บท
ตั้งค่า

EP:10 หลงรัก

..เวลาผ่านไป

ที่บ้านหลังใหญ่ของโอนิกซ์

เพราะเพียงขวัญยังไม่แข็งแรง เธอจึงไม่สามารถดูแลลูกแฝดได้อย่างเต็มที่ นั่นจึงทำให้โอนิกซ์นั้นต้องจ้างพี่เลี้ยงมาคอยช่วยดูแล และคนคนนั้นก็ต้องไว้ใจได้ ถึงเขาจะช่วยเธอเลี้ยงได้ แต่ยังไงก็เป็นผู้ชาย ความละเอียดอ่อนก็ไม่เท่ากับผู้หญิงอยู่ดี

การเลี้ยงเด็กอ่อนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถึงโอนิกซ์จะเตรียมตัวตั้งรับกับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว แต่ยังไงก็ต้องมีพี่เลี้ยงอยู่ดี

“เพียงขวัญ...”

“คะคุณนิค?”

“แผลของเธอเป็นยังไงบ้าง”

“ดีขึ้นแล้วค่ะ”

“อืมก็...ดีแล้วล่ะ”

“......” เพียงขวัญมองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลแล้วเขาจะถามเธอแบบนี้ทุกวัน จนกระทั่งกลับบ้านก็ยังถามอยู่ ไม่ถามเนี่ยสิดูแปลกไปเลย

“งั้นก็พักเถอะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูลูกให้เอง”

“คุณไม่ออกไปทำงานเหรอคะ?”

“วันนี้ไม่ล่ะ อยากอยู่กับลูก”

มีพี่เลี้ยงก็จริงแต่ในฐานะคุณพ่อที่เห่อลูกแฝดอย่างเขาก็ไม่ยอมห่างลูกๆ เลยเช่นกัน ที่ต้องจ้างเพราะกลัวดูแลได้ไม่ดีทั้งสองคนต่างหาก

เพียงขวัญมองดูโอนิกซ์อุ้มลูกขึ้นมาอยู่บนอก เขาประคับประคองเป็นอย่างดี น้ำเสียงที่เปล่งเจรจากับลูกน้อยในอ้อมอกนั้นมันช่างหวานละมุนจริงๆ ซึ่งมันก็ไม่ได้ขัดกับหน้าตาขนาดนั้นหรอก

บางมุมออกแนวผู้ชายโหดเถื่อนน่ากลัว แต่พอลองใช้ส่วนลึกของตัวเรามองดูแล้ว นั่นมันก็แค่เปลือกที่เขาแสดงออกมาก็เท่านั้นเอง

ที่จริงเขาก็เป็นคนดีนะ คนดีคนนึงเลยก็ว่าได้แหละ เอาใจใส่คนอื่นเก่ง แต่มันก็น่าแปลกใจอยู่แหละ ว่าคนแบบเขาทำไมถึงไม่มีใครข้างกายเลย ความเป็นจริงผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างเขามีคนที่เหมาะสมมากกว่าเธอตั้งมากมาย

“โตกว่านี้อีกนิด ฉันจะให้ครูมาสอนพิเศษที่บ้าน พอเข้าอนุบาลฉันก็จะส่งเรียนโรงเรียนเอกชนเลย โตขึ้นอีกหน่อยก็ให้เรียนโรงเรียนนานาชาติเลย”

“โห...” ไม่คิดว่าเขาจะวางแผนไว้ขนาดนี้นะเนี่ย ผู้ชายแบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าหัวหน้าครอบครัว วางแผนอนาคตไว้ให้กับทุกคนในครอบครัวหมดเลย

ยิ่งมองยิ่งรู้สึกอบอุ่น ยิ่งเห็นหน้าเขาเธอยิ่งมีความสุข มันดีจนเธอไม่อยากให้มันมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอีกเลย

ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายหรอก ตอนนี้กลับอยากเห็นแก่ตัวครอบครองคนดีๆ แบบเขาไว้ข้างกายตลอดไปเลยแล้วสิ คนอย่างเขาถ้าต้องเป็นของคนอื่นไป เสียดายแย่เลยล่ะ

