บทย่อ
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
บทที่ 1
คาวสวาท
แม่ลูกอ่อน
นวนิยายสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น
ผู้เขียน
กาสะลอง
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
คาวสวาท
แม่ลูกอ่อน
กรุงเทพมหานคร ตุลาคม 2562
วันเสาร์ เกือบห้าโมงเย็น ที่สวนสาธารณะหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านพระรามสอง ฉันไสรถเข็นเด็กที่มีร่างจ้ำม่ำของลูกชายในวัยหนึ่งขวบนอนอยู่ข้างใน
รถเข็นเคลื่อนมาถึงม้าหินอ่อนสีขาว ตั้งอยู่ใกล้กับลานออกกำลังกาย มีอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายอยู่หลายชิ้น มีคนออกกำลังกายอยู่หลายคนทั้งหญิงชาย
ครู่สั้นๆ ต่อมา ขณะกำลังให้นมลูกเพลินๆ แต่มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งที่ม้าหินอ่อนใกล้ฉันกับลูกชาย รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ใบหน้าคมคร้ามหล่อเหลาสะดุดตา
ซึ่งมารู้ในตอนหลังว่าเป็นลูกครึ่ง พ่อเป็นบราซิล แม่เป็นคนไทย ตอนเด็กเขาเกิดและโตอยู่ที่จังหวัดอุดร ถ้าเอ่ยถึงหมู่บ้านเขยฝรั่งคงเคยได้ยิน
“ลูกชายคุณน่ารักจังนะครับ… กี่ขวบแล้วครับ”
เขาชวนคุย…
ตีสนิทตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
ถามถึงลูก… แต่สายตาเจ้าชู้กลับจ้องมองเต้านมอวบใหญ่สะดุดตา เพราะว่าเมื่อครู่ฉันเพิ่งควักเต้านมออกมายัดใส่ปากลูกชาย โดยหารู้ไม่ว่ามีสายตากระหายของผู้ชายคนนี้แอบมองอยู่ไม่ไกล
“เพิ่งขวบค่ะ… ”
ฉันบอกอายุลูกชาย
“แล้วพ่อเด็ก… เอ่อ สามีคุณไม่มาด้วยหรือครับ”
เขาถามโดยไม่รู้สึกว่ามันออกจะเป็นการเสียมารยาทกับคนที่เพิ่งทักทายกันเป็นครั้งแรก
“สามีฉันไปทำงานไกลค่ะ… กลับมาบ้านเดือนละครั้ง”
ฉันตอบไปตามความจริง
ดูเถอะ… แทนที่ฉันควรจะไสรถเข็นหนีไปให้ไกล ไม่รู้อะไรดลใจให้ต้องนั่งคุยกับผู้ชายคนนี้
“อ้อ… ทุกวันนี้คุณอยู่กับลูกสองคนหรือครับ”
“ใช่ค่ะ… ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อพันน์ครับ… ผมขับแท็กซี่ อยู่หมู่บ้านใกล้ๆ นี่แหละครับ”
เขาบอกชื่อและอาชีพ หมู่บ้านที่เขาบอกฉันก็รู้จัก อยู่ถัดไปจากหมู่บ้านของฉันนี่เอง
“นี่นามบัตรผมครับ… ถ้าจะเรียกใช้แท็กซี่ผมยินดีให้บริการครับ”
เขายื่นนามบัตรมาให้ ฉันสะดุดตากับมือใหญ่และแขนกำยำ ที่หลังแขนของเขาเต็มไปด้วยเส้นขนสีดำ ฉันเอื้อมมือข้างหนึ่งรับนามบัตรจากมือของเขา
แวบหนึ่ง…
ฉันแอบสังเกตเห็นว่าเขาแอบมองเต้านมอวบใหญ่ของฉันแล้วตวัดลิ้นเลียแผงหนวดสีดำเป็นแพหนาอยู่เหนือริมฝีปาก
“ลูกคุณน่ารักจัง… จ้ำม่ำเหลือเกินเจ้าหนูผู้โชคดี… ดูสิดูดนมไม่เกรงใจลุงเลยนะ นมใหญ่ขนาดนี้น้ำนมคงเยอะ แบ่งให้ลุงกินนมบ้างได้ไหมพ่อคุณทูนหัว… นะๆ ๆ ๆ ๆ… ลุงอยากกินนมจากเต้าบ้าง”
เขาทำเหมือนแกล้งแซวลูก เอามือมาแตะแก้มยุ้ยของเด็ก แต่คำพูดและสายตาที่จับจ้องมองปลายหัวนมแม่ลูกอ่อนที่กำลังขยับขยอกอยู่ในอุ้งปากของลูกชายฉัน ทำเอาฉันสะท้านไปทั้งร่าง เกิดอาการหนาวๆ ร้อนๆ หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างประหลาด
“ลูกชายชื่ออะไรครับ… ”
เขาถาม
“ชื่อน้องวินน์ค่ะ… ”
ฉันตอบ
“อู้ว… น่ารักจัง… ขาวมาก… ใหญ่มาก”
เขายกหลังมือขึ้นแตะพวงแก้มจ้ำม่ำของลูกชายฉันอีกครั้ง แต่สายตาก็จ้องอยู่ที่เนื้อหนั่นเต้านมอวบคัดของฉัน ขาวผ่องเป็นยองใยจนมองเห็นเส้นเลือดสีเขียวกระจายเป็นสายรางๆ อยู่ภายใต้ผิวเนื้อบอบบางน่าลูบไล้ เปล่งปลั่งและอวบคัดไปด้วยน้ำนมแม่ลูกอ่อนที่อัดแน่นอยู่ภายใน
เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดข้างต้น…
ฉันแค่ต้องการย้อนระลึกไปถึงวันนั้น เมื่อสองเดือนก่อน… วันแรกที่เราเจอกัน
ก่อนที่ผู้ชายที่ชื่อ ‘พันน์’ คนนี้ จะทำให้อะไรหลายๆ อย่างในชีวิตของแม่ลูกอ่อนอย่างฉันต้องเปลี่ยนไปจากเดิม…
อีกหนึ่งเดือนต่อมา
ที่บ้านของฉันย่านพระรามสอง เช้าวันเสาร์ ฉันยกโทรศัพท์มือถือขึ้นแนบหู โทรหาคนขับรถแท็กซี่ที่เคยเรียกใช้บริการกันเป็นประจำ
คนนั้นแหละ…
ผู้ชายที่เคยให้นามบัตรเอาไว้ เขามีชื่อว่า ‘พันน์’ อาศัยอยู่ในอีกหมู่บ้านไม่ไกลกัน เคยเห็นหน้ากันบ่อยๆ เพราะว่าตอนเย็นๆ เขามักจะมาออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ
เราเจอกันหลายครั้ง คุนกันหลายหนจนวันนี้ฉันตัดสินใจเรียกใช้บริการแท็กซี่ของเขาจนได้
“สวัสดีครับคุณจันทร์จวง”