ตอนที่ 1
“คลื่นรักทะเลครวญ”
ที่บ้านหลังใหญ่ของมนตรี
เช้าวันเสาร์ ในห้องรับแขก บนเก้าอี้ไม้ฉาบสีทองอร่าม บุกำมะหยี่สีเลือดหมูเข้ม เนื้อนุ่มแน่น เฟอร์นิเจอร์ราคาเรือนแสนที่เพิ่งนำเข้ามาจากต่างประเทศ ร่างรัดรึงของ ‘มุก’ หรือชื่อจริงว่า ‘มุกกมล’ หญิงสาวใบหน้าชดช้อย งามแฉล้มเหมือนใบหน้าของนางในวรรณคดี รูปหน้าที่จิตรกรฝีมือดีบรรจงจรดปลายพู่กัน วาดวงคิ้วโค้งเหมือนเสี้ยวจันทร์ฝากเอาไว้เหนือดวงตาคู่คม
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวเอ่ยทัก เมื่อแฟนหนุ่มปรากฏกายขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่นคุ้นเคย
“รอนานไหมครับที่รัก” มนตรีทัก จ้องมองเรือนร่างอรชรของคนรักที่ทรุดกายรออยู่บนเก้าอี้ด้วยแววตาเปี่ยมรัก กวาดสายตาไปตามผิวพรรณขาวเนียนสะอาด ริมฝีปากอิ่มเต็มทั้งบนล่าง มีเรื่อสีชมพูจางๆ ซึ่งแท้จริงคือสีของเลือดฝาดในกายสาว ระบายเอาไว้บางๆ
“เพิ่งมาถึงค่ะ” หญิงสาวตอบ
“วันนี้คุณสวยจัง” ไม่ว่ามนตรีจะมองตรงไหน มุกก็สะสวยไปทุกสรรพางค์กาย ดวงตากลมโตคู่นั้นสุกใสราวกับดวงดาว แพขนตางอน ยาวระยับ ไม่ว่าจะในยามมองเพ่งหรือในยามกระพริบ แลเห็นประกายระยิบระยับฉาบฉาย สะท้อนแววชีวิตของวัยสาวที่กำลังสดใส วูบไหวอยู่เบื้องหลังดวงตาสีดำที่กลอกไปมาด้วยหยาดแววความมีชีวิตชีวาน่าเอ็นดู
“แล้ววันอื่น…มุกไม่สวยหรือคะ” หญิงสาวแกล้งถาม
“สวยสิครับ สวยทุกวัน” มือใหญ่ของมนตรี ลูบไปที่ศีรษะของแฟนสาวเบาๆ
“ไหนว่ามีธุระสำคัญอยากคุยกับผม…เรื่องอะไรเอ่ย?” แฟนหนุ่มเอ่ยถาม เมื่อได้ทรุดกายลงนั่งเคียงข้าง ยิ่งเห็นชัดว่าพวงแก้มสีชมพูระเรื่อนั้นยิ่งดูน่าชม ในยามที่โคมไฟเหนือเพดานห้องรับแขกที่หญิงสาวกำลังทรุดร่างเคียงข้างกับตนอยู่นั้น ทอดนวลลงมาจับต้องเสี้ยวหน้าบางส่วนของหญิงสาว ใบหน้าที่หนุ่มๆได้เห็นแล้วต้องพากันตะลึงงัน จ้องมองกันมิวางตา ซึ่งมนตรีมักจะแสดงอาการหึงหวงออกมาให้เห็นบ่อยๆ
มุกเคยตำหนิ หลายๆครั้งที่มนตรีมักจะแสดงอารมณ์หึงหวงในตัวเธอออกมาอย่างไม่มีเหตุผล บางครั้งมุกก็อดที่จะรำคาญไม่ได้ ทั้งที่เหตุแห่งความงามที่บังเอิญไปต้องตาต้องใจบรรดาชายหนุ่มนั้น‘ไม่ใช่ความผิดของมุกสักหน่อย’ เป็นถ้อยคำที่หญิงสาวกล่าวกับแฟนหนุ่มบ่อยๆเช่นกัน ในยามที่เขาเผลอทำหน้าง้ำงอนเพราะหึงหวง เวลาที่มีสายตาของผู้ชายจับจ้อง มองมาที่เธออย่างให้ความสนใจ
“มนตรีคะ” มุกทำเสียงหวาน
“ครับ” มนตรีรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังอ้อน
