บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8

การเรียนตลอดช่วงบ่าย เซร่ารู้สึกอึดอัดอย่างมากที่ชายหนุ่มคนข้างๆ จ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา

เขาไม่เอ่ยถามอะไรเลยสักนิด

หญิงสาวรู้สึกว่าเวลาเรียนช่วงบ่ายช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าเสียนี่กระไร

ภาพคิมหันต์จูบออยเฟ่ย์ยังคงติดตา และตามมากวนใจตลอดเวลา หญิงสาวสะบัดศีรษะไปมาหลายครั้ง เพื่อให้ลืมภาพดังกล่าว

เธอพยายามตั้งใจเรียนโดยไม่สนใจชายหนุ่มคนข้างๆ แต่ก็ไม่สามารถดึงสมาธิให้กลับมาอยู่ที่ตำราเรียนได้

สมองของเธอไม่รับรู้สิ่งที่อาจารย์สอนแม้แต่นิดเดียว

หญิงสาวเริ่มรู้สึกผะอืดผะอมปนวิงเวียนศีรษะ เนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอ

เมื่อออดสัญญาณดังขึ้นบอกให้รู้ว่าการเรียนของวันนี้ได้จบลงแล้ว

เซร่าถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอรีบเก็บของบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว เพื่อออกจากห้องเรียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ .

“กรุณาอย่าเพิ่งออกจากห้องเรียนครับ ผมมีเรื่องจะประกาศให้ทราบ”

เสียงหัวหน้าชั้นเรียนดังขึ้นท่ามกลางเสียงร้องประท้วงของนักเรียนทั้งห้อง เซร่าจำใจต้องนั่งลงอีกครั้ง

“อีก 2 อาทิตย์จะมีการจัดงานกีฬาสี ดังนั้นผมอยากขอความร่วมมือจากทุกคนในการจัดงานครั้งนี้ โดยผมจัดแบ่งหน้าที่ และงานต่างๆ ให้กับทุกคนแล้ว ดังนี้......................”

เสียงหัวหน้าชั้นเรียนป่าวประกาศให้ทุกคนภายในห้องเรียนรับทราบ แต่เซร่ากลับก้มหน้า พยายามไม่ให้หันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้าง

เธอรู้ว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่

หญิงสาวบีบมือตัวเองแน่น ความชื้นทำให้มือเริ่มมีเหงื่อออกมาเล็กน้อย

เซร่าไม่รับรู้เรื่องราวที่หัวหน้าชั้นเรียนพูด จิตใจจดจ่อว่าเมื่อไหร่จะได้ออกจากห้องเรียนเสียที

“คุณมิยาเกะครับ คุณมิยาเกะ!!”

“คะ?”

เซร่าสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกเธอสองสามครั้ง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าหัวหน้าชั้นเรียนยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะของเธอ

“คุณรับผิดชอบงานตามที่ผมมอบหมายได้มั้ยครับ?” หัวหน้าชั้นเรียนถาม หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ ด้วยความงง

“เรื่องอะไรคะ?”

“คุณเป็นสตาฟงานกีฬาสี มีหน้าที่ดูแลจัดการเรื่องอุปกรณ์การเชียร์ และสิ่งของอำนวยความสะดวกให้กับนักกีฬาในวันแข่ง พอจะทำได้มั้ยครับ?”

“อ้อ...ค่ะ...ได้ค่ะ” เซร่าตอบตกลง

“ถ้าอย่างนั้น ผมขอเชิญคนที่ผมมอบหมายหน้าที่ให้เมื่อครู่ ช่วยกรุณาอยู่ก่อนอย่าเพิ่งกลับนะครับ ส่วนคนที่เหลือเชิญกลับบ้านได้ครับ” หัวหน้าชั้นเรียนประกาศ

นักเรียนทยอยกันออกจากห้องเรียน เหลือไว้แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เอริโกะเดินตรงเข้ามาหาเซร่า

“ฉันจะไปรอที่ประตูนะ”

“จ้ะ”

เซร่าฝืนยิ้มพร้อมกับโบกมือให้กับเอริโกะที่เดินออกจากห้องเรียนไป

ชายหนุ่มที่นั่งด้านข้างของเธอ ลุกขึ้นยืนเตรียมตัวเช่นกัน หญิงสาวลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา

“เอาล่ะ งานของคุณไม่ได้ยากอะไรเลยครับ ผมอยากให้คุณช่วยจัดการอุปกรณ์การเชียร์ให้กับพวกที่ขึ้นแสตนด์เชียร์ในวันแข่งกีฬา แล้วก็จัดหาเครื่องดื่ม ผ้าเย็น หรือของต่างๆ ที่จะให้นักกีฬาของเราได้ใช้.......”

