คะนึงรัก

127.0K · จบแล้ว
เทียนธีรา
47
บท
33.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

การแต่งงานที่เกิดขึ้นจากความไม่เต็มใจมันก็แย่พออยู่แล้วแต่มันยิ่งเจ็บมากกว่าเดิม เมื่อต้องได้มาแต่งกับคนที่ตัวเองแอบซุกเอาไว้ห้วงคำนึงตลอดมา โดยที่รู้ดีอยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายนั้นมีคนรักอยู่แล้วภายใต้ข้อตกลงอันแสนเย็นชาที่เกิดขึ้นก่อนแต่งเธอและเขาจะเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองไว้ได้นานแค่ไหนสุดท้ายการแต่งงานที่เกิดจากเงินเป็นตัวแปรและมีกำแพงทิฐิกั้นเอาไว้สูงลิ่ว มันจะจบลงเช่นไร“นิจท้องค่ะ”“ท้องงั้นเหรอ ลูกใครล่ะ ลูกผม ลูกคุณชายพีระเดช ลูกเจ้าชายซาเยด หรือว่ามั่วจนคิดไม่ออกว่าเด็กเป็นลูกใคร ต้องรอให้เด็กคลอดก่อนแล้วค่อยตรวจดีเอ็นเอหา หรือถ้าจะเดาสุ่ม ผมขอให้คุณนิจเอาหลักสถิติมาใช้ก็แล้วกัน ใครได้บ่อยกว่า คนนั้นก็มีโอกาสมากว่า ส่วนผมคงจะมีความน่าจะเป็นน้อยที่สุดล่ะมั้งเพราะได้แค่ครั้งเดียว”เพี๊ยะ“ใช่...นิจมันมั่ว แต่ไม่ต้องรอจนเด็กคลอดแล้วตรวจดีเอ็นเอ ไม่ต้องใช้หลักสถิติเดาสุ่มอะไรทั้งนั้น นิจไม่ต้องการพ่อเด็ก นิจจะเลี้ยงลูกของนิจเอง ได้ยินชัดมั้ยว่านิจจะเลี้ยงลูกคนเดียว”กฤชเพชรทั้งเขาและเธอเหมือนมีเส้นกั้นขีดไว้ตลอดเวลา แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาแอบซุกซ่อนน้องสาวของเจ้านายเอาไว้ในหัวใจเงียบๆ มานานแค่ไหนแล้ว หากทว่าก็มีอยู่คืนหนึ่งที่เขาลุแก่อารมณ์และความปรารถนาของตัวเอง ในยามที่กำลังอ่อนแอเพราะเป็นห่วงน้องที่หายตัวไป ซ้ำบิดายังช็อคจนต้องเข้าโรงพยาบาล อนามิกามาหาเขาที่บ้าน พูดจายั่วยุจนเข้าต้องล่วงเกินเธอในที่สุด แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมให้เขารับผิดชอบใดๆ นั่นยิ่งตอกย้ำว่าผู้ชายที่ด้อยกว่าอย่างเขา ไม่ควรจะอาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าที่แสนสวยงามเช่นเธออนามิการอยยิ้มที่กำลังแย้มพรายให้กับพนักงานที่เดินผ่านชะงักค้างอย่างเป็นอัตโนมัติ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นสองหนุ่มสาวที่กำลังเดินเคียงคู่กันเข้ามาทางประตูหน้าของโรงแรม ขาทั้งสองยืนนิ่งไม่ยอมขยับ ลืมหายใจไปชั่วขณะ หัวใจกลับเต้นแรงโครมๆ กระอักกระอ่วนคล้ายดั่งมีเรื่องตื่นเต้นหนักหน่วง ทั้งๆ ที่มันก็เป็นเพียงแค่การได้เจอคนเคยรู้จัก ซึ่งอาจจะแวะเข้ามาใช้บริการอย่างใดอย่างหนึ่งของโรงแรมเท่านั้นแต่...มันเท่านั้นจริงๆ น่ะหรือ ทำไมหัวใจที่เต้นแรงโลดราวกับมีคนกระหน่ำกลองศึกอยู่ข้างในเมื่อครู่นี้ถึงได้มีอาการแปลบๆ และรวดร้าวแทรกเข้ามาเหมือนกับมีใครกระชากมันออกมาบีบเล่นเช่นนั้น

