EP:02 รับผิดชอบ
น้ำเสียงนี้มันทำเอาเธอตกใจจนนั่งตัวแข็ง เธอจำได้ดีเลย เธอไม่เคยลืม เป็นเขาหรอกเหรอที่อยากเจอเธอ ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้
มือเล็กกุมท้องของตัวเองไว้แน่น ท้องใหญ่แบบนี้จะปกปิดก็คงไม่ได้แล้วสินะ
“หายไปหลายเดือน ฉันคิดว่าเธอจะติดต่อกลับมา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ก่อนจะหันมองเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน สายตาที่แข็งกร้าวนั้นมันทำให้เธอรีบหลบสายตาของเขาด้วยความกลัว
“คือว่า...”
“จะพูดอะไรอีก?”
“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ เด็กในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของคุณหรอก ฉันแต่งงานมีสามีแล้วค่ะ”
“หน้าตาของฉันเหมือนคนโง่ขนาดนั้นเลยหรือไง?!”
น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของเขาทำเอาเธอตกใจจนสะดุ้ง คอหดเหมือนกับสัตว์ที่กำลังหวาดกลัว แหงล่ะ น้ำเสียงของเขามันทุ้มน่ากลัวมากเลยด้วย
“ปะ เปล่านะคะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย”
“แต่งงานแล้วไหนล่ะสามีของเธอ ทำไมไม่เห็นมาช่วยเธอทำงาน ฉันเห็นเธอทำงานอยู่คนเดียว”
“เอ่อ...ระ เราแยกกันอยู่ค่ะ เขาทำงานอยู่อีกที่นึง”
“ขนาดนี้แล้ว เธอยังจะโกหกอีกเหรอ หน้าตาฉันเหมือนเด็กอมมือหรือยังไง?”
“คะ คุณพูดอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจ”
พรึ่บ!
เอกสารซองสีน้ำตาลถูกยื่นให้แก่เธอ ถึงจะยังตกใจอยู่แต่ก็จำใจต้องรับเอกสารมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่เธอนั้นจะเปิดดูข้อความด้านใน
“นะ นี่มัน...”
“คิดว่าฉันจะเข้ามาหาเธอสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่มีหลักฐานหรือไง ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ”
เอกสารที่ว่ามันคือเอกสารที่เป็นผลตรวจของเธอตั้งแต่เริ่ม ข้อมูลต่างๆ จากทางโรงพยาบาลที่เธอเคยกรอก ตอนนี้มันอยู่ในมือของเขาแล้ว และก็แน่นอนว่าเขารู้หมดทุกอย่างแล้วด้วย
หมดสิทธิ์ที่จะหาเรื่องปฏิเสธเสียแล้วสิ หลักฐานมาแน่นขนาดนี้ เธอจะไปหลีกเลี่ยงได้ยังไงกัน
“คุณไปเอา...”
“เอามาจากไหนไม่สำคัญ ทำไมถึงไม่ทำตามที่ฉันพูด?”
“เอ่อคือ...”
“ถ้าตอบไม่ได้ ฉันก็ไม่ให้เธอลงจากรถหรอกนะ”
“เรื่องมันยาว อีกอย่างความรู้สึกมันก็อธิบายยาก”
“พูดมา ฉันมีเวลาฟัง”
น้ำเสียงเรียบเฉยเปล่งออกมาจากปากของเขา ด้วยท่าทางที่เหมือนคนสบายใจมันทำเอาเธออึดอัดมากๆ เลย
“ฉันมีงานต้องทำ ฉันไม่มีเวลามาพูดหรอกนะ” เธอกำลังจะเปิดประตูออกไป แต่ก็ออกไม่ได้เพราะประตูรถนั้นถูกล็อคโดยเขา
“ฉันบอกว่าออกไปไหนไม่ได้ ก็คือไม่ได้”
“แต่คุณมาขังฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะ”
“ได้สิ ฉันจะทำแล้วใครมันจะทำไม?”
