บท
ตั้งค่า

Chapter 4 Secret

หลังจากที่เราทานอาหารเสร็จก็มานั่งเล่นตรงสวนภายในที่ทางโรงแรมจัดเอาไว้เพื่อให้ลูกค้าที่เข้าพักได้มีมุมพักผ่อนและสามารถเก็บภาพความทรงจำไว้ว่าเคยมาพักที่นี่ ฉันยังแอบเห็นเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่มาจากหลากหลายเชื้อชาติที่มาถ่ายVLoG ส่วนฉันกับลมน่ะเหรอ มองดูพวกเขาแล้วพากันสบตากันปริบ ๆ แต่แทนที่จะเบื่อ ฉันพบว่ามันผ่อนคลายทีเดียว นั่งมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย

“เธอเคยมาเที่ยวแบบนี้กับใครมั้ย”

“ไม่นะ”

“ครอบครัว”

“…” ฉันส่ายหน้า

“แฟน?”

“…” คำตอบเดิม

“เพื่อน?”

“ฉันไม่มีเพื่อน”

“…”

“นายอาจคิดว่าฉันโกหก คนอะไรไม่มีสังคมเอาเสียเลย หรือไม่อยากเชื่อแต่เป็นครั้งแรกนะที่มีคนมาถามฉัน”

“มันก็ไม่แปลกหรอกเพราะฉันก็เพื่อนน้อยเหมือนกัน”

“ฉันน่ะเคยมีเพื่อนนะ แต่เพราะรักมากคาดหวังมาก พอโดนทำร้ายทีมันก็เจ็บมากเหมือนกัน”

“มันเลยทำให้เธอไม่มีเพื่อนเหรอ”

“คงงั้นมั้ง แต่ใช่ว่าฉันจะไม่มีไปเสียทีเดียว”

“เธอจะบอกว่ามีนะ แต่มีน้อยใช่มั้ย”

“อือ ประมาณนั้นแหละ”

“ฉันเองก็ชอบอยู่คนเดียว”

“…”

“ไม่ใช่แบบนั้น แต่จะอธิบายยังไงดีวะ เอ่อ…ในบางครั้ง”

“ตอนเด็กฉันเป็นเด็กมีปม ฉันจึงค่อนข้างมีปัญหาการเข้าสังคม…”

“…”

“ฉันพูดเล่น ฮ่า ๆ ดูทำหน้าเข้า” ฉันว่าเขาพูดจริงนะ แววตาที่ดูเศร้าในแวบหนึ่งและกลับมาเป็นปกติ

“…”

“ความจริงก็คือ ฉันเองก็มีปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้น่ะ”

“อือ ใครก็มีปัญหาทั้งนั้น”

“ฉะนั้นเขาจะเรียกชีวิตเหรอ”

“นั่นสิ”

“ถึงเวลาไปผ่อนคลายร่างกายแล้ว เจอกันตอนเย็นนะ”

“อื้ม เจอกัน”

ฉันกับลมแยกกันไปแช่น้ำพุร้อนกันและกลับมายังห้องพักเพื่อจะมาอาบน้ำและออกไปกินข้าวเย็น แต่ดันเจอเขาเสียก่อน สรุปจึงตกลงไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า

ขณะที่กินอาหารญี่ปุ่นอย่างเอร็ดอร่อย คนตรงหน้ากลับเหลือบตามองฉันทุกวินาที อะไรของเขา

“นายมีอะไรหรือเปล่า มีอะไรติดหน้าฉันอย่างนั้นเหรอ”

“ฉันบอกเธอไปรึยัง ว่าเธอใส่ชุดยูกาตะแล้วดูดีมาก”

“...” ฉันต้องหยุดคีบซูชิเข้าปากเพราะโดนชมทั้ง ๆ ที่กำลังอ้าปากค้าง จะต้องดีใจใช่ไหม

“กินต่อ ๆ ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย แค่รู้สึกว่าต้องบอกน่ะ”

“ขอบใจ” ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไรจึงตีมึนและเอ่ยชมเขาเหมือนกัน

“นายก็...ดูดีนะ”

“...” เขารีบเงยหน้าขึ้นมามองฉันที่เคี้ยวอาหารเต็มปากและลอยหน้าลอยตากินอาหารอันเลิศรสตรงหน้าแทน ไม่รู้ไม่ชี้ว่าเขายกยิ้มมุมปาก “นี่ชมหรือแกล้งกันวะ” พลันหัวเราะในลำคอเบา ๆ

สามสิบนาทีต่อมา

เนื่องจากห้องพักของฉันกับลมเป็นสไตล์เรียวกัง ตอนนี้จึงมีโต๊ะญี่ปุ่นและเบาะรองนั่งอุ่น ๆ ส่วนตอนกลางคืนพนักงานจะมาเปลี่ยนให้เป็นที่นอน ลมสั่งเหล้าสาเกญี่ปุ่นมาหนึ่งขวด เขาบอกนั่งดื่มเป็นเพื่อนแต่เขาดื่มไม่ยั้งเหมือนคนไม่ได้กินมานาน