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบัน

๑.๑ ห้วงคะนึง

ห้วงคะนึง

ดอกทานตะวันสีเหลืองบานสะพรั่ง อวดความสวยงามแข่งกับแสงอาทิตย์อย่างร่าเริง ท้องฟ้าโปร่งใสจรดกับม่านภูเขาที่เรียงตัวซ้อนกันหลายลูก ประดุจภาพวาดของจิตรกรเอก อาณาเขตอันกว้างใหญ่ของไร่ถูกกั้นด้วยรั้วไม้สีขาวเตี้ยๆ ตัดกับความเขียวขจีของพื้นหญ้าอย่างกลมกลืน ว่ากันว่าเจ้าของเลือกใช้สีนี้ เพราะต้องการให้เหมือนกับสีของบ้านเก่าในกรุงเทพมหานคร รั้วสีขาวย่อยๆ อีกส่วนหนึ่งถูกนำมากั้นเป็นกรอบสี่เหลี่ยมล้อมรอบต้นไม้ใหญ่และม้ารูปร่างสง่างามกว่ายี่สิบตัวเอาไว้ ขณะที่อาณาบริเวณอีกส่วนหนึ่งปลูกเป็นบ้านพักกว่าสิบหลัง มีศาลาไม้หลังคาจั่วทรงไทย ปลูกริมถนนที่ลาดเป็นแนว สำหรับให้คนที่มาพักผ่อนปั่นจักรยานเล่น

พระอาทิตย์หรี่แสงและทอดตัวลงเพื่อเตรียมอัสดง สาดส่องแสงสีส้มเหลือบแดงมายังร่างสูงสง่าสมส่วน สวมหมวกปีกสีน้ำตาลในมาดคาวบอยเต็มตัว ซึ่งกำลังควบม้ามาตามเนินหญ้าเตี้ยๆ ก่อนจะกระตุกบังเหียนม้าให้ชะลอฝีเท้าลงจนมันหยุดวิ่ง เมื่อเห็นผู้เป็นบิดายืนรออยู่ใต้ต้นจามจุรี

ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับครอบครัวอย่างมากมายหลังจากที่ ‘แพรมุก’ น้องสาวคนเดียวของเขาแต่งงานกับชีคหนุ่มผู้มั่งคั่ง ตอนนี้เขากับบิดาได้ย้ายจากกรุงเทพฯ มาทำไร่ที่ออกแบบเป็นฟาร์มม้ากึ่งรีสอร์ต และปลูกบ้านหลังใหม่ในอาณาเขตที่ค่อนข้างจะกว้างขวางแห่งนี้ โดยมีแพรมุกกับชีคชาฟากีย์เป็นผู้ลงทุนและคะยั้นคะยอให้เขากับพ่อย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่เขาก็ยังเทียวไปเทียวมากรุงเทพฯ อยู่ไม่ได้ขาด เพราะอาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัยแม้จะเป็นเพียงแค่อาจารย์สอนพิเศษ เขาก็ยังรักที่จะทำมัน อีกทั้งในบางเดือนต้องพาผู้เป็นบิดาไปพบหมอตามนัดอีกด้วย

‘กฤชเพชร’ กระโดดลงจากหลังม้าและส่งเชือกให้กับคนงาน เพื่อพาอาชาไนยสีน้ำตาลไปเข้าคอกที่โรงม้า ก่อนจะขยับไปหาบิดา จากนั้นสองพ่อลูกก็เดินตามกันเข้าไปในบ้าน

“วันนี้พ่อไปเยี่ยมคุณน่านที่ฟาร์ม คุณน่านบอกพ่อว่าคุณนิจกลับมาแล้ว” สัตวแพทย์ที่เกษียณตัวเองแล้วเอ่ยถึงน้องสาวของอดีตนายจ้างที่ลูกชายของเขาเองก็รู้จักเป็นอย่างดี เพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งตอนนี้เธอโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง

“งั้นเหรอครับ กลับมาเมื่อไหร่ครับ” น้ำเสียงยามที่ถามถึงนั้นฟังดูเหมือนกับการไถ่ถามถึงคนรู้จักทั่วไป และเขาก็พยายามบังคับให้ตัวเองคิดเช่นนั้นเรื่อยมาตลอดหลายปี แม้ว่าตอนที่ได้ยินชื่อ ‘คุณนิจ’ จากปากบิดา หัวใจจะกระตุกวาบและเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะหนึ่งก็ตาม

“เห็นว่ากลับมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว ตอนนี้ทำงานอยู่ที่โรงแรมของคุณน่านนั่นแหละ ไม่เห็นตั้งสามปีป่านนี้คุณนิจคงจะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก” พิทยารำพึงอย่างนึกเอ็นดูหญิงสาวที่ตัวเองกำลังเอ่ยถึง เพราะอยู่ในวัยเดียวกับลูกสาวคนเล็กของตนนั่นเอง

“คงอย่างนั้นครับ”