“คุณ!”
“เด็กแฝดในท้องของเธอก็คือลูกของฉัน อย่ามาปฏิเสธว่าไม่ใช่”
“คุณยังไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอเลยนะ จะมั่นใจได้ยังไง”
“เธอมั่วผู้ชายขนาดนั้นเลยหรือไง”
“ใช่ค่ะ ฉันมั่วมาก เอาจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จนท้องฉันก็ไม่มั่นใจว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง”
“งั้นฉันจะทำให้เธอรู้เอง ฉันจะให้คนของฉันไปจับตัวผู้ชายที่เธอรู้จักดีมั้ย จะได้รู้ว่าใครคือพ่อของเด็ก จากนั้นก็ฆ่าทิ้งให้หมด จะเป็นพ่อเด็กหรือไม่เป็นก็ตาม”
“จะบ้าเหรอคุณ ทำแบบนั้นได้ยังไง ชีวิตคนทั้งชีวิตเลยนะ จะมาฆ่ากันเป็นผักเป็นปลาได้ยังไงกัน!”
“แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้?”
“ก็ได้ๆ ฉันยอมรับก็ได้ เดี๋ยวจะบอก จะพูดให้ฟังหมดเลย แต่ตอนนี้ฉันขอออกไปข้างนอกได้มั้ย มันเวียนหัวจนคลื่นไส้แล้ว”
“.....” เขาทำหน้าเหมือนกำลังชั่งใจแต่แล้วก็ยอมให้เธอนั้นออกมาจากรถของเขา “ฉันจะรอเธอที่นี่ เสร็จแล้วรีบออกมา”
เพียงขวัญพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ยังดีที่อุบายนี้มันได้ผล เพราะเธอไม่รู้จะหาวิธีไหนให้ตัวเองหลุดออกมาแล้วจริงๆ ขืนยังอยู่แล้วถูกเขานั้นข่มขู่บังคับให้พูด มีหวังเธอได้เครียดหนักแน่ๆ แค่นี้ก็ตกใจจนทำตัวไม่ถูกแล้ว
จู่ๆ เขาก็โผล่มา ก่อนหน้านั้นหายไปไหนกัน
เวลาต่อมา...
เพียงขวัญต้องออกมาเจอกับเขา เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมกลับไปเลย ครั้นเธอจะเอาแต่อยู่ในบริษัทก็เห็นทีว่าไม่ดีนักหรอก เขาหัวรั้นไม่ยอมกลับขนาดนั้น เธอจะทำยังไงถ้าไม่ออกไป คนอื่นๆ อาจจะพากันเดือดร้อนก็ได้
“ไง คิดคำตอบได้แล้วเหรอ หายไปนานเหมือนกันนะ” ถึงเธอจะหายไปนานแต่เขาก็ดูเหมือนไม่ร้อนรนอะไรเลย กลับกันท่าทีของเขายังดูใจเย็นไม่เปลี่ยนเลยด้วย
“ฉัน...มีเรื่องจะตกลงกับคุณ”
“ว่ามาสิ”
“เรื่องเด็กฉันไม่ได้อยากผูกมัดตั้งแต่แรก เพราะมันเป็นเรื่อง...ที่เราไม่ได้อยากให้เกิด คุณเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ฉันคงไม่กล้าแบกหน้าอุ้มท้องไปให้คุณรับผิดชอบหรอก”
“ฉันเคยบอกว่าไง?”
“เอ่อ...”
“เธอกล้ามากนะ ถ้าลูกของฉันเป็นอะไรขึ้นมา เธอจะทำยังไง”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า ส่วนเรื่องที่คุณคิดว่าฉันจะเอาเด็กออก ลบไปได้เลยฉันไม่ได้คิดแต่แรกอยู่แล้ว”
“.....” ชายหนุ่มถอนหายใจแรง ก่อนที่เขาจะขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ กับเธอ แต่ถูกเธอนั้นถอยหนี เพราะสิ่งที่เขาสร้างเป็นภาพจำไว้ก่อนหน้านี้คือผู้ชายที่น่ากลัว
“คุณจะทำอะไรคะ?”
“ทำไมถึงไม่บอกฉันเรื่องลูก ไม่นับเรื่องที่เธอบอกว่าไม่อยากให้ฉันรับผิดชอบ ฉันเป็นพ่อฉันมีสิทธิ์รับรู้”
“ก็ฉันไม่รู้จะติดต่อคุณยังไงนี่คะ”
“แล้วคิดเหรอว่าจะเลี้ยงเด็กแฝดได้ บริษัทของเธอก็เล็กเท่ารูหนู รายได้ก็แค่เศษเงิน”
“นี่คุณ อย่าดูถูกเงินคนอื่นสิคะ”
“แล้วฉันพูดผิดหรือไง”
“.....” เธอไม่กล้าตอบ เพราะที่เขาพูดมันก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย มันก็ถูกอย่างว่านั่นแหละ
“ไปกับฉัน ไปอยู่กับฉัน”
“ดะ เดี๋ยวสิ คุณบ้าไปแล้วเหรอ อยู่ๆ จะมาบังคับให้ฉันไปอยู่ด้วย ฉันเองก็มีบ้านนะ มีคนที่บ้านต้องดูแลด้วย ไหนจะงานอีก”
“คนที่บ้านของเธอขนไปอยู่ที่บ้านของฉันให้หมด เสื้อผ้าของใช้ขนออกมา ต่อไปนี้เธอจะต้องอยู่กับฉัน อยู่ในความดูแลของฉัน ในสายตาของฉัน เข้าใจหรือเปล่า?”
บังคับกันขนาดนี้เธอไม่เข้าใจได้ด้วยเหรอ แต่มันก็ยังขัดใจอยู่ดีนั่นแหละ เขาทำเหมือนกับว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่รู้จักการดูแลตัวเองระหว่างที่ท้อง ที่ผ่านมาเธอก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ไม่รู้ความตรงไหนกัน
“คะ คุณ แบบนี้มัน...”
“ไม่ใช่การบังคับ แต่ฉันต้องการที่จะดูแลลูกของฉัน ที่อยู่ในท้องของเธอ!”
ที่แท้เขาก็ต้องการแค่เด็กในท้องนี่เอง ทำเป็นพูดใหญ่โตไปซะได้ พูดตามตรงกับเธอตั้งแต่แรกก็จบแล้ว
“แล้วหลังจากที่คลอดล่ะเราจะเป็นยังไงต่อ แต่บอกก่อนนะลูกฉันฉันไม่ยกให้คุณเด็ดขาด”
“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที”
ถึงเธอจะไม่ได้รวยแต่เธอก็รู้กฎหมายอยู่นะ ลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ย่อมเป็นสิทธิ์ขาดของคนเป็นแม่อยู่แล้ว ต่อให้เขาจะรวยหรือใช้วิธีสกปรกแค่ไหน เธอก็จะสู้เพื่อลูกของตัวเอง ในฐานะแม่คนนึงที่อุ้มท้องมาเก้าเดือน
“ละ แล้วฉันต้องไปเมื่อไหร่”
“วันนี้ เดี๋ยวนี้เลย”
“ห๊ะ!! มะ มันเร็วไป ฉันขอเวลาหน่อยได้หรือเปล่า”
“ไม่ได้ ไม่มีเวลาอะไรให้ทั้งนั้น โทรกลับไปบอกคนที่บ้านของเธอให้เก็บของและเตรียมย้ายเข้ามาที่บ้านของฉัน ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยภายในสามวัน”
“.....” นี่มันเป็นการบังคับกันชัดๆ อยากรับผิดชอบแบบไหนเอาแต่ใจตัวเองขนาดนี้
“ฉันพูดคำไหนคำนั้น ไม่คืนคำ ไม่มีต่อรอง”
“ค่ะ”