บทที่ 4
"ปล่อย! ถ้าไม่งั้นฉันจะ.." หญิงสาวที่ถูกจับตรึงไว้กับผนังห้อง ไม่มีแรงแม้แต่จะช่วยตัวเอง ทำได้แค่กัดฟันพูดออกมาเบาๆ
"จะอะไร"
"จะอะไรก็เรื่องของฉัน แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาจับฉันไว้แบบนี้"
"อย่ามาถามหาสิทธิ์จากฉัน และฉันก็ไม่กลัวด้วยถ้าเธอจะร้อง" สายตาคมกรอกมองเข้าไปในห้อง เพื่อสื่อให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
"ฉันเป็นคนอื่นยังห่วงพ่อของคุณ คุณเป็นลูกแท้ๆ ทำไมถึงไม่ห่วง" เพราะถ้าเธอร้อง คนที่อยู่ในห้องมีหวังได้ช็อคหัวใจวายแน่
"เธอก็ต้องห่วงสิ ถ้าพ่อฉันตาย ทุกอย่างที่เธอทำมามันก็จบ" เพราะสมบัติของพ่อทุกอย่างจะกลับมาอยู่ที่ตัวเขา รวมทั้งหุ้นที่ให้เป็นชื่อของเธอ เพราะตามกฎหมายแล้วหุ้นนั้นยังโอนกันไม่สำเร็จ
..สมองเขาคิดได้แค่นี้เองเหรอ "ฉันคงไม่มีปัญญาไปเปลี่ยนความคิดในหัวของคุณได้ แล้วแต่คุณจะคิดแล้วกัน"
"สิ่งที่ฉันคิดมันถูกใช่ไหมล่ะ" เขากัดฟันพูดในขณะที่โน้มลงมาใกล้
อึบ! "โอ๊ยยย"
"หนูอิง.. "
"ขาคุณลุง"
"เสียงอะไรลูก"
"เสียงหมาหอนค่ะ" พอเป็นอิสระหญิงสาวก็รีบเข้าไปในห้องของผู้เป็นลุง แล้วปิดประตูล็อกไว้
"อือออ ฝากไว้ก่อนเถอะมึง โอ๊ยยย" ชายหนุ่มแทบจะลงไปนอนขดอยู่กับพื้น เพราะถูกเข่าตรงกล่องดวงใจ
เช้าวันต่อมา..
แทนคุณยังโมโหเรื่องเมื่อคืนนี้ไม่หาย เพราะถึงตอนนี้ยังไม่หายเจ็บเลย ชายหนุ่มรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาข้างล่าง
"ไม่เข้าบริษัทเหรอ" เห็นแค่ชุดที่ลูกชายใส่ก็บอกได้แล้วว่าคงไม่เข้าบริษัท
"ผมจะไปทำไมในเมื่อพ่อมีคนที่ไว้ใจได้ดูแลอยู่..ไม่ใช่หรือครับ" ลงมาข้างล่างก็เห็นแต่พยาบาลส่วนตัว เพราะถ้าเธอยังอยู่เธอคนนั้นก็จะทำหน้าที่นี้
"ฉันไม่อยากจะเปรียบแกใส่กับลูกคนอื่น แต่แกก็ทำให้ฉันต้องเปรียบ"
"เอาที่พ่อสบายใจเลยครับ"
"แล้วนั่นแกจะไปไหน!"
"ไปหาเมีย..วันนี้จะพาเมียไปช้อปปิ้งสักหน่อย" ก่อนที่จะพูดคำนี้เขาได้ดูดีแล้วว่าพ่อคงจะไม่ช็อค รวมทั้งมีพยาบาลคอยดูแลไม่ห่าง
"ดูมันนะ ถ้าฉันตายไปจะหมดห่วงได้ยังไง"
"คุณท่านอย่าพูดแบบนี้อีกนะคะ" แม่บ้านที่ยืนอยู่ตรงนั้นรีบเข้ามาห้ามปราม
"ไอ้พวกนั้นเอาอะไรล้างสมองมัน หายใจเข้าหายใจออกก็มีแต่คนบ้านนั้น"
"พอแล้วค่ะท่าน หายใจเข้าลึกๆ ก่อนค่ะ" พยาบาลที่ดูแลเริ่มเห็นท่านหายใจติดขัด
[บริษัทเทพประทาน]
บริษัทนี้เป็นบริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์หลายรูปแบบ จริงๆ แล้วน้ำอิงไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้เลย เดือนแรกที่เธอเข้ามารับตำแหน่งผู้ดูแลแทนคุณลุงของเธอ หญิงสาวพยายามหาข้อมูลทุกอย่างจะถามใครก็ไม่ได้ เพราะดูเหมือนทุกคนไม่พอใจที่เธอเข้ามารับตำแหน่งนี้ และเธอก็ถอยไม่ได้ด้วย เพราะถือว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทของวงศ์ตระกูล ถึงแม้ว่าแม่จะถูกตัดออกไปจากกองมรดกแล้ว แต่เธอก็ไม่อยากให้มันไปตกอยู่ที่มือของคนอื่น
"ฉันบอกว่าขอกาแฟไงคะ" ดวงตางามมองแก้วที่เพิ่งจะถูกวางลงตรงหน้า
"กาแฟหมดแล้วค่ะ ผู้บริหารท่านอื่นกินไปหมดแล้ว" แม้แต่เลขาหน้าห้อง ยังไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งเรื่องนี้เธอไม่ได้ไปเล่าให้ลุงฟัง เพราะท่านบอกว่าคนนี้เชื่อใจได้
แต่น้ำอิงคิดว่าตัวเองเอาอยู่ก็เลยปล่อยไปก่อน เพราะเธอมีเรื่องที่ต้องใช้คนพวกนี้อีก
หญิงสาวล้วงเอากาแฟในกระเป๋า แล้วเดินออกไปที่ห้องเครื่องดื่ม ซึ่งมีไว้สำหรับผู้บริหารทุกคน ถ้าเรื่องแค่นี้เธอจัดการไม่ได้แล้วจะทำงานใหญ่ได้ยังไง..