“ถ้าเพชรเข้ากรุงเทพฯ ก็แวะไปเยี่ยมเยือนทักทายเธอบ้างนะลูก ยังไงซะเธอก็เป็นน้องสาวคุณน่าน แล้วก็ยังรักใคร่กันดีกับยัยแพรของเรามาตลอด”

“ครับพ่อ”

ใช่...พ่อของเขาพูดถูก อนามิการักใคร่และสนิทสนมกับน้องสาวของเขามาตลอดตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะมีบางช่วงที่อนามิกาถูกส่งไปเรียนที่ต่างประเทศก็ตาม แต่สำหรับเขามันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าอนามิกาจะพยายามผูกสัมพันธ์ด้วยเพียงใด เขาก็ไม่เคยคิดจะเปิดใจรับ เพราะรู้ตัวดีว่าเธอนั้นอยู่สูงเกินเอื้อม ทั้งเขาและเธอจึงเหมือนมีเส้นขีดขวางกั้นไว้ตลอดเวลา

รถยนต์สปอร์ตครอสโอเวอร์แล่นออกจากฟาร์มม้าตั้งแต่ตอนเช้ามืด มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อหลีกหนีการจราจรที่ติดขัดในช่วงเวลาเร่งรีบ

พนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะใต้ตึกลุกขึ้นและโค้งศีรษะให้ พร้อมกับเอ่ยทักทายอาจารย์หนุ่มหล่ออย่างคุ้นเคย เพราะเขามักจะมาแต่เช้าและแวะทักทายตนเช่นนี้เป็นประจำ

“สวัสดีครับอาจารย์ มาแต่เช้าเหมือนเดิมนะครับ”

“หนีรถติดน่ะครับลุง นี่ขนมครับ” กฤชเพชรทักทายตอบ พลางส่งถุงของฝากที่เตรียมมาให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยวัยเดียวกับพ่อของเขา

“ขอบคุณครับอาจารย์ อาจารย์มีน้ำใจกับผมตลอดเลย”

ชายวัยห้าสิบเศษกล่าวอย่างซาบซึ้งต่อความมีน้ำใจของชายหนุ่มตรงหน้าที่มีต่อตนเสมอมา

“เล็กน้อยน่ะครับลุง”

“อาจารย์จะขึ้นห้องพักเลยหรือเปล่าครับ ผมจะได้ขึ้นไปเปิดให้”

“ยังก่อนครับ ผมนั่งแถวๆ นี้ดีกว่า เช้าๆ แบบนี้อากาศกำลังดี รีบขึ้นไปห้องพักก็เปลืองไฟเปลืองแอร์เปล่าๆ”

“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญอาจารย์ตามสบายครับ”

พนักงานรักษาความปลอดภัยผายมือให้ กฤชเพชรจึงเดินไปนั่งที่ม้าหินอ่อนซึ่งเป็นตัวที่เขานั่งเป็นประจำในเวลามาเช้าๆ เช่นนี้ เปิดแล็ปท็อปที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย เพื่อดูบทเรียนที่จะสอนนักศึกษาในคาบเช้าวันนี้

ความกระตือรือร้นและสายตาที่เต็มไปด้วยการอยากเรียนรู้ของนักศึกษา คือสิ่งที่ทำให้เขาละทิ้งหน้าที่อาจารย์ไม่ได้ แม้ว่าจะต้องเดินทางไกลแค่ไหนก็ตาม

สิ่งหนึ่งที่ทำอยู่ไม่ได้ขาดหลังจากสอนเสร็จก็คือ การแวะแวะเวียนไปดูบ้านหลังเก่าที่ตอนนี้ปิดทิ้งไว้ เมื่อมันถูกปิดไว้เฉยๆ เช่นนั้นก็มีคนมาติดต่อขอซื้อหลายคน แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะขาย เพราะแม่ของเขารักบ้านหลังนี้มาก

ร่างสูงออกจากห้องบรรยายและเดินตามบันไดลงไปหลังจากสอนเสร็จ ส่วนลิฟต์เขาเลือกที่จะไม่ใช้มัน เพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการที่ต้องเดินขึ้นเดินลงแค่สามชั้น

“พี่เพชรคะ พี่เพชร รอเดี๋ยวค่ะ”

เสียงเรียกที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้นิ้วเรียวยาวที่กำลังจะเปิดประตูรถจากกุญแจรีโมตชะงักและหันไปทางต้นเสียง

“สวัสดีค่ะพี่เพชร จำผิงได้มั้ยคะ ผิงเพื่อนแพรไงคะ” พลอยพิมลยกมือขึ้นไหว้พี่ชายของเพื่อนและแนะนำชื่อเล่นตัวเอง ไม่ได้เจอกันหลายปี เผื่อว่าเขาจะจำเธอไม่ได้

“จำได้สิ ว่าแต่เรามาทำอะไรที่นี่” เขาจำได้แม่นว่าอีกฝ่ายคือเพื่อนสนิทของน้องสาว ซึ่งตอนที่เรียนอยู่มักแวะมาบ้านเขาพร้อมกับแพรมุก เด็กๆ กลุ่มนี้ยังดูกะโปโลและแสบซนมาก แต่ตอนนี้เหมือนจะสวยสง่าและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นตามวัย

“ผิงมาสอบสัมภาษณ์เรียนปริญญาโทค่ะ ผิงเลือกเรียนต่อที่นี่เพราะรู้ว่าพี่เพชรเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ ถึงจะคนละคณะก็เถอะ แต่มันก็อยู่ติดกัน ใช้ลานจอดรถร่วมกัน เผื่อวันไหนผิงอยากจีบพี่เพชร ผิงก็มาดักเจอแบบนี้ไง” พลอยพิมลร่ายคำพูดอย่างคล่องแคล่ว ไม่นึกเขินกระดากแต่อย่างใด กฤชเพชรจึงรู้ว่าตัวเองคิดผิดถนัด แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเพื่อนน้องสาวจะเปลี่ยนไป แต่นิสัยเดิมๆ ก็ยังไม่ถูกทิ้ง

“นี่เรากำลังล้อพี่เล่นใช่มั้ย”

เรียวปากหยักคลี่ยิ้มออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก ทำเอาคนมองมองตาปรอยไปเลยทีเดียว นี่ล่ะเสน่ห์อันล้นเหลือของกฤชเพชรพี่ชายของยัยแพรที่เธอแอบกรี๊ดมาหลายปี หล่อ เคร่งขรึม เย็นชา มีอารมณ์ที่ลึกซึ้งลุ่มลึกชวนให้ค้นหา แค่เขายืนและยิ้มบางๆ เช่นนี้ก็ทำเอาคนมองแทบจะละลาย

“ล้อเล่นก็ได้ค่ะ แต่พี่เพชรอย่าเผลอนะคะ เพราะผิงพร้อมจะเอาจริง” พลอยพิมลพูดติดตลก และฉีกยิ้มหวานให้พี่ชายเพื่อนอย่างเป็นธรรมชาติ แม้การได้ยืนใกล้ๆ เขาเช่นนี้จะทำให้เธอหวั่นไหวไม่น้อยก็ตาม

“เรานี่สมกับที่เป็นเพื่อนยัยแพรจริงๆ”

“แน่สิคะ กลุ่มผิงนี่แสบที่สุดในรุ่นแล้ว พูดถึงยัยแพร เมื่อไหร่ยัยแพรจะกลับมาเยี่ยมบ้านคะพี่เพชร ได้ข่าวว่าตอนนี้มีน้องแล้ว” น้ำเสียงของพลอยพิมลฟังดูเป็นงานเป็นการขึ้นเมื่อถามถึงแพรมุก คิดแล้วก็เหมือนพรหมลิขิต ไม่น่าเชื่อว่าแผนการ ‘หลอกให้ออกเดต’ เพื่อทดสอบเสน่ห์ จะทำให้แพรมุกและชีคชาฟากีย์มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อที่มาเที่ยวเมืองไทยในคราบนักท่องเที่ยวธรรมดาได้แต่งงานกันในที่สุด แม้ก่อนแต่งแพรมุกจะถูกจับตัวไปและต้องเผชิญกับความโกรธกรุ่นของชีคชาฟากีย์ไม่น้อยก็ตาม

“ใกล้จะคลอดแล้วล่ะ คงจะหลังคลอดถึงได้มา”

“แล้วนี่พี่เพชรจะไปไหนต่อคะ มีธุระที่ไหนหรือเปล่า”

“เปล่า...พี่กำลังจะกลับบ้าน”

“ถ้าอย่างนั้นไปกินขนมกับผิงก่อนนะคะ เดี๋ยวผิงเลี้ยงเอง จะได้ฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์พี่เพชรด้วย” พลอยพิมลเอ่ยชวนก่อนและมองอย่างอ้อนๆ เพราะกลัวเขาจะปฏิเสธ

“พี่ไม่ใช่อาจารย์คณะเรานะ”

“ก็เผื่อพี่เพชรรู้จักกับอาจารย์ของคณะผิง ผิงจะได้ใช้เส้นบ้างไงคะ ผิงยิ่งเรียนไม่ค่อยเก่งอยู่ด้วย เรียนปริญญาโทไม่ใช่ง่ายๆ นะคะ”