Chapter 1 In the past
ควันสีเทาถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากที่ทาเคลือบลิปสติกสีแดงอิฐ นิ้วเรียวคีบมวนบุหรี่และเคาะ ๆ เบา ๆ ตรงข้างกำแพง กระโปรงพลีทสีดำที่สั้นเหนือเข่ากำลังยืนไขว้ขาอย่างคนที่ไม่ยี่หระต่อสิ่งใด
“เคท คิดถึงจังเลยคร้าบ”
“…”
ผู้หญิงผมประบ่าหน้าม้าสั้นเต๋อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยื่นบุหรี่ให้คนตรงหน้าที่มีใบหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยจนเกินงาม เขารับไว้และดูดมวนนั้นต่อหน้าเธอก่อนจะเขยิบเข้ามายืนพิงกำแพงอยู่ข้างกายคนตัวเล็กที่สนิทสนมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“คิดถึงก็ต้องจ่ายเนอะ” น้ำเสียงเรียบเรื่อยของฉันคงทำให้ผู้ชายคนนี้ดูพอใจกับคำตอบ เขาชื่อ 'คอป' เป็นหนึ่งในลูกค้าวีไอพีที่ชอบใช้บริการจากคนหน้านิ่งอย่างฉัน
“แหม คนกันเองทั้งนั้น นี่เลิกเรียนแล้วใช่มั้ยครับ เดี๋ยวเค้าจะชวนตัวเองไปดูหนังเป็นเพื่อนหน่อย”
“แล้วแฟนคอป…ไม่ว่าเหรอคะ?” ฉันปรายตามองเจ้าของชื่อแต่มิวายทำตัวเหมือนคนโสด
“ไม่เอาน่า เรื่องนี้มันจบไปนานแล้วนะครับ เราแฟร์ ๆ กันอยู่แล้ว”
“ถ้าเคทจะให้คอปเลือกระหว่างแฟน…กับเคทล่ะคะ” ฉันรีบเข้าไปกุมมือหนาที่ทำตาโตคงช็อกหนักจนเผลอทำมวนบุหรี่ที่กำลังสูบหล่นลงไปกับพื้น แต่ทันใดนั้นเองฉันเหลือบไปเจอใครบางคนกำลังเดินผ่านหน้าไปเพียงเสี้ยววินาทีแต่หัวใจเผลอเต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน หลังอาคารเก่ามักจะเป็นแหล่งมั่วสุมให้นักศึกษาผู้ชายนัดเจอกันกับเพื่อน หรือบางครั้งก็แอบมาสูบบุหรี่เช่นเดียวกับฉัน
“เฮ้ย ไอ้ลมวันนี้มีนัดนะเว้ย” คอปเอ่ยทักทายเขา แต่สีหน้าคนตอบดูจะไม่เปลี่ยนไปเลย
“ใครบอกว่ากูจะไป” เขาหยุดชะงักพอดี ใบหน้าเย็นชาหันหน้ามามองคอป ทว่าสายตาคมกริบกับผมสีน้ำเงินเข้มที่ฉันแอบมองดึงดูดสายตามากเกินไป จากปกติที่ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนมาก่อน ยังไม่อาจละสายตาออกจากใบหน้าหล่อเหลาของเขาได้ ผู้ชายคนนี้ยิ้มเจ้าเล่ห์เสร็จก็เดินจากไป
“อ้าว ไอ้ลม!” เสียงตะโกนด่าไล่หลังแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านสักนิด
“เบื่อแล้วอะ…ไปก่อนนะ”
“อ้าวเฮ้ย เคท!”
“ไม่สนุกละ บาย” ฉันรีบชิ่งหนีคอปเพื่อจะกลับคอนโด ก่อนจะโบกมือลาผู้ชายผมสีน้ำเงินที่เดินไปอีกทางจากข้างหลัง วันนี้ถือว่าประสบผลสำเร็จไปอีกขั้นเพราะได้รู้จักนิสัยผิวเผินของผู้ชายที่ชื่อว่า ‘ลม วายุ ภูวรินทร์โชติรัตน์’ คนนั้น เขาเป็นบุคคลที่น่าสนใจสำหรับฉันในตอนนี้ถึงแม้ว่าความจริงเราสองคนจะไม่รู้จักกัน แต่ฉันเชื่อว่าเขาจะเป็นคนที่เดินเข้ามาหาฉันก่อนอย่างแน่นอน
ฉันเดิมพันกับตัวเองเอาไว้ในใจ
21.34 น.