“ค่ะ ค่ะ” เซร่าตั้งใจฟังรายละเอียดของงานที่ได้รับมอบหมาย

“ที่สำคัญพวกผ้าโพกหัว หรือว่าผ้าพันแขน ผมอยากให้ปักชื่อชั้นเรียนของเรา ส่วนเรื่องอื่นๆ คุณลองปรึกษากับพาร์ตเนอร์ของคุณดูนะครับ”

“คะ? พาร์ตเนอร์ฉัน?”

“ครับ ทุกคนทำงานกันเป็นทีมน่ะครับ” หัวหน้าชั้นเลิกคิ้วมองเซร่าอย่างแปลกใจ

“แล้วใครเป็นพาร์ตเนอร์ของฉันล่ะคะ?” เซร่าถาม

“เขาก็ยืนอยู่ด้านหลังของคุณไงครับ” หัวหน้าชั้นเรียนชี้มือไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง

เซร่ามองตามมือไป ก็ตกตะลึงเมื่อพบว่า พาร์ตเนอร์ของเธอคือ..... คิมหันต์

“อ่า...ไม่นะคะ.... ฉันไม่ทำงานคู่กับเขาค่ะ” เซร่าหันมาปฏิเสธหัวหน้าชั้นเรียนเสียงแข็ง

“เขาเป็นนักกีฬาบาสนี่คะ จะมาทำงานร่วมกับฉันได้ยังไง”

เซร่ารีบอธิบาย เมื่อเห็นหัวหน้าชั้นเรียนมีสีหน้าฉงน

“อ้อ ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” หัวหน้าชั้นเรียนฉีกยิ้ม

“คิมหันต์บอกเองว่า เขาจะซ้อมบาสตอนเช้าก่อนเข้าเรียนเพิ่มขึ้นครับ ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วนะครับ” หัวหน้าชั้นเรียนอธิบายให้เซร่าฟัง ในขณะที่หญิงสาวตาค้างเพราะไม่สามารถหาอะไรมาแก้ตัวเพื่อไม่ต้องร่วมงานกับคิมหันต์ได้

“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนล่ะครับ คุณสองคนคุยเรื่องงานกันได้ตามสบายเลย หวังว่าคงไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังนะครับ” หัวหน้าชั้นเรียนบอกก่อนที่จะค้อมศีรษะให้เล็กน้อยและลุกเดินไปยังทีมอื่นต่อ

“ดะ...เดี๋ยว..... ค่ะ........” เซร่าร้องเรียกหัวหน้าชั้นเรียนไว้ไม่ทันจึงได้แต่มองตามตาละห้อย

ท่าทางของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มที่ยืนด้านหลังของเธออดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้

“รังเกียจที่จะร่วมงานกับฉันอย่างนั้นเหรอ?” คิมหันต์ปรับท่าทีก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เปล่า” น้ำเสียงที่ตอบกลับเย็นชาไม่แพ้กัน

“เปล่า? แต่ทำท่าทางเหมือนรังเกียจ หรือว่า..เธอมีอะไรที่ปิดบัง แต่บอกฉันไม่ได้?” คิมหันต์ถามกลับอย่างรู้ทัน

“ก็เปล่าอีกล่ะ” เซร่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงรำคาญพร้อมกับเมินหน้าหนีไปทางอื่น รีบเก็บของเพื่อเตรียมกลับบ้าน

“รีบร้อนจังนะ กลัวคนกลับบ้านด้วยไม่รอหรือไง?” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยปนรู้ทัน

“คุณคิมหันต์” เซร่าคว้ากระเป๋าขึ้นมากอดไว้กับอก หันกลับมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม นัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ

“ฉันจะกลับบ้านกับใคร มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ” เซร่าบอกด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่น้ำเสียงเกรี้ยวกราด

“อย่างน้อย.........ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรที่ ‘อุจาดตา’ เหมือนกับคนบางคนในห้องพยาบาลหรอก”

เซร่าเน้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยในกลางประโยค ก่อนจะสะบัดหน้าใส่คิมหันต์และเดินดุ่มๆ ออกจากห้องไป

ชายหนุ่มนิ่งคิดทบทวนประโยคของหญิงสาวครู่หนึ่ง ก็นึกขึ้นมาได้ จึงวิ่งตามเธอออกมา

“เดี๋ยว!” คิมหันต์คว้าแขนของเซร่าเอาไว้

“เมื่อกี้หมายความว่ายังไง” คิมหันต์ตะคอกถามหญิงสาวด้วยความโกรธ

“เรื่องอะไร?”