“ก่อนแต่งงาน…มุกขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะมนตรี” หญิงสาวกล่าว ส่งสายตาหวานวาวให้กับว่าที่สามีในอนาคตที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“หืม...ว่าอะไรนะ” มนตรียังไม่ละจากหนังสือพิมพ์ตรงหน้า ดวงตารูปวงรีหรี่เล็กที่บางครั้งแทบจะแยกไม่ออกว่ากำลังลืมหรือหลับ ขยับเพ่งผ่านกรอบแว่นสายตาหนาเตอะไปมา สายตาจริงจัง จดจ่ออยู่กับคอลัมน์วิเคราะห์หุ้นมากกว่าจะให้ความสนใจกับถ้อยคำที่แฟนสาวเพิ่งกล่าวออกมา
“มุกพูดว่า…ขออะไรมนตรีสักอย่างได้ไหมคะ?” หญิงสาวกล่าวขึ้นอีกครั้ง เมื่อดูเหมือนว่าคำถามแรกจะไม่ได้รับการสนองตอบ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับมาจากแฟนหนุ่ม
หญิงสาวพยายามส่งสายตาออดอ้อน หากเปล่าประโยชน์ เพราะมนตรียังคงกวาดสายตาไปตามหน้าหนังสือพิมพ์อย่างให้ความสำคัญ เมื่อเห็นเช่นนั้นมุกจึงชิงกล่าวต่อโดยไม่รอให้มนตรีถามให้เสียเวลา
“มุกอยากไปเที่ยวทะเลค่ะ” หญิงสาวกล่าว
และมันได้ผล มนตรีหยุดกึก ละสายตาจากหน้าหนังสือพิมพ์ ดวงตาหรี่เล็กเพราะสืบทอดเชื้อสายจีนมาบรรพบุรุษ
แม้เตี่ยของมนตรีจะแต่งงานกับแม่ซึ่งมีรูปพรรณสัณฐานของผู้หญิงซึ่งมีเชื้อสายไทยแท้ ทว่ารูปร่างหน้าตาของมนตรีก็ยังคงเชื้อสายจีนเอาไว้ในเอกลักษณ์ ที่ปรากฏเด่นชัดอยู่เต็มอัตลักษณ์อย่างไม่ผิดเพี้ยนไปจากบรรพบุรุษข้างเตี่ย
“อะไรนะ!...” แนวคิ้วรูปสามเหลี่ยมที่แลเห็นไรขนเพียงบางๆของมนตรี เลิกขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ
“มุกขอไปเที่ยวทะเล…ถือโอกาสฮันนี่มูนกันก่อนแต่งงานก็ดีนะคะ” หญิงสาวออกความเห็น สีหน้าระรื่น ตื่นเต้น หวังว่าสีหน้าของแฟนหนุ่มจะคล้อยตาม ทว่ากลับไม่เป็นไปตามที่หญิงสาวคิด
“อีกไม่กี่วันเราก็จะแต่งงานกันแล้ว…รอหลังแต่งงานดีกว่านะมุก จำไม่ได้หรือว่าเตี่ยผมกำชับกำชาว่าคนที่กำลังเตรียมตัวจะเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว ห้ามเดินทางไกลเด็ดขาดในช่วงนี้ เพราะโบราณเขาถือ” มนตรีกล่าวตามที่เตี่ยและแม่สั่งเอาไว้
“รู้ค่ะ…ห้ามเดินทางไกล ห้ามลองชุดแต่งงานแบบเต็มยศครบชุด ห้ามฝึกเซ็นนามสกุลใหม่ล่วงหน้า ห้ามโน่นห้ามนี่ มีแต่ห้ามๆๆๆๆ สารพัดจะห้าม” มุกกระแทกเสียงเล็กๆพอให้รู้ว่าประชดประชัน
“โบราณเขาถือนะมุก” มนตรีกล่าว
“โบราณถือ…แต่มุกไม่ถือนี่คะ” ใบหน้าสวยนั้นปั้นปึ่ง บึ้งตึงน้อยๆ เมื่อแฟนหนุ่มไม่อ่อนโอนเอาใจ
“เชื่อโบราณไว้ก็ดีนะมุก” มนตรีติงแฟนสาวอีกครั้ง