ทุกวันศุกร์จะเป็นช่วงที่ฉันมักนัดลูกค้ามาเจอกันที่ร้านเจ๊เฟียร์ ซึ่งเป็นร้านระดับไฮเอนด์มีลูกค้าระดับนักธุรกิจ ไฮโซ ดารานางแบบแวะเวียนมาท่องเที่ยวในย่านราตรีจนทำให้ร้านเปิดมาได้หกปีแล้ว ถึงใครจะมักซุบซิบว่าเจ๊เฟียร์มีแบคอัพที่ไม่ธรรมดาแต่สำหรับฉันเจ๊คือพี่สาวที่น่ารักเสมอ
ฉันนั่งมองเจ๊เฟียร์ที่กำลังนั่งคุยกับลูกค้าวีไอพีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มราวกับมีความสุขแต่ทุกอย่างที่แสดงออกมามันคืองานทั้งนั้น นิ้วเรียวที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกเหมือนดื่มน้ำเปล่าธรรมดายิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์ยากจะจับต้องได้ถ้าเงินไม่มากพอเจ๊บอกฉันมาแบบนี้
ผู้คนรอบข้างที่กำลังเมามันส์กับเสียงเพลงที่อึกทึก บรรยากาศที่ให้ความรู้สึกเร่าร้อนแต่คงไว้ในความเยือกเย็นที่แฝงอยู่ภายในร้าน ‘Fiamma’ เป็นร้านเน้นใช้สีโทนเย็น น้ำเงิน-ขาว และการตกแต่งที่ทันสมัย ส่วนมากลูกหลานตระกูลดังมักแวะเวียนมาจับจองพื้นที่ประกาศความร่ำรวยอู้ฟู่
“คนสวยของเค้ามานั่งอยู่ตรงนี้นี่เอง ไปดูดบุหรี่กัน”
เสียงยานคางของเจ และมือหนาที่เข้ามาโอบไหล่ขวาของฉันอย่างคนที่รับรู้ได้ว่าแอลกอฮอล์ได้แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายมากเกินกว่าครึ่ง
“ไปสิ” ฉันปรายตามองคนที่พยายามจะใช้ใบหน้ากะล่อนเขยิบเข้ามาชิดจนสัมผัสถึงลมหายใจของกันและกัน แต่ก็ไม่สามารถทำให้ฉันรู้สึกอะไรไปได้มากกว่านี้เพราะเจก็คือหนึ่งในผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันได้รับประโยชน์และบางครั้งก็เสียประโยชน์บางอย่างให้เขา มันถึงยุติธรรมอย่างไรล่ะ
“เฮ้ย พวกมึงกูขอไปดูดบุหรี่แป๊บนะเว้ย”
“ฮั่นแน่ ไปดูดบุหรี่หรือไปดูดอย่างอื่นคร้าบ”
“เสือก” ฉันตวัดสายตาใส่กลุ่มเพื่อนของเจที่แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งกับท่าทางล้อเลียนในเรื่องลามก แววตามันดูออกง่ายจนฉันรำคาญ แต่ขณะที่จะเดินผ่านเลยไป ฉันเห็นแววตาคมกริบที่มองกลุ่มนั้นอย่างคนเย็นชาอีกฟากหนึ่งอย่างคนแปลกใจ คืนนี้เขามาด้วยอย่างนั้นหรอกเหรอ
“ว้าว นอกจากสวยแล้วยังดุด้วยว่ะ”
“ไปทำอะไรสนุก ๆ เหรอคร้าบบ”
“…” ไม่นานภายในโต๊ะที่ฉันจากมาก็เงียบกริบเพราะฉันโชว์นิ้วกลางใส่คนที่ชอบพูดเรื่องสองแง่สองง่ามกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“สมน้ำหน้าเจอเคทคนหน้าดุ จอดเลยพวกมึง” เจหัวเราะเยาะเพื่อนของเขา แต่จะให้เหมารวมว่าเป็นเพื่อนสนิทก็ไม่เชิงเพราะเขามีเพื่อนหลายกลุ่ม แต่กลุ่มนี้คงเป็นเพื่อนเที่ยวเสียมากกว่า
ก็สมควรโดนแล้ว…
“ขอบคุณนะ”
ฉันเอ่ยขอบคุณเจที่เดินมาส่งสถานที่สำหรับสูบบุหรี่โดยเฉพาะ เป็นหลังร้านที่คนพลุกพล่านไม่ต่างจากภายในร้านสักเท่าไร เขาเลิกคิ้วพลางยักไหล่หนึ่งที “รางวัลขอหอมแก้มหนึ่งทีได้ปะครับ”
“…” ไม่น่าขอบคุณเลย
“เคท!”
