ตอนที่ 5 โชคชะตากลั่นแกล้ง
“ขอบคุณนะน่านน้ำที่มาส่ง”
ก่อนจะลงจากรถโดนัทก็หันไปส่งรอยยิ้มหวานและเอ่ยขอบคุณเพื่อนชาย เธอมักจะขอบคุณเขาทุกครั้งเพื่อหาเรื่องคุยกันก่อนที่จะลงจากรถ แต่ก็เป็นอย่างเคย เพื่อนของเธอมักจะตอบกลับมาแค่สั้นๆ
“ฉันกลับล่ะ”
“อื้ม ขับรถดีๆ นะ ฉันเป็นห่วง”
น่านน้ำพยักหน้ารับ โดนัทก็เปิดประตูลงจากรถแล้วไปยืนอยู่หน้าประตูรั้วโบกมือลา เธอยืนมองจนรถของเขาลับสายตาออกไปไกลถึงจะเปิดประตูเข้าไปในบ้าน
รถของน่านน้ำเคลื่อนตัวเข้าไปจอดที่โรงจอดรถ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาเห็นแสงไฟจากบ้านข้างๆ สว่าง ไฟเปิดทั้งหลังแบบนี้แสดงว่ามีคนมาเช่าแล้วสินะ
น่านน้ำเดินเข้าไปในบ้านก็ตรงเข้าไปในครัวเพื่อไปหาอะไรกิน ส่วนน้องชายของเขาป่านนี้คงจะอาบน้ำนอนเล่นอยู่บนห้องแล้ว เพราะนี่ก็ใกล้เวลาสองทุ่ม
เมื่อกินข้าวเสร็จน่านน้ำก็ขึ้นไปยังห้องนอนของตน ตอนที่เดินเข้าห้องก็รั้งเสื้อแล้วถอดออกเผยผิวกายช่วงบนด้วยความเคยชิน จังหวะที่เขาเหลือบมองออกไปทางหน้าต่าง ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่คล้ายกับว่าแอบมองเขาแก้ผ้าอยู่
แพรวาที่กำลังจะปิดหน้าต่างห้องนอน แต่ก็จับจังหวะตอนที่เจ้าของห้องในบ้านอีกหลังเดินเข้าห้องมา แล้วก็ถอดเสื้อของเขาออกพอดี แค่เห็นจากไกลๆ เธอก็รู้แล้วว่าเป็นพี่ชายของน้องน่านฟ้า ซึ่งก็คือชายหนุ่มที่เธอพลาดไปมีอะไรด้วย แพรวาจึงรีบปิดผ้าม่านเพื่อไม่ให้เขามองเห็นเธอ และก็หวังว่าจะยังไม่ทันเห็น
น่านน้ำเดินเข้าไปยืนริมหน้าต่าง ยืนมองไปที่บ้านหลังนั้น แต่ภายในบ้านกลับเงียบสงบ กะจะมองให้เห็นชัดๆ อีกครั้งว่าเธอเป็นใครกันแน่ เพราะเมื่อกี้มองเห็นแค่แวบเดียวแล้วเธอก็หลบไป เขายืนมองอยู่ชั่วครู่เมื่อไม่มีใครแสดงตัวจึงได้ปิดผ้าม่านแล้วเข้าไปอาบน้ำ
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะหลบซ่อนใบหน้า หรือรู้สึกอายที่เห็นเขากำลังเห็นเขาถอดเสื้ออยู่กันแน่
แพรวายื่นมือไปเปิดผ้าม่านเล็กน้อย แล้วแอบมองไปที่ห้องของอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าผ้าม่านในห้องของเขาได้ปิดไปแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งใจ จากนั้นเธอก็รีบปิดหน้าต่างห้องนอนของตัวเองแล้วขึ้นไปนอนบนเตียง
ช่วงเวลาก่อนเข้านอนแพรวามักจะชอบหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เธอพลิกหน้าหนังสืออ่านไปได้เพียงไม่กี่บรรทัดก็รู้สึกว่าคืนนี้ไม่มีสมาธิเอาเสียเลย ขืนยังฝืนอ่านต่อไปก็คงจะไม่รู้เรื่อง
เฮ้อ... หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจแล้วเอาหนังสือที่กางออกมาวางไว้บนใบหน้า เธอทำอะไรผิดกันแน่โชคชะตาถึงได้กลั่นแกล้งได้ลงคอ ย้ายมาอยู่ข้างบ้านเขาแล้วยังไม่พอ ห้องนอนดันมาอยู่ตรงกันอีก ไม่รู้ว่าจะหลบหน้าไปได้อีกนานแค่ไหน
น่านน้ำและน้องชายของเขาต่างพาก็กันลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัว หลังจากที่นาฬิกาปลุกได้ส่งสัญญาณเตือนในเวลาหกโมงเช้า แล้วลงมานั่งกินข้าวกันที่ชั้นล่างของบ้าน
ชายหนุ่มยังคงค้างคาใจกับเรื่องเมื่อคืน จึงได้เอ่ยถามกับป้ามน เผื่อว่าหญิงวัยกลางคนที่อาศัยอยู่บ้านทั้งวันจะทราบเรื่องที่มีคนย้ายมาอยู่ใหม่
“ป้ามนครับ ข้างบ้านเรามีคนมาเช่าแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ เป็นคุณครู สวยด้วยนะคะ” ป้ามนเอ่ยตอบราวกับว่าได้ทำความรู้จักกันแล้ว
“ครู” น่านน้ำเอ่ยย้ำคำว่าครู พลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ครูแพรวาย้ายมาอยู่ข้างบ้านเราครับ” น้องน่านฟ้าเป็นฝ่ายตอบขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มร่า ก่อนจะตักโจ๊กเข้าปาก
น่านฟ้ากระตุกยิ้มมุมปาก เขาพอจะเดาได้แล้วว่าทำไมเมื่อคืนเธอถึงได้รีบปิดผ้าม่าน สงสัยคงจะอายที่ได้เจอเขา
แพรวารีบเดินทางออกจากบ้านตั้งแต่เช้า เพราะวันนี้เป็นเวรที่เธอจะต้องมายืนรอรับนักเรียนที่หน้าประตูทางเข้าของโรงเรียน
นักเรียนชายหญิงทุกระดับชั้นต่างพากันทยอยมาถึงโรงเรียน จนกระทั่งเจ็ดนาฬิกาสี่สิบนาทีก็มีรถหรูสีขาวคันหนึ่งขับเข้ามาจอดข้างทางก่อนจะถึงหน้าประตูโรงเรียน และรถคันดังกล่าวติดฟิล์มสีดำสนิทจนมองไม่เห็นอะไรภายในรถเลย
และแล้วเจ้าของรถก็เปิดประตูลงมา เป็นเด็กหนุ่มนักศึกษาที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับดารานักแสดง แต่ที่สำคัญกว่านั้น เขาเป็นผู้ชายที่เธอไม่อยากเจอ จะทำอย่างไรดี จะวิ่งหนีก็ไม่ได้ เพราะวันนี้เป็นเวรที่เธอต้องมายืนรอรับนักเรียน
คงทำได้แค่ยืนทำหน้าสวยๆ คลี่ยิ้มทักทายตามปกติ
“สวัสดีครับครูแพรวา” น้องน่านฟ้ายกมือไหว้คุณครูสาวแล้วส่งยิ้มทักทายอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“สวัสดีครับน้องน่านฟ้า” แพรวาไหว้กลับ แล้วส่งยิ้มไปให้เช่นเดียวกัน
น่านน้ำที่ถือกระเป๋าให้น้องชาย ก็เลื่อนสายตามองใบหน้าหวานของครูสาวอย่างไม่ละสายตา และคงต้องหาโอกาสทักทายเสียหน่อย เผื่อว่าเธอจะลืมไปว่าเราทั้งสองต่างก็คุ้นเคยกันแบบลึกซึ้งมาแล้ว
“สวัสดีครับ ครู แพร วา” ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มที่มุมปาก กล่าวทักทายและเอ่ยชื่อของเธอแบบเน้นย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำ
แต่คนฟังนี่สิแทบจะตัวสั่นอยู่แล้ว แต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการ ช้อนสายตาขึ้นมองแล้วเอ่ยทักทายกลับด้วยสีหน้าที่เป็นปกติที่สุด พร้อมกับคลี่ยิ้มให้เล็กน้อย ไม่อย่างนั้นจะหาว่าเธอหยิ่ง
“สวัสดีค่ะพี่ชายของน้องน่านฟ้า”
“ผมชื่อน่านน้ำครับ” ชายหนุ่มชิงแนะนำตัว แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ถาม แต่เขาอยากบอก
แพรวายืนนิ่งสังเกตสีหน้าและแววตาของอีกฝ่าย ที่เขาแนะนำชื่อนี่คือแนะนำในฐานะที่เป็นพี่ชายของน้องน่านฟ้า หรือต้องการอะไรจากเธอกันแน่
“อะ อ๋อค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” แพรวาตอบอย่างไม่เต็มเสียง
“น้องน่านฟ้าเข้าไปในห้องก่อนมั้ยคะ พี่ชายจะได้รีบไปเรียน”
แพรวาก้มใบหน้าไปเอ่ยกับเด็กน้อยเพื่อแก้สถานการณ์ เธอไม่อยากจะสนทนากับน่านน้ำนาน เพราะกลัวจะเผยพิรุธออกมาให้อีกฝ่ายจับสังเกตได้
“ครับคุณครู” น้องน่านฟ้าตอบรับอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะหันไปไหว้ลาพี่ชาย
“ผมไปเรียนก่อนนะครับพี่น่านน้ำ สวัสดีครับ”
จากนั้นก็รับกระเป๋าจากพี่ชายมาสะพายบนหลังแล้วเดินเข้าไปในโรงเรียน
“ครูแพรวาไม่มีอะไรจะคุยกับผมหน่อยเหรอครับ”
น่านน้ำเอ่ยถามราวกับยังไม่อยากจะจากไปตอนนี้ เขายังคงมีเรื่องค้างคาใจที่อยากจะถามมากมาย แต่ดูแล้วครูสาวทำเหมือนกับว่าไม่เคยรู้จักกัน และพยายามจะหลบหลีกสายตาไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ เหมือนกลัวถูกจับผิด
“ไม่มีค่ะ น้องน่านฟ้าเป็นเด็กดี ไม่มีเรื่องอะไรให้ผู้ปกครองต้องเป็นกังวลหรอกค่ะ”
แพรวารีบปฏิเสธ แล้วดึงน้องน่านฟ้ามาเป็นข้ออ้าง หวังว่าน่านน้ำจะรีบออกไปจากโรงเรียนสักที เธอกลั้นหายใจอยู่บ่อยครั้งกับคำถามที่เขาถามมาจนแทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว
“ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ” น่านน้ำจำใจต้องเอ่ยลา
แม้ลึกๆ ในใจมันก็ยังคงบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแพรวาอย่างแน่นอน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่ออีกฝ่ายพยายามที่จะไม่ยอมรับความจริง
น่านน้ำเดินเข้าไปหารถ แต่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านในเขาก็มองไปที่แพรวาแล้วจ้องมองเธออยู่อย่างนั้น พลางคิดในใจว่าจะต้องทำให้แพรวายอมรับออกมาให้ได้ ว่าคนที่อยู่กับเขาในรถคืนนั้นคือเธอ