“ภาพอุจาดตาน่ะ”

“เฮอะ ยังทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก ต้องให้เล่าหมดเลยมั้ยว่า นายทำอะไรกับใครน่ะ” เซร่าตะคอกกลับด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

“ฉันทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน ดีกว่าคนบางคนก็แล้วกัน ที่ใจดำ ทำร้ายคนอื่นได้น่ะ” คิมหันต์เน้นเสียงเหน็บแนม นัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธไม่แพ้กัน

“อะไร? ใครทำร้ายใคร?”

“นี่เธอไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่ ห๊ะ?”

คิมหันต์ตะคอก กระชากตัวของหญิงสาวมาเผชิญหน้าใกล้กับเขา บีบแขนของธอแน่นขึ้นด้วยความโกรธ

“ฉันเจ็บนะ!” เซร่านิ่วหน้าพร้อมกับจ้องมองเขา

“เจ็บเหรอ? คงไม่เจ็บเท่าออยเฟ่ย์หรอก เธอทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเสียใจ ฉันไม่คิดเลยนะว่า คนอย่างเธอจะทำเรื่องร้ายกาจแบบนี้” คิมหันต์ต่อว่าหญิงสาวด้วยน้ำเสียงดุดัน เซร่าเม้มปากแน่นด้วยทิฐิ

“แล้วนายล่ะ คนที่ฉวยโอกาสตอนผู้หญิงเสียใจน่ะ เขาเรียกว่าอะไร?” เซร่าเชิดหน้าเถียงกลับด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

“ถ้าฉันเลว นายก็เลวพอกันละ” เซร่าบอกด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

“นายควรจะขอบใจฉันเสียด้วยซ้ำ ที่ทำให้นายได้คบกับออยเฟ่ย์น่ะ!!”

“งั้นเหรอ? ก็ได้! ถ้าเธอต้องการ!”

คิมหันต์โกรธจัด กระชากตัวของเซร่าเข้ามา แล้วประกบปากกับริมฝีปากบางเฉียบของหญิงสาวอย่างดุดัน

เซร่าตกตะลึง พยายามดิ้นรนให้หลุดออกมาจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม แต่ยิ่งหญิงสาวดิ้นเท่าไร ชายหนุ่มก็ยิ่งกอดรัดเธอแน่นมากขึ้นเท่านั้น

คิมหันต์ดันตัวของหญิงสาวเข้าไปในซอกมุมมืดของตึกเรียน และเริ่มจูบหญิงสาวลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เซร่าเริ่มรู้สึกร่างกายไร้เรี่ยวแรง หายใจติดขัด

มือของชายหนุ่มเริ่มลูบไล้ไปตามร่างกายของเธอ เซร่าสะดุ้งเฮือก

พลั่ก!! ฉาด!!!!!!!

หญิงสาวรวบรวมกำลังผลักคิมหันต์ให้ออกห่างจากตัวเธออย่างแรง พร้อมทั้งฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของเขาจนหน้าหัน

“นายมันเลวที่สุด!”

เซร่าตะโกนใส่หน้าคิมหันต์ด้วยเสียงกราดเกรี้ยว น้ำตาไหลออกมาด้วยความแค้นใจ

“ฉัน.....”

คิมหันต์ตกใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปด้วยความโมโหจนขาดสติ

เซร่ากอดกระเป๋าไว้แน่น จ้องมองเขาด้วยสายตาผิดหวัง ก่อนจะ หมุนตัวหันหลังวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนสำนึกผิดอยู่ตรงนั้นคนเดียว

เซร่ากึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังด้านหน้าของประตูโรงเรียน และก็พบว่าเหมันต์ยืนรอเธออยู่เพียงคนเดียว

“ช้าจัง มิยาเกะซัง” เหมันต์ส่งยิ้มให้

“ขอโทษค่ะ”

“ทำไมหน้าซีดเชียว” เหมันต์เชยคางหญิงสาวขึ้นมาพิจารณา

“มะ..มะ..ไม่มีอะไรค่ะ เรากลับกันเถอะค่ะ”

หญิงสาวพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่เหมันต์พอจะมองออกว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

“วันนี้ฉันจะพาเธอไปทานไอศกรีมร้านอร่อยล่ะ” เหมันต์ตัดสินใจไม่ถาม

“จริงหรือคะ?” เซร่าตาโต

“แล้วฮิเดกิกับเอริโกะล่ะคะ?”