ฉันให้ค่าตอบแทนสำหรับคนทำงานตามคำสั่งก่อนจะยืนพิงกำแพงกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มายืนรอสักพัก มือบางหยิบซองบุหรี่และคีบใส่ปาก แต่เพราะหาไฟแช็คไม่เจอจึงขอต่อจากผู้หญิงข้าง ๆ แทน
“ไปได้แล้ว”
“ขอบคุณคร้าบ” คนหน้าแดงแจ๋ยิ้มหวานจนปากจะฉีกผละจากไปด้วยท่าทางเมามาย เด็กน้อยในคราบเด็กหนุ่มชัด ๆ
“เธอคิดว่าทำแบบนี้แล้วเขาจะให้ในสิ่งที่เธอต้องการเหรอ”
“ที่มาตามดูไม่ใช่ว่ากลัวว่าเขาจะกลับมาสนใจฉันอีกครั้ง หรือว่าเธอกลัว?” ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดและปล่อยออกมาใส่ผู้หญิงข้างกายคนนี้ ริมฝีปากกำลังขบเม้มเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ไม่มีทางหรอก”
“ถ้าเชื่อแบบนั้นก็ตามใจ โอเคเนอะ” ฉันยิ้มร้ายเพราะกำลังถือไพ่เหนือกว่า แอบตามมาขนาดนี้ยังปฏิเสธเสียงแข็งสุดท้ายเธอก็ต้องเดินกระฟัดกระเฟียดจากไป
“...”
“ไม่ลองก็ไม่รู้ ฉันชอบเดิมพันอยู่แล้วสิ” ฉันงึมงำคนเดียวกับสถานที่ที่ค่อนข้างมืดสลัว
“อีกหนึ่งนาที” ฉันพ่นควันสีเทาออกมาช้า ๆ จนกระทั่งบุคคลที่รอคอยเดินมาทางนี้
“…”
“เธอ…” ฉันกลั้นลมหายใจเมื่อลมหันขวับกลับมาและเอ่ยทักฉันขึ้นมาราวกับกำลังข้องใจบางอย่าง
“…” ฉันเคาะมวนบุหรี่ที่ลดเหลือมาเกินครึ่งหลังจากกำลังใช้ความคิดกับสิ่งที่กำลังตัดสินใจทำ “ขอยืมไฟแช็คหน่อยดิ” ผู้ชายที่แค่ใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนตัดกับผิวที่ขาวจัดยิ่งทำให้ถูกสาว ๆ ที่เดินผ่านต้องมองไม่วางตา เขาแบมือขอและย้ายมายืนพิงกำแพงข้าง ๆ ฉันในขณะที่ฉันส่ายหัวปฏิเสธ
“ไม่มีหรอกเหรอ”
“เอามาดิ เดี๋ยวต่อให้” ฉันบุ้ยปากเพื่อจะบอกให้เขาที่กำลังหยิบและคาบเอาไว้
“เอางั้นเหรอ…” ระหว่างที่เขาจะใช้มือหนาคีบมวนบุหรี่เพื่อจะต่อไฟจากฉัน ฉันสบตากับเขาเป็นครั้งแรกและนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นี้เหมือนมนต์เสน่ห์ที่น่าค้นหาลึกลับซับซ้อน ถ้าผู้หญิงคนไหนได้เผลอผสานสายตาด้วยคงอ่อนระทวยกันถ้วนหน้า
“อะนี่”
ฉันคาบบุหรี่ไว้และเขยิบเข้าไปใกล้ผู้ชายผมสีน้ำเงินเข้มและเราเจอกันเป็นครั้งที่สองแล้ว เขาชะงักค้างแค่เสี้ยววินาที แต่ก็สามารถกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณ” หลังจากผละจากกันเราต่างไม่ได้พูดอะไรกันต่อ ต่างคนต่างดื่มด่ำกับบรรยากาศในยามราตรีที่แสนสุขแห่งนี้
“เฮ้ เคท!” ฉันรีบมองตามเสียงทุ้มต่ำ จนกระทั่งเขาเดินเข้ามาหาและรีบเปิดประเด็นสนทนาที่คนนอกมารับรู้ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนแบบนี้
“ยังรับงานอยู่มั้ยอะ พอดีเพื่อนผมสนใจ” งานที่ว่า คืองานเอนเตอร์เทนลูกค้า
“อืม” ฉันรับคำและจ้องเขม็งให้หนึ่งในลูกค้าที่มาผิดที่ผิดเวลาด้วย ไม่ได้ดั่งใจเลยสักอย่าง ฉันเผลอกัดริมฝีปากแน่น
“งั้น…เดี๋ยวทักไปหานะ”
“โอเคค่ะ” คล้อยหลังที่ลูกค้าเก่าจากไป ฉันเองที่เบื่อหน่ายจึงตัดสินใจจะกลับห้อง วันนี้ลูกค้าร้านเจ๊เฟียร์ค่อนข้างเยอะคงไม่ได้คุยเล่นเหมือนเดิม แต่เพราะฉันไม่อยากรอจนร้านปิดชิ่งกลับตอนนี้ดีกว่า
“เธอ…”
“...?”
“รู้จักเพื่อนเที่ยวมั้ย”
“...” รู้จักสิเพราะฉันก็ทำเป็นประจำ เด็กที่หนีออกจากบ้านถูกปรามาสว่าเป็นเด็กใจแตก งานอะไรที่ทำแล้วได้เงินก็ทำทั้งนั้นแหละ เงินที่ส่งเสียเลี้ยงดูตัวเองจนเติบโตมาได้กระทั่งตอนนี้คือน้ำพักน้ำแรงของตัวเองทั้งสิ้น ผิดหรือที่เลือกเกิดไม่ได้
“สนใจไหม เป็นเพื่อนเที่ยวกับฉัน”
“เท่าไหร่” ฉันถามกลับไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แล้วท่าทางนิ่งขรึมกับควันบุหรี่สีเทาดูเข้ากันจนน่าทึ่ง คนหน้าตาดีทำอะไรก็มักจะดึงดูดความสนใจเสมอ ไม่เว้นแม้แต่เขา
“...” ลมไม่ตอบแต่ยกฝ่ามือทั้งห้านิ้วขึ้นมาราวกับเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้ชายคนนี้ ห้าหมื่นกับการไปเที่ยวกับเขา
“No sex”
“…”
“ถ้าเธอไม่ยินยอม”
“อืม” ฉันพยักหน้ารับ ไม่รู้ว่าเพราะใบหน้านิ่งเฉยของเขาที่เอ่ยออกมาราวเป็นเรื่องปกติ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมจนทำให้รู้สึกแปลกใจ เขาทำให้ฉันไม่ได้รู้สึกถึงการลดทอนคุณค่าของตนเองลงสักนิด
“ทำไมถึงได้ยื่นข้อเสนอนี้ให้ฉันล่ะ ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ เราสองคนเป็นคนแปลกหน้ากันนะ เพิ่งเคยเจอกันไม่ถึงห้านาทีเสียด้วยซ้ำ”
“ก็ไม่นี่” เขาโคลงศีรษะเล็กน้อย
“ฉันและเธอต่างก็ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ฉันไม่คิดว่ามันแปลกตรงไหน แล้วก็นะฉันน่ะชอบของสวย ๆ งาม ๆ ก็เท่านั้น” เขายกยิ้มมุมปากและเลิกคิ้วระคนสงสัยเมื่อเห็นว่าฉันไม่หือไม่อือ แต่แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นแหละ ข้อเสนอที่น่าเย้ายวนใจกับเงินที่น่าพึงพอใจ ฉันคิดว่ามันคุ้มค่า
“ขอบคุณสำหรับข้อเสนอ ฉันตกลง”
“อือ” เสียงตอบรับงึมงำในลำคอพร้อมกลืนน้ำลายลงหนึ่งอึก ลูกกระเดือกคือหนึ่งในสิ่งที่แสดงลักษณะความเป็นชายที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่ามีเสน่ห์เกินต้านทานสำหรับคนอื่น
“…”
“ข้อตกลงระหว่างเรามีเพียงสามข้อ”
“...”