“โตขึ้นน่ะ อย่าดื้อกับแม่นะครับเด็กๆ เพราะพ่อต้องทำงาน คนที่ดูแลพวกหนูก็จะเป็นแม่นะครับ ถ้าดื้อให้แม่ต้องปวดหัวนะ พ่อจะตีตูดปั่บๆ เลย”

“หึหึ คุณนิคพูดอย่างกับลูกรู้ความแล้วงั้นแหละ” เธอตลกเขา ตลกที่เขาพูดกับลูกนั่นแหละ สองแฝดยังเป็นเด็กทารกอยู่เลย คงจะเข้าใจที่พ่อของตัวเองพูดอยู่หรอกนะ

“มันก็ต้องแบบนี้แหละ สอนกันเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โตขึ้นแล้วจะได้เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย”

คำพูดของเขาบางประโยคมันก็ทำให้เธอรู้สึกว่าเขามีอะไรในใจ เหมือนมีเรื่องอึดอัดที่เก็บไว้อยู่ในนั้น เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเขามีปัญหากับครอบครัว

“คุณนิค...”

“ว่าไง?”

“จริงๆ ฉันก็ไม่ได้อยากพูดแบบนี้ ไม่อยากก้าวก่ายคุณ แต่จะบอกว่า มีอะไรก็พูดกับฉันได้นะคะ ถ้ามันทำให้คุณรู้สึกดี”

“แล้วทำไมฉันต้องเอาเรื่องของตัวเองไปเล่าให้คนอื่นฟังเพื่อให้ตัวเองสบายใจด้วย?”

“ผลวิจัยบอกว่า การได้พูดอะไรสักอย่างให้คนอื่นฟัง มันไม่ใช่การเอาเรื่องหนักใจไปให้คนนั้น แต่มันคือการได้ระบายความอึดอัดในใจ มันก็ดีกว่าไม่ได้พูดอะไรเลย”

“พูดอย่างกับว่าตัวเองเป็นที่ปรึกษาให้คนอื่นได้ดีงั้นล่ะ”

“ก็ประมาณนึงค่ะ แต่ถ้าคุณนิคไม่อยากพูด ก็ไม่เป็นอะไรนะคะ ฉันโอเคค่ะ แค่อยากแนะนำเฉยๆ ค่ะ ไม่มีอะไร”

“ขอบคุณนะ”

ตอนแรกก็คิดว่าจะถูกเขาโกรธที่อยู่ ๆ ก็ดันไปแนะนำแบบนั้น บางคนพร้อมรับคำแนะนำก็จริง แต่บางคนก็ใช่ว่าจะยอม เช่นคนดูภายนอกแข็งๆ อย่างเขา

ไม่คิดว่าจะได้รับคำขอบคุณจากเขาซะด้วยซ้ำ

“ยินดีค่ะ”

“ลูกโตแล้ว เธออยากจะกลับไปทำงาน ฉันก็ไม่ว่านะ”

“???”

“ฉันหมายถึง ตอนลูกไปโรงเรียนแล้วไง เธออยากไปทำงานก็ได้ ฉันไม่ได้ห้าม”

“อ๋อเหรอ..”

“เดี๋ยวถ้าฉันกักตัวเธอไว้ไม่ให้ไปไหน ก็หาว่าฉันใจร้ายอีก”

“ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นสักหน่อย”

“งั้นเหรอ หึหึ”

“หัวเราะอะไรคะคุณนิค”

เพียงขวัญทำหน้าบูด การสนทนาของเธอและเขามันดูเหมือนจะทะเลาะกันแต่มันก็ไม่ใช่ มันเหมือนสามีภรรยาที่กำลังหยอกล้อกันด้วยคำพูดเสียมากกว่า และนั่นจึงทำให้คนอื่นนั้นเชื่อใจไปแล้วว่าทั้งสองคือคนรักกันจริงๆ

“เธอนี่มันโกหกไม่เนียนเลยจริงๆ นะ”

“ชิ!!”

เธอไม่อยากจะเถียงหรือทะเลาะอะไรกับคนอย่างเขาอีกแล้ว พูดอะไรไปก็ดูเหมือนว่าเขาจะเดาทางได้หมดเลย

จับผิดคนอื่นเก่งจริงๆ นะ เป็นนักธุรกิจหรือเป็นตำรวจสอบสวนกัน เพียงขวัญได้แต่นั่งคิดอยู่ในใจ

ตกช่วงดึก...

“ฉันคอยดูลูกเองก็ได้ค่ะ คุณพักผ่อนเถอะ วันนี้ดูลูกมากทั้งวันแล้ว”

“ไม่เป็นไร ลูกของเรา เราก็ต้องช่วยกันดูแลสิ”

“.....” ประโยคที่เขาพูด ลูกของเรา มันทำให้เธอรู้สึกดีและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

การที่เขาพูดแบบนั้นมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้กลายเป็นส่วนนึงของครอบครัวนี้แล้วโดยปริยาย

ครอบครัวที่แม้จะมีแค่เขา แต่มันก็อบอุ่นมากๆ เลย

“เลี้ยงเด็กมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถ้าฉันไม่รู้ว่าเธอท้อง ป่านนี้เธอจะเลี้ยงลูกยังไง”

“ก็คงช่วยกันเลี้ยงกับป้าเหยียนล่ะมั้งคะ”

“มันน่าจริงๆ”

“เอ้า? ฉันก็บอกเหตุผลคุณไปหมดแล้วนี่คะ คิดว่าจะเข้าใจแล้วซะอีก”

“ไม่เข้าใจเลยสักนิด”

“ขอโทษค่ะ”

ตอนนั้นถ้าเขาไม่รู้ว่าเธอท้อง ปัจจุบันนี้เธอก็คงจะเลี้ยงลูกเอง โดยที่มีป้าเหยียนคอยเป็นคนช่วยดูแล แต่ก็ยอมรับว่ามันคงไม่ดีเท่านี้ แต่เธอก็ไม่คิดจะปล่อยให้ลูกต้องลำบากหรอก อย่างน้อยเงินเก็บและกิจการเล็กๆ ของเธอก็ยังพอที่จะเลี้ยงลูกและส่งเสียให้ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆ ได้

แต่พอมีเขามันดีขึ้นจนเธอคิดว่ามันเป็นความฝัน

ซึ่งถ้าเลือกได้ก็ขอมีเขาจะดีกว่า ถึงตอนนี้เธอก็หมดสิทธิ์จะปฏิเสธในสิ่งต่างๆ แล้วล่ะ เพราะเธอจดทะเบียนสมรสเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาแล้ว แม้ในทางพฤตินัยเธอกับเขาจะยังไม่เคยได้ทำกันอีกก็เถอะ

“ทำไมไม่นอนล่ะ มองหน้าฉันแล้วมันทำให้นอนหลับหรือไง”

“เปล่าค่ะ ฉันแค่ไม่ง่วง”

“หมอบอกว่าเธอยังออกแรงมากไม่ได้ เพราะฉะนั้นฉันจะดูลูกอุ้มลูกให้เอง”

“เข้าใจแล้วค่ะ”

เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ ส่วนเธอก็มีหน้าที่แค่นอนดูเขาทำหน้าที่พ่อก็เท่านั้นแหละ

“รอยสักข้างหลังของคุณ มันแปลว่าอะไรเหรอคะ มีความหมายมั้ย ฉันไม่เคยเห็นเลยแบบนี้”

“ไม่มีหรอก”

“งั้นคุณชอบแบบนี้เหรอคะ”

“ก็ไม่เชิง”

“.....”

“แค่สักปกปิดร่องรอยในอดีตน่ะ”

พอเขาพูดมาอย่างนั้นเธอก็อยากรู้ขึ้นมาทันทีเลย แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะคำว่าอดีตมันคงจำเจ็บปวดมาก สำหรับใครบางคน ถึงขั้นมีรอยสักปกปิดเอาไว้ ตรงนั้นของเขาก็คงจะมีรอยแผลเป็น หรือไม่ก็ความทรงจำแย่ๆ เขาเลยปกปิดมันด้วยวิธีนี้

“เธอไม่ต้องอยากรู้หรอก ที่ฉันไม่พูด เพราะมันอาจทำให้เธอรู้สึกหดหู่ได้”

“คุณห่วงความรู้สึกฉันหรอกเหรอคะ?”

“อืม คนอย่างเธอคงอยู่ในโลกสวยๆ มาก่อน อย่าต้องมาเจอเรื่องอะไรรุนแรงเลย มองโลกในแง่ดีนั่นแหละดีแล้ว”

“......”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel