บทที่ 16 หมั้น
“ขอบคุณค่ะแม่”
“เดี๋ยวข้าวต้มสุก กินก่อนค่อยออกไปทำงาน อย่าคิดหนีปัญหา ยังไงวันนี้แม่ต้องคุยกับแกกับตาติให้รู้เรื่อง ทำยังงี้มันไม่ถูกต้อง”
จินดาจ้องหน้าลูกสาว นิสาลักษณ์เข้าใจที่แม่พูด หล่อนถอนใจเบาๆ กิตติเดินเข้ามายืนมองหล่อน จินดาหันไปเรียก
“นั่งสิ ดื่มกาแฟซะเดี๋ยวกินข้าวก่อนค่อยไปทำงาน”
“ขอบคุณครับ” เขายกมือไหว้ผู้สูงวัยแล้วนั่งเก้าอี้ว่างตรงข้ามนิสาลักษณ์ หยิบแก้วกาแฟมาจิบ
“ทีนี้เล่ามาว่าทำไมแกถึงมานอนซบกันอยู่บนโซฟานี่ จะทำอะไรทำไมไม่คิดถึงแม่กับพ่อบ้าง นี่ถ้าพ่อลงมาเห็นจะเป็นยังไง แกเป็นเพื่อนสนิทก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าจะมานอนกอดกันกลมยังงี้”
“แม่คะ” นิสาลักษณ์ถึงกับถือแก้วกาแฟค้างทั้งที่จะดื่มอยู่แล้ว กิตติเกือบสำลักน้ำสีข้น
“ทำไม แม่พูดผิดรึไง” จินดาจ้องหน้าลูกแล้วหันไปจ้องหน้ากิตติ
“แม่พูดไม่ผิดแต่ว่าเราไม่มีอะไรนะคะ คุยกันง่วงก็เลยต่างคนต่างหลับไม่ได้กอดกันกลมอย่างที่แม่พูดสักหน่อย”
“ยังไงก็เถอะแกไม่น่าทำแบบนี้ พ่อตื่นมาเห็นก่อนแม่แกนั่นแหละจะลำบากตาติ”
คราวนี้จินดาหันมาจ้องหน้ากิตติตรงๆ ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนเพราะไม่รู้จะหาคำแก้ตัวหรือคำตอบอะไรมาค้านความคิดของสาวใหญ่ในตอนนี้จึงได้แต่ยิ้มแล้วหันมองเพื่อนสาวเท่านั้น
“แม่คะ ฟังเราก่อน” นิสาลักษณ์พยายามจะอธิบาย
“ฟังคำแก้ตัวของพวกแกแล้วปล่อยเลยตามเลยงั้นสิ แม่ไม่ยอมหรอกนะ ยังไงตาติต้องรับผิดชอบ แม่ไปตักข้าวต้มก่อน ปรึกษากันให้ดีว่าจะทำยังไง เดี๋ยวเรียก”
จินดาเดินเข้าครัว ข้าวต้มร้อนๆ ตักใส่ชาม ผักชีสดโรยลง พริกไทยโรยตาม กลิ่นหอมน่าทานโชยออกไปถึงห้องรับแขก
“มากินข้าวได้แล้ว” เสียงจินดาดังออกมาจากครัว
“ไปกินข้าว เดี๋ยวค่อยคุยกับแม่” นิสาลักษณ์ลุกขึ้นยืนก่อน
“คุยเรื่องนี้เนี่ยนะ แม่ไม่ยอมฟังเราหรอกเชื่อเถอะ” กิตติถอนใจ เขาไม่น่าอยู่เป็นเพื่อนนิสาลักษณ์ ถ้าเขากลับพร้อมวนัชคงไม่ต้องมากลุ้มใจอย่างนี้
“แม่ต้องฟัง ถ้าแม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันแม่ต้องลืมเรื่องแก ไปกินข้าวเดี๋ยวพ่อก็ลงมา”
“นั่นแหละฉันยิ่งอยากวิ่งหนี พ่อก็ดุไม่แพ้แม่หรอก”
“เออน่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“จัดให้ได้เถอะแก” กิตติถอนใจอีกครั้งแล้วลุกเดินตามเพื่อนเข้าครัว จินดาเดินออกมาไม่กดดันกิตติให้กลืนข้าวไม่ลง แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ทานข้าวได้นิดเดียว
“กินให้หมด เดี๋ยวแม่เอ็ดแกฉันไม่รู้ด้วยนะ”
“ก็มันกลืนไม่ลง” กิตติมองข้าวต้มในชามแล้วถอนใจ นิสาลักษณ์รู้ว่าเพื่อนกำลังกลัว
“ติ ฉันเป็นเพื่อนแกมากี่ปีแล้ว ฉันเคยทำให้แกเดือดร้อนกี่ครั้ง”
“ไม่รู้ ฉันคิดอะไรไม่ออก”
“แกเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากนะ ยังไงฉันไม่ให้แกเดือดร้อนหรอก”
“แกก็พูดยังงี้ทุกที” เขาจ้องหน้าหล่อนนิ่ง หล่อนบอกไม่ทำให้เขาเดือดร้อนแต่สุดท้ายเขาก็ทำเพื่อช่วยหล่อนทุกครั้งแม้แต่ครั้งนี้เขาก็ทำเพื่อหล่อน
“ฉันขอโทษ” หญิงสาวเสียงอ่อนลง หล่อนทำให้เขาเดือดร้อนหลายครั้งและเขาไม่เคยทิ้งหล่อน ครั้งนี้หล่อนไม่ยอมให้แม่กับพ่อบังคับเขาให้รับผิดชอบในเรื่องไม่เป็นเรื่องเด็ดขาด
“ไม่เป็นไร” เขาตักข้าวเข้าปากและพยายามทานจนหมดชาม หล่อนแอบยิ้มรินน้ำเปล่าให้เขา
“ขอบใจมาก” เขารับแก้วจากหล่อน เอ่ยปากขอบใจสีหน้าไม่ดี
เวลาที่กิตติไม่อยากให้ถึงก็มาถึงเมื่อจินดาเดินลงมาจากชั้นบนตามด้วยบัญชา ผู้ใหญ่ทั้งสองมองชายหนุ่มนิ่งๆ บัญชารู้เรื่องจากภรรยา เขาไม่คิดเช่นเดียวกับภรรยาเพราะเห็นกิตติมานาน ชายหนุ่มไม่ได้รักลูกสาวเขาเช่นคนรัก กิตติไม่ทำอะไรน่าเกลียดลงไปถ้าไม่มีใจให้นิสาลักษณ์
“เรื่องมันเป็นไงเล่าให้พ่อฟังซิ ทำไมแกสองคนถึงมานอนอยู่ในห้องรับแขกแทนที่จะขึ้นไปนอนในห้อง” บัญชาเอ่ยเสียงเรียบ
“คุณคะ ทำไมพูดยังงั้นคะ พูดแบบนี้เด็กๆ ก็ได้ใจน่ะสิคิดว่าเราให้ท้าย ลูกเราเป็นผู้หญิงนะคะมีแต่เสียเปรียบ” จินดาหันมาจ้องหน้าสามีไม่พอใจ
“แม่คะ ลักษณ์ไม่ได้เสียหายอะไรเลยนะคะ นายติไม่ได้ทำอะไรลักษณ์ ที่นายตินอนที่นี่เพราะลักษณ์ขอร้องค่ะ เมื่อคืนลักษณ์ถูกฉุด” นิสาลักษณ์ไม่รอให้พ่อหรือแม่ต้องทะเลาะกันเพราะเรื่องของหล่อนกับกิตติอีกซึ่งคำพูดของหล่อนทำให้พ่อกับแม่หันมาสนใจหล่อนด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“อะไรนะ ถูกฉุดเหรอ” พ่อเสียงดัง แม่พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“ค่ะ ลักษณ์ถูกฉุด” หญิงสาวมองหน้าพ่อสลับกับแม่ หล่อนต้องเล่าเรื่องทั้งหมดเดี๋ยวนี้เพื่อเพื่อนรักของหล่อน
“ใครฉุดแก แล้วมันเกิดเรื่องบ้าๆ นี่ได้ยังไง ทำไมแกไม่บอกพ่อ” บัญชาเสียงยังคงเดิม
“ใช่ ทำไมไม่โทร.หาแม่”
“แม่คะ แม้แต่เพื่อนลักษณ์ยังติดต่อไม่ได้ ถ้าติกับนัชไม่เป็นห่วงลักษณ์ไม่ขับรถตามมาป่านนี้ลักษณ์จะเป็นยังไงไม่รู้ ติกับนัชมาส่งลักษณ์ นัชกับติจะกลับ ลักษณ์ขอให้อยู่เป็นเพื่อน ลักษณ์ไม่กล้าปลุกพ่อกับแม่” หญิงสาวมองพ่ออย่างขอความเห็นใจและหันไปสบตาแม่อย่างขอโทษ
“นัชมันต้องกลับติอยู่กับลักษณ์ได้ก็เลยนอนที่นี่อย่างที่พ่อกับแม่เห็นนี่แหละค่ะ เรายังไม่ได้อาบน้ำ แค่กินกาแฟ ลักษณ์เพิ่งหลับตอนตีสี่นี่เองค่ะ” หล่อนหันไปมองกิตติ เขายิ้มเจื่อน
บัญชามองจินดาแล้วหันกลับไปมองลูกสาวกับเพื่อนลูก เขาอยากรู้สาเหตุที่ทำให้ลูกสาวของเขาเกือบตกเป็นเหยื่อพวกจิตต่ำ เขาหันมามองลูกแล้วเอ่ยขึ้น
“ยัยลักษณ์เล่าตั้งแต่ต้น ทำไมแกถึงถูกฉุด พ่อจะแจ้งความจับพวกมัน”
“พ่อคะ อย่าเลยค่ะ รอดูผลการกระทำของพวกมันวันนี้เถอะค่ะ” นิสาลักษณ์ห้ามพ่อ
“งั้นก็เล่ามาว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้กับแกได้ยังไง”
“ค่ะพ่อ”
หญิงสาวเล่าสาเหตุที่ทำให้หล่อนเกือบถูกลูกน้องเสี่ยอู๊ดจับไป บัญชาฟังอย่างตั้งใจ จินดาใจเต้นไปกับคำบอกเล่าของลูกสาว ทั้งสองถอนใจโล่งอกเมื่อนิสาลักษณ์เล่าจบลง
“โชคดีจริงๆ ที่ตาติมาเจอแก”
“ทีนี้แม่จะให้ติรับผิดชอบลักษณ์อีกรึเปล่า” นิสาลักษณ์ยิ้มออก กิตติยิ้มบาง
“รับสิ ยังไงแม่ต้องให้ตาติรับผิดชอบแก” จินดาหันมาจ้องหน้ากิตติ ชายหนุ่มถึงกับหุบยิ้มทันควัน
“แม่ “ นิสาลักษณ์ร้องเสียงดัง
“คุณ ตาติไม่ได้ทำอะไรลูกเราจะให้ตาติรับผิดชอบอะไรอีก เลิกคิดเถอะน่ะผมไม่เห็นด้วย”
บัญชาติงภรรยาอีกคนแต่จินดายิ้มไม่ฟังคำของสามีและไม่สนใจน้ำเสียงตกใจของลูกสาว หล่อนมองหน้าสามี มองลูกสาวแล้วหันมาหยุดที่กิตติ
“แม่จะให้ติดูแลยัยลักษณ์ คอยรับส่งยัยลักษณ์เฉพาะวันที่กลับบ้านดึกแม่ขอแค่นี้ได้มั้ย”
สาวใหญ่เอ่ยเสียงเรียบจ้องหน้าชายหนุ่มขณะพูด รอยยิ้มเจื่อนของกิตติจางหายไปเหลือแต่รอยยิ้มเต็มใจและยอมรับกับคำขอของจินดา
“ได้ครับ ด้วยความยินดีครับแม่” เขาตอบรับผู้ใหญ่สายตามองไปที่หญิงสาวซึ่งหล่อนยิ้มรอเขาอยู่
“แม่พูดซะเราตกใจหมดคิดว่าแม่จะให้ติหมั้นกับลักษณ์ซะอีก” นิสาลักษณ์เอ่ยขึ้น จินดายิ้มสบตาลูกสาวก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“แล้วใครว่าแม่จะไม่ให้หมั้นล่ะ”
“แม่!”