“เธอไม่ดื่มเหรอ”

“ขอหนึ่งจอก”

“ได้”

ฉันยื่นแก้วให้เขาที่เป็นคนรินให้เองกับมือ ฉันหลุบมองมือหนาที่เห็นเส้นเลือดชัดเจน อยู่ดีก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา

“ยังไม่ดื่มหน้าแดงแล้วเหรอ”

“เพราะอากาศมั้ง” ฉันยกขึ้นหมดแก้วและพบว่ามันอร่อยกว่าที่คิด รสชาตินุ่ม ดื่มง่ายและมีกลิ่นหอม

“ฉันสั่งราคาที่แพงที่สุด...” ผิดจากที่ฉันคิดไว้ที่ไหน เขาเห็นว่าฉันชอบจึงเตรียมจะลุกขึ้น

“นายจะไปไหน”

“สั่งมาเพิ่มไง”

“นายอย่าลืมว่าพรุ่งนี้จะกลับแล้ว”

“เลื่อนไฟล์บินก็ได้มั้ง”

“ฉันมีธุระ” หลังจากนี้เหมือนฉันจะต้องไปทำธุระให้เจ๊เฟียร์ เขาจึงยอมกลับมานั่งท่าเดิม “นายอึดอัดหรือเปล่า ที่ต้องมาเที่ยวกับคนพูดน้อยแบบฉัน” ฉันเห็นเขาเงียบไปสักพักจึงเอ่ยถาม

“ก็ไม่นะ” เขาสั่นหัว

“เอาความจริง” ฉันถามย้ำให้แน่ใจว่าเราสามารถร่วมทริปกันต่อไปได้

“มากกว่านี้ฉันก็เคยเจอมาแล้ว...แค่นี้ไม่คณามือฉันหรอก” เขาพูดเบา ๆ แต่ฉันแอบได้ยินนะ “เธอมาถามวันสุดท้ายของการเที่ยวด้วยกันเนี่ยนะ ไม่ช้าไปหน่อยเหรอ”

“ก็ดีกว่าไม่ถามนะ”

“หึ”

“นายคิดว่าฉันสามารถมีเพื่อนคนอื่นได้มั้ยลม” ฉันไม่อยากให้บรรยากาศระหว่างเราต้องกร่อยเพราะฉันห้ามเขาไม่ให้สั่งเครื่องดื่มจึงคิดหาคำถามเพื่อต่อบทสนทนา ซึ่งปกติแล้วฉันไม่มาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องหยุมหยิมแบบนี้หรอก

“ถามจริง”

“อือ”

“คิดไง เธออยากมีเพื่อนแล้วเหรอ”

“ฉันคิดว่า...มีเพื่อนแบบนายก็ไม่เลว แต่ฉันแค่ไม่เคยคบเพื่อนที่เป็นผู้ชาย”

“ทำไม ที่บ้านหวงหรือไง” เขากำลังอยากรู้เรื่องของฉันแล้วสินะ ไม่เป็นไรอย่างน้อยเราก็สามารถเล่าเรื่องในใจได้กับใครสักคน เป็นเพราะบรรยากาศที่เงียบสงบหรือเพราะจิตใจฉันไม่คงที่หรือเพราะเหล้าสาเกกันแน่ ถึงได้เปิดเผยความคิดของตัวเองทีละนิด

“ผู้ปกครองค่อนข้างหัวโบราณน่ะ” ฉันหัวเราะเบา ๆ ส่วนลมที่กำลังจะจะดื่มอีกแก้วก็ต้องคำนับให้ฉัน เขาคงคิดว่าฉันกำลังเล่นมุกแน่ ๆ

“ก็อย่างที่บอกว่าฉันไม่อยากเจ็บเรื่องความรักอีกแล้ว เพราะฉะนั้นฉันจึงตัดทั้งความรักและมิตรภาพอันจอมปลอมออกไปให้หมด”

“ก็ดูสมกับเป็นเธอดี...ฉันชอบ”

“นายดูจะชอบทุกอย่างที่เป็นฉันนะลม คงไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนล่ะมั้ง” ฉันเอ่ยหยอกเย้าแต่คงไว้ด้วยใบหน้าราบเรียบ

“...” เขาไม่ตอบ

“นายมีมั้ย สิ่งที่เรียกว่าความรักน่ะ” ฉันเปลี่ยนไปถามเรื่องส่วนตัวของเขาบ้าง

“ความรู้สึกที่เรียกว่าความรักน่ะเหรอ ใครบ้างจะไม่เคยมี” เขาพูดจบก็ยกอีกจอก ดื่มเป็นน้ำเปล่าเลยนะ เขาดื่มจนเหลืออยู่ครึ่งขวดแต่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปสักนิด เชื่อแล้วว่าคอแข็งของจริง

“นายเคยรักใครด้วยเหรอ”

