บทที่3
นีราและคนทั้งบริษัทรู้ว่า ยักษ์ หรือ อนันตยศมีแฟนแล้ว แฟนของเขาเป็นพนักงานบริษัทอื่นที่ทำงานในตึกเดียวกันนี่เอง ทั้งคู่คบกันมาได้ปีเศษ แม้จะรู้ว่าพี่ยักษ์มีแฟนแล้ว นีราก็ไม่ได้คิดน้อยอกน้อยใจหรืออิจฉาอะไร เพราะหล่อนไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้ว ขอแค่ได้เจอได้เห็นหน้าพี่ยักษ์เวลามาทำงาน เขาพูดดีด้วย นีราก็ยิ้มได้ทั้งวัน
“เออ...เห็นพวกพี่เขาว่า พี่ยักษ์ทะเลาะกับแฟน ผู้หญิงขอเลิก พี่ยักษ์ขับรถกลับบ้านแล้วประสบอุบัติเหตุ”
“อ้าว!
” นีราร้องอุทาน “ก็เห็นรักกันดีๆ ทำไมถึงเลิก”
“ฉันก็ไม่รู้ว่ะ เขาอาจจะไปด้วยกันไม่ได้มั้ง แล้วนี่แกจะไปเยี่ยมไหม เห็นพวกเพื่อนๆ พี่ยักษ์แล้วก็พนักงานแผนกอื่นๆ รวมเงินกันซื้อของเยี่ยม เห็นว่าจะไปกันเย็นนี้”
“จะดีเหรอ? ฉันไม่ได้สนิทกับเขา” นีราลังเล แต่ใจนั้นแล่นไปหาพี่ยักษ์ถึงโรงพยาบาลแล้ว
“เขาก็ไปกันทั้งนั้น จะเป็นไรไปเล่า...พี่ยักษ์เลิกกับแฟนพอดี แกถือโอกาสนี้เสียบเลย ถ้าแกไป...ฉันไปเป็นเพื่อนก็ได้”
“จริงนะ แกไปกับฉันนะภัทร”
ภัทราพยักหน้ารับเป็นมั่นเหมาะ จากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายไปทำงาน
วันนี้มีงานเข้ามาให้นีราสะสางมากมาย ทั้งเอกสารที่ต้องแปล และการจัดเตรียมเอกสารสำหรับการประชุมของเจ้านาย หล่อนทำงานจนเกือบลืมกินข้าว ถ้าไม่ได้ภัทรามาตาม สองสาวเลือกร้านอาหารตามสั่งเจ้าอร่อยที่คนมักจะแน่นเป็นพิเศษ แต่ทุกคนก็ยอมรอเพราะความอร่อย
วิศวกรหนุ่มๆ บริษัทเดียวกันซึ่งเป็นเพื่อนพี่ยักษ์ก็นั่งอยู่ในร้าน และทักทายเมื่อสองสาวเดินเข้าไป คนหนึ่งในกลุ่มถามขึ้นมาว่าสองสาวจะไปเยี่ยมคนป่วยด้วยหรือไม่ ภัทราเป็นคนตอบ พร้อมกับขอฝากเงินของหล่อนกับนีราเพื่อช่วยสมทบซื้อของเยี่ยม
สองสาวแยกมานั่งกันสองคน แต่ร้านเล็กๆ จึงทำให้ได้ยินเรื่องราวที่รุ่นพี่พูดคุยกันชัดเจน
“ตกลงที่ยักษ์มันรถคว่ำนี่เพราะเลิกกับแฟนป่าววะ”
“กูไม่รู้ มันโทรหากู ชวนกินเหล้า บอกแฟนขอเลิก”
“แล้วทำไมอยู่ๆ แฟนมันถึงขอเลิก กูเห็นก็ยังสวีตๆ กันอยู่” ใครคนหนึ่งถาม
“สงสัยจะทนไอ้ยักษ์ไม่ไหว”
คำพูดนั้นทำให้สองสาวที่สบตากันด้วยความอยากรู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นทนอะไรพี่ยักษ์ไม่ไหว โชคดีที่มีคนสงสัยเหมือนกัน ทั้งคู่จึงได้ยินคำถามถัดมา
“ทนอะไรไม่ได้วะ?”
“มึงคิดว่า ยักษ์มันได้ชื่อนี้มาได้ไง?”
“ชื่อยักษ์เหรอ พ่อแม่มันตั้งให้มั้ง ตัวมันก็ใหญ่นะ สูงกว่ากูอีก”
“เออ...แต่จริงๆ ไม่ใช่แค่ตัวมันโว้ยที่ใหญ่...อย่างอื่นของมันก็ใหญ่” คนพูดทำเสียงกรุ้มกริ่ม
“มึงเคยเห็นหรือไง” คำถามนั้นตามมาด้วยเสียงหัวเราะลั่นของหนุ่มๆ ก่อนใครคนหนึ่งจะเตือน
“มึงจะพูดอะไรเกรงใจสาวๆ มั่ง น้องเขาหน้าแดงหมดแล้ว”
สองสาวจึงมีอาการเก้อเขิน วางสีหน้ากันไม่ถูก ดีว่าอาหารที่สั่งทำเสร็จพอดี ทั้งคู่จึงรีบกินข้าว
ตกเย็นขบวนเยี่ยมก็นัดมารอหน้าบริษัท นีรากับภัทราขอติดรถเพื่อนพี่ยักษ์คนหนึ่ง และเมื่อคนอื่นๆ จัดสรรได้ว่าใครจะไปรถใครก็ออกขบวนกันทันที ไปถึงโรงพยาบาลทันก่อนหมดเวลาเยี่ยม
พี่ยักษ์นอนอยู่บนเตียงคนไข้ มีผ้าพันแผลตรงศีรษะและตามแขนขา เพื่อนสนิทพี่ยักษ์เป็นคนแนะนำทุกคนให้รู้จักกับคุณอร...แม่ของพี่ยักษ์ เมื่อแนะนำมาถึงนีรา สีหน้าคุณอรผิดไปเล็กน้อยก่อนจะเป็นปกติ หากนีราสังเกตเห็นและแอบเก็บความสงสัยไว้ในใจ
คุณอรแม่ของพี่ยักษ์เล่าว่า หัวพี่ยักษ์กระแทก เลยเป็นแผลหมอเย็บให้เรียบร้อย และนำตัวเข้าเครื่องสแกนเรียบร้อย รอผลว่ากระทบกระเทือนหรือไม่ ส่วนร่างกายส่วนอื่นนั้นก็มีบาดแผลภายนอกที่เห็นชัดเจนคือ ที่แขนขวา และขาสองข้าง ส่วนภายในก็มีเพียงกระดูกร้าว เข้าเฝือกไม่นานก็หาย แต่ที่ทำให้แพทย์กังวลก็เพราะนับแต่ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล พี่ยักษ์ยังไม่รู้สึกตัวเลย แม้ว่าอาการจะไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร
คุณอรมีท่าทางเป็นห่วงลูกชายไม่น้อย คอยเฝ้าไม่ห่าง
เมื่อได้เวลาสมควร ทุกคนก็ขอตัวกลับ นีรากับภัทราเป็นสองคนสุดท้ายที่เดินออกมาจากห้อง ขณะกำลังจะก้าวออกไปคุณอรก็เรียกนีราไว้
“หนู...นีราใช่ไหม?” นีราชะงักเท้า ภัทราพลอยหยุดเดินไปด้วย
“ค่ะ”
“หนูเป็น...เพื่อนยักษ์เหรอลูก”
“เอ่อ...ค่ะ นีเป็นรุ่นน้องค่ะ แต่ทำงานกันคนละแผนก”
คุณอรพยักหน้ารับรู้ ก่อนบอก
“วันไหนว่างก็มาอีกนะหนู”
“ค่ะ” นีรารับคำทั้งที่ไม่ค่อยเข้าใจนัก หล่อนกับเพื่อนยกมือไหว้ผู้สูงวัยอีกครั้งก่อนขอตัวลา
เมื่ออยู่กันลำพัง ภัทราก็พูดหยอกขึ้นมา
“นั่นแน่...โชคเข้าข้างแกแล้วนะนี พี่ยักษ์เลิกกับแฟน แถมแม่เขายังถูกชะตาแกอีก ถึงกับชวนให้มาเยี่ยมอีก”
“บ้าน่า...เขาอาจจะพูดตามมารยาทก็ได้” แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ใจของนีรากลับเต้นแรง อดคิดตามที่เพื่อนพูดไม่ได้ ถึงหล่อนจะไม่เคยหวังว่าจะได้เป็นแฟนพี่ยักษ์ แต่...ถ้าได้เป็น มันก็ดีไม่ใช่เหรอ...
จู่ๆ คำพูดรุ่นพี่ที่ได้ยินตอนเที่ยงก็แว่วมาเข้าหู
‘เออ...แต่จริงๆ ไม่ใช่แค่ตัวมันโว้ยที่ใหญ่...อย่างอื่นของมันก็ใหญ่’
นีรารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ใจหวิวๆ บอกไม่ถูก พยายามข่มใจตัวเองอยู่ครู่เมื่อรู้สึกว่าหน้าแดง