“…กฎข้อที่หนึ่ง”
“...”
“ห้ามหวั่นไหว”
“…”
“สอง...เราไม่ต้องรู้จักกันเป็นการส่วนตัว”
“…”
“สาม...หนึ่งปีสำหรับงานนี้ ตกลงหรือเปล่า” เขายื่นมือออกมา ส่วนฉันจึงค่อย ๆ ทำตาม นัยน์ตาที่มองฝ่ามือสัมผัสกันถูกเลื่อนมามองใบหน้าที่มีรอยยิ้มจางของเขา แต่ฉันกลับรู้สึกถึงการเกร็งและเหมือนกำลังแสยะยิ้มมากกว่า เขาเป็นคนประเภทน่ากลัวและแปลกแต่ก็น่าสนใจ
“อืม ดีล” ฉันพูด
“ฉันชื่อลม”
“เคท”
“ยินดีที่ได้รู้จัก” น้ำเสียงยังเย็นชาขนาดนี้นิสัยจริง ๆ จะเหมือนสิ่งที่เขาพยายามทำให้ฉันเห็นหรือเปล่า ดูภายนอกลมเหมือนคนโลกส่วนตัวสูงมากแต่กลับเอ่ยข้อเสนอที่น่าทึ่ง จนฉันรู้สึกสงสัยว่าตกลงเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เขาอยากหาเพื่อนเที่ยวจริง ๆ หรือเปล่า แล้วสรุปใครจะเป็นคนตกหลุมพรางนี้กันแน่นะ
ระหว่างฉันกับเขา...
เราแลกคอนแทกต์กันผ่านมานานเกือบหนึ่งสัปดาห์ฉันก็ไม่ได้รับการติดต่อจากลม เขาเป็นคนบอกเองว่าเขาจะเป็นฝ่ายติดต่อเข้ามาเองและฉันไม่ได้รับอนุญาตเป็นฝ่ายติดต่อหาเขาก่อนและนับจากนี้สัญญาหนึ่งปีที่ร่างเอาไว้ยังระบุอีกว่า
ไม่อนุญาตให้รับงานซ้ำซ้อน พูดภาษาชาวบ้านคือห้ามรับงานอื่นนอกจากเขาคนเดียว
ติ๊ง
เสียงแจ้งเตือนแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้นต่อกันหลายครั้ง จนทำให้ฉันที่ยืนดูวิวริมระเบียงจากคอนโดชั้นสามสิบสองในช่วงเวลาพลบค่ำต้องย่นคิ้วเข้าหากัน
Wind_Vento : : ต้นเดือนหน้าเราจะไปญี่ปุ่นกันเตรียมตัวให้พร้อม
Kate_Karisa : : อืม
และนั่นคือบทสนทนาที่ฉันกับลมคุยกัน ไม่บอกว่าจะไปทำไม ไปกี่วัน รับงานมาแล้วก็ต้องทำตามนายจ้างสั่ง โชคดีที่ฉันอยู่ชั้นปีสุดท้ายหน่วยกิตก็เก็บครบหมดแล้วเหลือแค่ฝึกงานสามเดือนก็เรียนจบ ฉะนั้นฉันจะหาโอกาสนี้กอบโกยเงินตราจากเขาให้มากที่สุด มือที่พิมพ์รัวลงในแชตทำการส่งไปให้เขาเพื่อจะแจ้งผลที่ได้เริ่มลงมือตามความตั้งใจเดิม
“…”
รู้สึกเครียดจนอยากสูบบุหรี่อีกแล้ว ฉันเป็นคนประเภทที่ถ้าไม่เครียดจะไม่หวังพึ่งมันเด็ดขาด แต่หลัง ๆ ชักจะเริ่มติดจนมันรู้สึกกระวนกระวายใจ หรือตื่นเต้นกับการต้องไปเที่ยวกับผู้ชายอื่นที่นอกเหนือจากที่ฉันเป็นคนตั้งกฎเอาไว้ กลับกันครั้งนี้ลมเป็นฝ่ายควบคุมทริปคนเดียว ทำไมฉันถึงรับรู้ได้ว่าทริปนี้มันจะต้องมีอะไรพิเศษมากกว่านั้นโดยที่ฉันคาดเดาไม่ได้
แต่คนเราจะสามารถล่วงรู้อนาคตได้อย่างไรกันเล่า