บทที่ 3
“ว่าไงถามทำไมไม่ตอบ”
“เพราะฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ต้องการคำตอบจากฉันน่ะสิ”
หนึ่งฤทัยยักไหล่ ทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยอยากจะพูดจากับตนเองสักเท่าไร แต่อย่าได้แคร์ ในเมื่อโอกาสมาถึงมือมีหรือที่จะยอมปล่อยผ่านไปง่าย ๆ ในเมื่อการได้พูดจิกกัดเพื่อนที่เคยรักอย่างมัฑณาวี โดยเฉพาะการโจมตีจุดอ่อนเรื่องคู่ครองของอีกฝ่าย มันคือความสุขอย่างหนึ่งของเธอ เมื่อใดก็ตามที่ได้เห็นเพื่อนคนนี้โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับคำพูดของเธอ มันทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างสะใจ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“แล้ววันนี้ไม่ต้องทำงานหรือไงถึงได้มานั่งอู้อยู่ที่นี่ได้”
“ฉันลาออกแล้ว”
“ลาออกหรือโดนไล่ออก ฉันว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่านะ” น้ำเสียงของหนึ่งฤทัยติดจะเยาะเย้ยอยู่ในที
“ถ้าเธอไม่พูดก็ไม่มีใครเขาหาว่าเธอเป็นใบ้หรอกนะฤทัย” มัฑณาวีอดรนทนไม่ไหวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงวีนไม่แพ้กัน
“เราไม่ได้เจอกันมานานหลายปีขออัปเดตชีวิตส่วนตัวของเธอหน่อยสิมัท”
“จำเป็นต้องตอบไหม”
“ทำไมถึงพูดกับฤทัยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแบบนี้ เราเป็นเพื่อนรักกันไม่ใช่เหรอ”
“เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่างเธอฉันไม่ต้องการ”
“นี่เธอยังไม่หายโกรธฉันเรื่องพี่วุฒิอีกเหรอ เรื่องมันผ่านมานานเกือบสิบปีแล้วนะ อย่าบอกนะว่าเธอยังแอบหลงรักพี่วุฒิของฉัน”
“ฉันเลิกสนใจเรื่องนั้นมาตั้งนานแล้ว” หญิงสาวชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อแผลเก่าถูกเปิดออกอีกครั้งด้วยความตั้งใจของเพื่อนรักที่กลายมาเป็นคู่อริ นับตั้งแต่วันที่หนึ่งฤทัยแย่งชายซึ่งเป็นรักแรกของเธอไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่มีความละอาย
“จริงเหรอ! ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้แล้วเรามาเคลียร์กันหน่อยดีไหม”
“ไม่มีเรื่องอะไรจะต้องเคลียร์”
“มีสิทำไมจะไม่มีก็เรื่องของเรากับพี่วุฒิไง ฉันแค่อยากจะบอกเธอว่า ตอนนั้นฉันพยายามทำหน้าที่แม่สื่อให้เธออย่างเต็มที่แล้ว แต่พี่วุฒิเขาไม่ได้รักเธอ เขาเป็นคนบอกฉันเองว่าเขาสนใจฉัน”
“เขาคงรักฉันได้ไม่ยากนักหรอกถ้าไม่มีเพื่อนจอมเสี้ยมอย่างเธอ ที่คอยเป่าหูและหว่านเสน่ห์ให้เขาตลอดเวลา ปากก็บอกว่าไม่สนใจแต่สุดท้ายเธอก็แย่งเขาไปครอง”
“ก็ผู้ชายเขาไม่ได้รักเธอแล้วจะให้ฉันไปบังคับให้เขารักเธอได้ยังไงจริงไหม” หนึ่งฤทัยพูดพร้อมกับยิ้มเยาะด้วยความสะใจ เมื่อเห็นมัฑณาวีชักสีหน้าแสดงถึงความไม่พอใจ
“เธอก็เลยฉวยโอกาสฉกเขาไปเป็นของตัวเอง”
“มันไม่ใช่ความผิดของฉันนะ ของแบบนี้ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก”
“ก็เธอเล่นทอดสะพานคอนกรีตเสริมใยเหล็กให้เขาเสียขนาดนั้น ผู้ชายที่ไหนจะปล่อยให้ผ่านไปง่าย ๆ จริงไหม”
“ถึงไม่มีฉันพี่วุฒิเขาก็ไม่สนใจเธอหรอก”
“ทำไม! ผู้หญิงอย่างฉันมันเป็นยังไง” มัฑณาวีย้อนถามเสียงขุ่น
“โถ ๆๆ นี่ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าเธอมันเป็นผู้หญิงจืดชืด ไร้รสนิยม ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าผู้ชายส่วนใหญ่เขาจะเลือกใครระหว่างผู้หญิงจืดชืดเป็นน้ำยาเย็นอย่างเธอ กับผู้หญิงที่เซ็กซี่เร่าร้อนดั่งไฟอย่างฉัน ก็ไม่แปลกนักหรอกที่พี่วุฒิเขาจะหลงรักฉันแทนที่จะหันไปสนใจผู้หญิงเฉิ่ม ๆ เชย ๆ อย่างเธอ ทั้งที่ฉันพยายามเป็นแม่สื่อให้แต่ก็ยังไม่ได้ผล แทนที่เธอจะหันไปพิจารณาตัวเองกลับมาโทษว่าเป็นความผิดของฉันเสียนี่ ที่ผู้ชายเขาเลือกฉันแทนที่จะหันไปเลือกเธอ” น้ำเสียงที่หนึ่งฤทัยใช้ติดจะเยาะเย้ยด้วยความสะใจ ที่เป็นฝ่ายชนะได้รุ่นพี่ซึ่งเคยเป็นเดือนของคณะอย่างณัฐวุฒิมาครอบครอง แถมยังได้แต่งงานอยู่กินกับเขาอย่างมีความสุขมาจนถึงปัจจุบัน
“แล้วยังไง”
“ตอนนี้ฉันกับเขามีความสุขกันมากเลย พี่วุฒิเขารักฉันมากตามใจฉันทุกอย่าง”
“มาบอกฉันทำไม ถ้าคิดว่าบอกแล้วจะทำให้ฉันอิจฉาเธอละก็เสียเวลาเปล่า ฉันเลิกสนใจในตัวเขาตั้งแต่เขาหันไปคบกับเธอ”
“จริงอ่ะ!”
“ไม่เชื่อก็ตามใจ แล้วเธอแน่ใจเหรอว่าเขายังรักเธอเหมือนเดิม”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง อย่ามาใส่ความพี่วุฒิของฉันนะ” หนึ่งฤทัยย้อนถามกลับไปด้วยน้ำเสียงติดจะหาเรื่องอยู่ในที
ถึงทีที่มัฑณาวีจะเอาคืนอีกฝ่ายบ้างแล้ว ใบหน้าของมัฑณาวีปรากฏรอยยิ้มเมื่อเห็นอาการหงุดหงิดของคู่ปรับเก่า
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยและก็จะไม่พูด ให้เธอไปค้นหาคำตอบเอาเองสนุกกว่า”
“พี่วุฒิเขาไม่มีวันนอกใจฉันหรอก”
“มั่นใจอะไรเบอร์นี้ น่าสงสารจริง”
“เธอจะรู้อะไร” หนึ่งฤทัยกระชากเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“ฉันรู้ดีกว่าเธอก็แล้วกัน” มัฑณาวียักคิ้วให้อีกฝ่ายก่อนจะยิ้มเยาะที่มุมปาก
“พี่วุฒิไม่มีทางนอกใจฉันแน่”
“ถ้ามั่นใจแล้วทำไมเสียงต้องสั่นแบบนั้นด้วยล่ะ นี่เธอไม่เคยรู้ระแคะระคายอะไรบ้างเลยเหรอฤทัย”
“เธอรู้อะไรก็บอกฉันมาสิ” หนึ่งฤทัยเริ่มแสดงท่าทีหงุดหงิดเมื่อคู่อริพยายามที่จะพูดปั่นหัวเธอ เพื่อให้เธอเกิดความหวาดระแวงในตัวสามี
“ทำไมฉันต้องบอก มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน และฉันก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นเหมือนใครบางคน”
“ที่ไม่บอกเพราะเธอกุเรื่องขึ้นมาเพื่อให้ฉันกับพี่วุฒิมีปัญหากันใช่ไหม”
“อยากจะเข้าใจแบบนั้นก็ตามใจ”
หนึ่งฤทัยไม่ยอมปล่อยให้มัฑณาวีโจมตีตนเองได้อยู่ฝ่ายเดียว เธอจึงรีบโจมตีจุดอ่อนของอีกฝ่ายด้วยคำถามจี๊ดใจอย่างแรงเป็นการตอบแทน
“ยังไม่ได้แต่งงานใช่ไหมมัท แล้วแฟนล่ะมีไหม อย่าบอกนะว่าแม้แต่แฟนก็ยังไม่มี” พูดแล้วก็รู้สึกสะใจเมื่อเห็นสีหน้าของมัฑณาวีเปลี่ยนสีหลังจากได้ยินคำพูดประโยคนั้น
“เธอยังชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นไม่เปลี่ยนเลยนะฤทัย”
หนึ่งฤทัยคอแข็งขึ้นมาทันทีที่ยินคำตำหนิติเตียนจากปากของมัฑณาวี
“คนอื่นที่ไหน หรือว่าเธอลืมไปแล้วว่าเราเป็นเพื่อนกัน”
“นี่เธอยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าความเป็นเพื่อนของเรามันจบไปตั้งนานแล้ว”
“ไม่ต้องมาเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง สรุปว่าฉันเข้าใจถูกใช่ไหม”
“เข้าใจอะไร!?” คิ้วเรียวขมวดมุ่น
“ก็เข้าใจว่าอายุปาเข้าไปตั้งสามสิบแล้ว แต่ยังไม่มีผู้ชายคนไหนหันมาสนใจเธอเลยสักคนน่ะสิ”
“ไปเอาข่าวมาจากไหนว่าไม่มีคนสนใจฉัน”
“จะบอกว่าเธอมีแฟนแล้วว่างั้น”
“ใช่” เธอตอบเสียงดังฟังชัด แต่ใจกลับคิดอีกอย่าง
พุทธโธ ธัมโม สังโฆ ครั้งนี้จำเป็นต้องมุสาเพื่อรักษาหน้าของตัวเองจริง ๆ คงจะไม่ถึงกับตกนรกหรอกนะ
หนึ่งฤทัยแสดงสีหน้าว่าไม่เชื่อคำพูดของมัฑณาวี
“แล้วไหนล่ะแฟนเธอ ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน และทำมาหากินอะไร”
“บอกไปแล้วเธอจะรู้จักเขาเหรอ”
ที่ตอบไปเช่นนั้นก็เพื่อประวิงเวลาและคิดหาคำตอบที่จะไม่ทำให้ตนเองต้องเสียหน้า
“ก็ลองบอกมาก่อนสิ ไม่แน่นะฉันอาจจะรู้จักเขาก็ได้ ฉันหมายถึงถ้าแฟนเธอเป็นคนมีชื่อเสียงในสังคมฉันก็อาจจะรู้จัก”