“ฮิเดกิพาเอริโกะไปทานเครปน่ะ”

“ว้า ฉันก็อยากทานเหมือนกันนะ” เซร่าบ่นอุบ

“ไว้คราวหน้าฉันจะพาไปละกัน” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหญิงสาวแก้มป่อง

“งั้นเราไปกันเถอะ”

เหมันต์พาเซร่าไปแวะทานไอศกรีมร้านประจำที่เขาเคยพาออยเฟ่ย์มาทาน หญิงสาวพยายามฝืนตัวเองให้ดูร่าเริงเพื่อไม่ให้เหมันต์ต้องเป็นห่วงจนกระทั่งถึงหน้าสถานทูต

“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”

“มิยาเกะซัง มีอะไรปิดบังฉันรึเปล่า?”

เหมันต์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย มองหน้าของหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนโยน ทำให้เซร่ารู้สึกตื้นตัน น้ำตารื้นขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงชายหนุ่มอีกคน หญิงสาวก็เม้มปากแล้วกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาทันที

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เซร่าส่งยิ้มให้กับเหมันต์เพื่อให้เขาคลายกังวล

เหมันต์มองหญิงสาวที่แกล้งฝืนตัวเองเพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วงด้วยความอ่อนใจในความดื้อดึง

“ถ้าเธอมีอะไรไม่สบายใจ ต้องรีบบอกฉันเลยนะ” เหมันต์เชยคางหญิงสาวขึ้นมาสบตา

“ค่ะ”

“งั้นฉันไปนะ แล้วพบกันพรุ่งนี้ “เหมันต์ดึงตัวเธอเข้ามาจูบลาเบาๆ ที่หน้าผาก ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินจากไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนนิ่งตะลึงอยู่อย่างนั้น

เซร่ากลับเข้าบ้านด้วยท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง เธอปฏิเสธอาหารเย็น โดยให้เหตุผลว่าเพลียจนไม่สามารถทานอะไรได้

หญิงสาวตรงเข้าห้องนอนเพื่อเตรียมอาบน้ำชำระร่างกาย ป้าแมรี่เตรียมน้ำอุ่นผสมสบู่ใส่ไว้ในอ่างอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวถอดชุดนักเรียนออกแล้วสวมเสื้อคลุมเดินเข้าห้องน้ำ ก้าวเท้าลงไปในอ่างน้ำอุ่น ค่อยๆ นอนพิงกับขอบอ่างอย่างช้าๆ หลับตาลง เพื่อผ่อนคลายประสาทที่ตึงเครียดมาเกือบทั้งวัน

เฮ้อ..ทำไมรู้สึกเหนื่อยใจขนาดนี้นะ

เราดันตกลงเป็นแฟนกับคุณเหมซะแล้ว

ส่วนอีตาบื้อนั่นก็ได้เป็นแฟนกับออยเฟ่ย์สมใจ

เรื่องทุกอย่างก็น่าจะลงตัวแล้วนี่ แล้วทำไม………ทำไม….

อีตาบ้า หยาบคายที่สุด มาจูบเราได้

อ๊ะ!..

หญิงสาวเผลอเอามือแตะที่ริมฝีปากของตนเอง ใบหน้าแดงขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่ไม่มีชายหนุ่มอยู่ตรงหน้า

“อีตาบ้า จูบแรกของฉันนะยะ” เซร่าบ่นพึมพำเบาๆ

ด้านชายหนุ่มที่อยู่ในความคิดคำนึงของเซร่านั้น กำลังนอนมองเพดานอย่างใจลอยอยู่บนเตียงนอน

ภาพเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นยังปรากฎชัดเจนในความทรงจำ

เขารู้สึกละอายใจกับการกระทำที่ขาดสติของตนเอง แต่ตอนนั้นเขาโกรธมากที่หญิงสาวพูดจาดูถูก ทำให้เขารู้สึกว่าอยากทำอะไรก็ได้ที่จะปิดปากคนที่พูดจาอวดดีแบบนั้น

ชายหนุ่มเอามือลูบแก้ม ใบหน้าหญิงสาวที่แดงปนหอบขณะที่โดนเขาจูบผุดขึ้นในความคิดคำนึง

คิมหันต์ผุดลุกขึ้นจากเตียง เดินตรงไปยังโต๊ะเขียนหนังสือ หยิบริบบิ้นสีฟ้าน้ำทะเลขึ้นมาจ้องมอง ก่อนที่จะยกขึ้นมาบรรจงจูบเบาๆ และพึมพำว่า

“ขอโทษนะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel