเข้มค่ะ”
“อ้าว น้าก็นึกว่าเพื่อนที่คุณเข้มพูดถึงจะเป็นผู้ชาย คุณชื่ออะไรล่ะคะน้าจะได้เรียกถูก”
“หนูชื่อเค้กค่ะ แล้วน้าล่ะคะ”
“น้าชื่อประนอมจค่ะหนูเรียกว่าน้านอมก็ได้”
“ค่ะน้านอม แล้วน้านอมกำลังทำอะไรอยู่คะ”
“น้ากำลังเตรียมอาหารเช้าให้คุณเข้มอยู่น่ะ วันนี้ทำผัดผักรวมกับแกงส้มชะอมกุ้งแล้วหนูเค้กอยากกินอะไรเพิ่มไหม”
“เค้กเป็นคนกินง่ายค่ะ น้าทำอะไรเค้กก็กินหมด ปกติแล้วคุณเข้มของน้านอมเขาจะตื่นมากินข้าวกี่โมงคะ”
“ไม่เกิน 8 โมง นี่ก็เหลือเวลาอีกนานหนูเค้กจะเข้าไปนอนก่อนหรือจะลงไปเดินเล่นข้างล่างก็ได้นะเช้าๆ แบบนี้อากาศค่อนข้างดีเลย”
“ถ้างั้นเค้กขอออกไปเดินเล่นนะคะเมื่อคืนมาถึงที่นี่ดึกยังไม่ได้สำรวจเลยว่ามีอะไรบ้าง”
หญิงสาวเปิดประตูบ้านลงไปมองบริเวณรอบ บ้านของชายหนุ่มที่มีบริเวณกว้างมาก
ด้านข้างของบ้านโรงจอดรถซึ่งมีรถคันที่เขาขับมาเมื่อคืนจอดอยู่คันหนึ่งกับกระบะอีกคันหนึ่งแล้วก็มีจักรยานยนต์อีกสองคันเธอยิ้มเมื่อคิดถึงการขี่จักรยานยนต์ไปเที่ยวบริเวณใกล้ๆ
แต่ก็คิดว่าอาจจะต้องขออนุญาตเขาก่อนเพราะมาอยู่ที่บ้านเขาเธอก็ไม่อยากจะทำข้ามหน้าข้ามตาเจ้าของบ้าน หญิงสาวเดินมาบริเวณบ้านที่ด้านหน้ามีแปลงดอกกุหลาบกำลังส่งกลิ่นหอมมันทำให้เธอรู้สึกสดชื่นมากๆ เพราะอากาศแบบจะหาไม่ได้เลยตอนอยู่ที่กรุงเทพ
เธอเดินรอบ บ้านจากนั้นก็เดินมายังหน้าประตูรั้วตอนนี้เห็นพระกำลังเดินมาบิณฑบาตหญิงสาววิ่งกลับเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
“น้านอมคะเค้กอยากใส่บาตร เอาอะไรใส่บาตรได้บ้างคะ”
“ตายจริงไม่มีของสดอะไรใส่บาตรเลยในตู้ก็มีแต่พวกมาม่ากับปลากระป๋อง เอาอย่างนี้ดีมั๊ยถ้าหนูเค้กอยากใส่บาตรจริงๆ พรุ่งนี้เช้าน้าจะทำกับข้าวให้”
“พระท่านมาบิณฑบาตทุกวันใช่ไหมคะน้านอม”
“ใช่ค่ะ มาทุกวัน”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้เค้กค่อยใส่บาตรก็ได้ค่ะ แต่จะรบกวนน้านอมเกินไปหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ น้าเองก็ไม่ค่อยได้ใส่บาตรเหมือนกัน”
“ขอบคุณนะคะ”
หญิงสาวเดินกลับเข้ามาในบ้านก่อนจะนั่งลงบริเวณห้องรับแขกหยิบนิตยสารเกี่ยวกับการเกษตรขึ้นมาซึ่งเธออ่านภาษาไทยได้แต่อ่านได้ค่อนข้างช้ากว่าจะผ่านไปแต่ละหน้าก็ใช้เวลานาน แต่คงอ่านเพลินไปหน่อยเพราะตอนนี้เจ้าของบ้านออกมาจากห้องนอนแล้ว
“ตื่นเช้าเหมือนกันนะ ผมนึกว่านั่งรถมาเหนื่อยคุณจะตื่นสายเสียอีก”
“ก็ไก่บ้านคุณขันแต่เช้าเลย ใครจะไปนอนได้ล่ะ”
“ปกติตอนอยู่กรุงเทพคุณตื่นเช้าไหม”
“ก็ไม่ค่อยเช้าเท่าไหร่หรอกค่ะ”
“ถ้างั้นกินข้าวเสร็จแล้วจะนอนพักต่อก็ได้นะ”
“คุณจะให้ฉันมานั่งดูนอนอยู่ที่นี่เหรอคะคุณเข้ม ฉันคงเบื่อแย่”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะให้คุณมาทำอะไรที่นี่ คุณอยากทำอะไรก็ทำก็แล้วกันนะ”
“แล้วคุณล่ะจะทำอะไร”
“เดี๋ยวผมกินข้าวเสร็จก็จะเข้าไปที่ท่าข่าววันนี้มีข้าวมาลงเยอะคงต้องไปดูความเรียบร้อย”
“ท่าข้าวเหรอคะ ฉันขอตามคุณไปดูด้วยได้ไหม มันอยู่ไกลจากที่นี่หรือเปล่า”
“รั้วติดกับบ้านนี่แหละ ถ้าอยากจะไปดูก็ได้”
“ฉันขอตามคุณไปที่นั่นด้วยนะ เพราะถ้าให้อยู่ที่บ้านคงเบื่อแย่ ฉันเห็นมีรถมอเตอร์ไซต์ด้วยฉันขอยืมได้ไหมล่ะ”
“คุณขี่เป็นเหรอ”
“เป็นสิแต่อาจจะต้องใช้ความคุ้นเคยกับมันหน่อยฉันว่าจะขับไปเที่ยวใกล้ๆ บริเวณแถวนี้ ว่าแต่ที่เราอยู่นี่เราอยู่อำเภออะไรกันเหรอ”
“เราอยู่อำเภอเมืองแต่ห่างจากตัวอำเภอประมาณห้ากิโล”
“ห้ากิโลก็ไม่ไกลเท่าไหร่”
“คุณพูดเหมือนจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปในเมืองเลยนะ”
“ใช่ค่ะ ไม่ได้เหรอคะ”
“มันก็ได้อยู่หรอกเด็กวัยรุ่นแถวนี้เขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปในเมืองกันทั้งนั้นแต่ผมว่ามันอันตรายเกินไปสำหรับคุณนะ คุณขับรถยนต์ไปหรือเปล่าล่ะ”
“เป็นค่ะ”
“ถ้าจะเข้าในเมืองก็เอารถยนต์ผมไปก็ได้ปกติแล้วผมก็ไม่ได้ใช้หรอก”
“ฉันเห็นมีรถยนต์สองคัน”
“คันที่เรานั่งมาเมื่อคืนผมจะใช้ขับเข้าเมืองหรือเขาไปกรุงเทพส่วนคันผมใช้เวลาอยู่ที่นี่จะเป็นรถกระบะคุณเอาคันที่ขับมาเมื่อคืนไปใช้ก็ได้ แต่แน่ใจนะว่าขับเป็น”
“เป็นสิฉันมีใบขับขี่ด้วยนะ” หญิงสาวพูดอย่างมั่นใจเพราะตอนที่อยู่อังกฤษเธอก็ขับรถไปตลาดให้กับบิดาอยู่บ่อย อีกทั้งมาถึงเมืองไทยเธอก็ได้ขับรถสำรวจจนทั่วกรุงเทพมาแล้วหนึ่งสัปดาห์ทำให้พอจะรู้ว่าการขับรถที่ดีต้องระมัดระวังอะไรบ้าง
“ถ้างั้นกินข้าวเสร็จคุณจะทำอะไรก็ได้แล้วแต่คุณเลย”
“ถ้าฉันอยากซื้อของบางอย่างจะได้ไหม”
“ได้สิ”