“เคยสิ รักมาก…แต่ตอนนี้ฉันหวังนะ หวังว่าเธอกำลังมีความสุข” เขาระบายยิ้มด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสบายใจแต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้ามันแค่พริบตาเดียวแต่ฉันกลับจับสังเกตได้ ลมกำลังนั่งกอดเข่าตรงข้ามฉัน อากาศยามค่ำคืนที่เมืองเกียวโตช่างดูเหน็บหนาวในจิตใจของผู้ชายตรงหน้าแต่เหมือนเหล้าสาเกจะช่วยเขาให้หายเครียดนะ แซวเล่นน่ะ

“จบไม่แฮปปี้เหรอ” ฉันเอ่ยถามทั้งที่ไม่ใช่เรื่องตัวเอง

“เธอเคยได้ยินคำว่า เลิกแต่ยังรักรึเปล่า” เลิกแต่ยังรักอย่างนั้นเหรอ น่าสนใจดีนี่

“ก็เคยนะ”

“ฉันกับเธอก็คงประมาณนั้นแหละ” เธอคนนั้นที่เขาว่าจะต้องเป็นคนแบบไหนถึงทำให้ลมเปลี่ยนจากความรักที่จริงจังมาใช้สัญญาผูกมัดฉันไว้เพื่อจะไปเที่ยว แทนที่จะหาแฟนดี ๆ สักคนไปกับเขาแทน

“…” ได้ฟังน้ำเสียงเรียบเรื่อยของลมที่ไม่ได้บอกว่าเขาคิดอย่างไร หัวใจที่เงียบสงบมาโดยตลอดกลับมาเต้นแรงและความรู้สึกอึดอัดที่มันเริ่มแผ่กระจายไปทั่วบริเวณจนทำให้ลมต้องเงยหน้าขึ้นมามองฉัน จากที่เขานั่งจ้องแก้วเหล้าที่อยู่ในมือหนา ไม่นานเขาก็เหลือบตามองฉัน

“ทำไมต้องทำหน้าเศร้าแบบนั้น มันจบแบบนี้ก็ดีแล้ว”

“ฉันไม่ได้เป็นห่วงนายสักหน่อย” ฉันเอ่ยขึ้นทันควันกลัวว่าเขาจะตีความไปแนวทางอื่น

“โอเค ๆ” เขาวางแก้วเหล้าก่อนจะยกมือยอมแพ้ “เรื่องที่มันผ่านมาฉันปล่อยให้เป็นอดีตแล้วล่ะ ไม่มีค่าให้สนใจ ปัจจุบันสิน่าสนใจมากกว่า”

“ก็จริง”

“...”

“ฉันคิดว่านายสามารถเป็นเพื่อนกับฉันได้นะ”

“หืม ร่วมทริปครั้งเดียวฉันได้เลื่อนขั้นเลยเหรอ ดีจัง” เขายิ้มระรื่น

“ฉันยกให้นายเป็นเพื่อน แด่คนเคยเจ็บปวดทั้งสองคน” ฉันยื่นแก้วเหล้าให้เขาเทให้และชนเข้าด้วยกัน เหมือนชนแก้วร่วมสาบานกัน

“เพื่อนกันตลอดไป!” ฉันว่า เขาเมาแล้วล่ะ ส่วนฉันน่ะเหรอหลังจากนั้นก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมาและงีบหลับบนโต๊ะคาที่ ขนาดที่เขาแตะไหล่เพื่อจะปลุกก็ไม่สามารถฝืนลืมตาขึ้นได้ เหล้าสาเกทำให้ฉันพบหนึ่งอย่าง

เหล้าหวาน รับประทานหงาย

‘บอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าจะดื่มต้องบอกฉันก่อน’

‘นายเป็นใคร มายุ่งอะไรกับฉัน’

‘อกหักแล้วไง เธอจะบ้าคนเดียวพวกเขาไม่รู้สึกรู้สาหรอก’

‘...’

‘มองฉันบ้างดิวะ’

‘ฉันเจ็บ นายรู้เหรอว่าฉันเจ็บมากแค่ไหน’

‘ถ้าเธอไม่รักตัวเอง ใครจะมารักวะ’

‘นายก็พูดได้สิ’

‘เคท’

“เคท” ประสาทสัมผัสของฉันที่ได้ยินทุกอย่างที่เขาพูดแต่ไม่สามารถฝืนลืมตามาเพื่อจะเปล่งออกมาแต่ละคำได้

“หลับซะแล้ว”

ฉันได้ยินเสียงลุกจากเบาะนั่งและทำอะไรสักอย่าง ไม่นานนักก็มีคนเข้ามาและออกไป ฉันถูกอุ้มและวางบนที่นอนที่อุ่นและนุ่มสบาย ลมเดินไปปิดไฟจนทุกอย่างมืดสนิทแต่แล้วเขาก็ย้อนกลับมาและสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผากยิ่งทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจ ถึงจะชั่วคราวแต่ฉันจดจำมันได้นะว่ามาจากผู้ชายที่ชื่อ ลม เพื่อนคนใหม่ที่ได้ดื่มร่วมสาบานกันเมื่อครู่

เขาหายเข้าไปในห้องน้ำ ต่อมาก็ได้ยินเสียงอาบน้ำและล้มตัวนอนบนเสื่อทาทามิข้าง ๆ กัน
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel