ตอนที่ 2 วันไนท์สแตนด์
“อืม” แพรวาตอบรับไม่ค่อยเต็มเสียง
ด้วยความเมาเธอจึงส่งเรียวแขนไปกอดรอบคอของชายหนุ่ม โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วจูบกันอย่างไม่อาจห้ามอารมณ์ปรารถนาที่กำลังก่อตัวขึ้น
---xxx---ภาพตัด---xxx---
ตีสองครึ่งของคืนอันเร่าร้อน
แพรวารู้สึกตัวตื่นก็พบว่าชุดเกาะอกสีดำของเธอยังอยู่บนตัวเหมือนเดิม เธอยังนอนอยู่บนรถของชายหนุ่มที่ไม่รู้จักชื่อในเบาะของผู้โดยสารข้างคนขับ และเจ้าของรถก็ยังนอนหลับอยู่บนที่นั่งของเขา แต่สิ่งปกคลุมของสงวนของเธอกลับถูกถอดออกไปพาดกับเกียร์รถ และรู้สึกแสบขัดบริเวณใจกลางความเป็นสาว อาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นก็ทำให้หญิงสาวถึงกับกุมขมับ
“นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย” แพรวาบ่นมุบมิบเสียงเบาเพราะไม่อยากให้คนที่หลับอยู่สะดุ้งตื่น
เธอจำอะไรไม่ได้เลย จำได้แค่ว่าขอให้ผู้ชายคนนี้มาส่ง จากนั้นพอรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของคอนโด เธอก็จำอะไรไม่ได้แล้ว อยากจะบ้าตาย นี่เธอมีอะไรกับคนที่เพิ่งพบกันอย่างนั้นเหรอเนี่ย
“ถือซะว่าวันไนท์สแตนก็แล้วกันนะ”
แพรวาหันไปเอ่ยกับคนที่หลับอยู่ จากนั้นก็รีบคว้ากางเกงชั้นในขึ้นมาสวมใส่ จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเปิดประตูลงจากรถไป ปล่อยให้เจ้าของรถที่ตอนนี้ถอดเสื้อโชว์ผิวกายขาวสะอาดสะอ้านและมีซิกซ์แพ็กซ์เป็นลอนงาม กางเกงยีนที่ถูกดึงขึ้นมาสวมใส่เพื่อให้ปิดท่อนล่างของเขาก็ยังไม่ได้รูดซิบและติดกระดุมให้เรียบร้อย นอนหลับอยู่ในรถของเขาตามลำพัง จากนั้นก็รีบวิ่งขึ้นคอนโดของเธอไป
และก็หวังว่าถ้าเขาตื่นขึ้นมาจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้
น่านน้ำตื่นขึ้นมาในเวลาตีสามยี่สิบนาที ก็พบว่าบนรถเหลือแต่เขาเพียงคนเดียว ไร้วี่แววของหญิงสาวที่เพิ่งจะร่วมรักกันบนรถหรูที่ติดฟิล์มสีดำสนิท ที่คนด้านนอกผ่านไปมาไม่สามารถมองเห็นห้องโดยสารด้านในได้ ไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน แต่เขายังจำกลิ่นน้ำหอมบนตัวของเธอที่ติดอยู่ภายในรถได้
หญิงสาวที่หอมหวาน แม้ว่าเธอจะเห็นด้วยกับการขอทำเรื่องอย่างว่าทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะพบหน้ากันเป็นครั้งแรก และสถานที่ก็ยังเป็นบนรถ ผู้หญิงที่แม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ แต่เธอก็ช่างมีเสน่ห์ เร่าร้อน แฝงไปด้วยความไร้เดียงสาและน่าค้นหา
จะว่าเสียศักดิ์ศรีก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นฝ่ายเสียหายก็ไม่เชิง ‘นี่เขากำลังโดนผู้หญิงฟันแล้วทิ้งเหรอวะ’ น่านน้ำคิดสมเพชตัวเองอยู่ในใจ
เขาหันไปที่เบาะข้างคนขับที่เธอนั่งอยู่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ก็พบเสื้อคลุมสีดำประกายกากเพชรระยิบระยับพาดอยู่ที่ด้านบนของเบาะนั่ง และนี่คงเป็นของสิ่งเดียวที่เธอลืมเอาไว้
น่านน้ำส่ายหน้าให้กับตัวเอง ก่อนจะขับรถออกมาจากคอนโดของหญิงสาว ไม่รู้ว่านี่เป็นคอนโดของเธอจริงๆ หรือแกล้งให้เขามาส่งก็ไม่ทราบได้ แต่เธอหนีไปแล้วจะถามใครล่ะ
พอกลับมาถึงบ้านก็รีบทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้าและความเมา แต่ที่แน่ ๆ คือเสียดาย ที่มีอะไรกันแล้วแต่ยังไม่รู้จักกัน
“พี่น่านน้ำตื่นเร็ว” เสียงของน่านฟ้าเอ่ยเรียกพี่ชายที่เอาแต่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ลมหายใจเหม็นตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มมาอย่างหนักเมื่อคืน
น่านน้ำ นักศึกษาปี 4 คณะสหเวชศาสตร์ อายุ 22 ปี ใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเอกในซีรีส์ สูง 185 เซนติเมตร โสดสนิท เป็นคนที่เข้าถึงยาก แต่อบอุ่นกับน้องชายเสมอ
พ่อแม่ของทั้งสองคนเป็นนักวิจัยชื่อดัง และยังเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องมือแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง ดังนั้นจึงไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเพราะต้องไปเข้าร่วมวิจัยทั้งในและต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง และไปแต่ละครั้งก็นานหลายเดือน
น่านน้ำในฐานะที่เป็นพี่ชายจึงมีหน้าที่ดูแลน้องชาย โดยที่มีป้ามนผู้ซึ่งเป็นแม่บ้านพ่วงตำแหน่งพี่เลี้ยงคอยช่วยดูแล
และวันนี้เจ้าตัวป่วนของบ้านก็ได้เข้ามาเรียกพี่ชายอย่างเขาตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะตื่นเต้นที่จะได้เจอหน้าคุณครูคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมา
น่านฟ้า เด็กชายวัย 5 ขวบ เป็นเด็กเรียนเก่ง มีไหวพริบ ช่างพูดช่างจา และเป็นเด็กมีเหตุผล ใบหน้าก็หล่อเหลาตั้งแต่เด็กไม่แพ้พี่ชาย
“อะไรน่านฟ้า นายหัดดูเวลาซะมั้ง นี่มันกำลังกี่โมง”
น่านน้ำปรือตาขึ้นมองนาฬิกาที่กำลังบอกเวลาตีห้าสามสิบนาที ไม่รู้ว่าน้องชายเกิดนึกครึ้มอะไรขึ้นมาถึงได้มาเรียกตั้งแต่เช้าตรู่
“พี่ตื่นขึ้นมาก่อน ผมจะรีบไปโรงเรียน” น่านฟ้าคะยั้นคะยอให้พี่ชายรีบตื่น
ปกติทั้งคู่จะตั้งนาฬิกาปลุกที่หกโมงเช้า แต่วันนี้น่านฟ้ากลับตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แถมยังมาเรียกพี่ชายอย่างเขาให้ตื่นขึ้นมาอีกคน
“นายจะรีบอะไรนักหนา ทุกวันก็ไม่เห็นจะรีบแบบนี้เลย”
น่านน้ำรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อยเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้กลับมานอนที่บ้านก็ปาไปตีสี่ แต่ก็ทำได้แค่ลืมตาตื่นแล้วลุกขึ้นนั่งยกมือขึ้นปิดปากหาว แล้วคุยกับน้องชายต่อ
“วันนี้มีคุณครูคนใหม่มา ผมอยากไปโรงเรียนเช้าครับ” น่านฟ้าบอกเหตุผลกับพี่ชาย
“ครูคนใหม่ของนาย แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่ฮะ”
“เกี่ยวสิ ผมอยากไปโรงเรียนเช้าๆ หน่อย พี่มีหน้าที่ไปส่งผมตามที่พ่อกับแม่สั่งเอาไว้ครับ”
“ได้ครับคุณชายน่านฟ้า เอะอะก็เอาพ่อกับแม่มาอ้างนะเราอะ”
น่านน้ำบ่นให้น้องชายพร้อมกับส่งมือไปขยี้ผมเบาๆ ด้วยความเอ็นดู จากนั้นก็ขยับตัวออกจากเตียงเพื่อลุกไปอาบน้ำ ส่วนน่านฟ้าก็รีบกลับห้องของตัวเองเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวเช่นเดียวกัน
หลังจากที่ทั้งคู่อาบน้ำเสร็จ ก็พากันลงมากินมื้อเช้าที่น่านน้ำเป็นคนเตรียมด้วยตัวเอง ก่อนจะพาน้องชายไปส่งที่โรงเรียน แต่ก็ขับรถออกมาจากโรงเรียนของน้องชายได้ไม่เท่าไร ก็มีสายเรียกเข้าจากป้ามนที่โทรเข้ามา
“มีอะไรเหรอครับป้ามน”
น่านน้ำเอ่ยถามกับปลายสาย
(น้องน่านฟ้าลืมการบ้านค่ะ ป้าเห็นวางอยู่ที่เก้าอี้ตัวที่นั่งกินข้าวเมื่อเช้า คุณน่านน้ำจะกลับมาเอาไหมคะ)
“เจ้าเด็กนี่ลืมของอีกจนได้”
น่านฟ้าบ่นพึมพำเบาๆ ก่อนจะตอบกลับ
“ครับ เดี๋ยวผมกลับไปเอา”
หลังจากวางสาย เขาก็เลี้ยวรถกลับไปที่บ้าน เพื่อไปเอาการบ้านกลับมาส่งให้น้องชายขี้ลืมที่โรงเรียนอีกครั้ง
ทางด้านโรงเรียนเอกชน แผนกอนุบาล ครูใหญ่ก็ได้พาคุณครูประจำชั้นคนใหม่เข้ามาแนะนำตัวให้เด็กนักเรียนได้รู้จัก
“นักเรียนทุกคนคะ ครูพาคุณครูประจำชั้นคนใหม่มาแนะนำให้รู้จัก กล่าวสวัสดีคุณครูกันหน่อยค่ะ”
เสียงของอาจารย์ใหญ่เอ่ยกับเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลสามทับหนึ่ง วันนี้เด็กนักเรียนทุกคนจะมีคุณครูประจำชั้นคนใหม่ป้ายแดง ที่เพิ่งจะได้รับบรรจุเข้ามาสอนหนังสือที่โรงเรียนแห่งนี้เป็นวันแรก
“สวัสดีครับคุณครู”
“สวัสดีค่ะคุณครู”
เด็กนักเรียนชายหญิงกล่าวคำทักทายต่อคุณครูสาวที่มาใหม่
“สวัสดีค่ะ ครูชื่อแพรวานะคะ ครูจะมาเป็นคุณครูประจำชั้นของนักเรียนทุกคนในห้องนี้ค่ะ” แพรวากล่าวทักทายเด็กนักเรียนตัวน้อยด้วยใบหน้าแย้มยิ้มที่บ่งบอกถึงความใจดี และรักเด็ก
แพรวา หญิงสาวใบหน้าสวยหวาน อดีตดาวคณะครุศาสตร์ สูง 165 เซนติเมตร อายุ 26 ปี เมื่อทราบข่าวว่าโรงเรียนเอกชนแห่งนี้เปิดรับสมัครครูระดับชั้นอนุบาล เธอจึงลองมาเขียนใบสมัคร และได้รับการคัดเลือกบรรจุมาเป็นคุณครูประจำชั้นของนักเรียนชั้นอนุบาลสามทับหนึ่ง ส่วนครอบครัวของเธอพักอาศัยอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ทำธุรกิจรีสอร์ตและเปิดร้านอาหารที่อยู่ติดกับริมทะเล
“ครูแพรวาเริ่มสอนวันนี้ได้เลยนะคะ ฉันขอตัวก่อน”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์ใหญ่”
หลังจากอาจารย์ใหญ่ขอตัวออกไป แพรวาก็เริ่มทำความรู้จักกับเด็กน้อยทุกคน เริ่มต้นด้วยการให้เด็กนักเรียนแนะนำตัว
เด็กทุกคนต่างก็น่ารักและช่างพูดกันมาก แย่งกันพูดจนเธอฟังแทบไม่ทันว่าชื่ออะไรกัน จนมาถึงเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
“ผมชื่อน่านฟ้าครับ” เด็กชายหน้าตาหล่อเหลาเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“สวัสดีครับน้องน่านฟ้า” แพรวาเอ่ยทักทายกลับ
“คุณครูกินข้าวมารึยังครับ” เด็กชายเริ่มถามคุณครูสาว
“กินแล้วครับ น้องน่านฟ้าล่ะครับ กินข้าวเช้ากับอะไร”
“พี่ชายผมทำแซนวิชกับนมให้กินครับ”
“พี่ชายน่ารักจังเลยนะครับ”
“พี่ชายผมหล่อและก็ใจดีมากเลยครับ”
เด็กนักเรียนตัวน้อยเอ่ยชมพี่ชาย สงสัยคนพี่จะชอบหลงตัวเอง ถึงได้สอนให้น้องชายพูดชมตัวเองแบบนี้ แต่พอมันออกมาจากปากของเด็กน้อยมันก็เป็นประโยคที่น่ารักดี
“เรานี่ช่างพูดจังเลยนะ” แพรวาส่งมือเล็กไปลูบหัวของเด็กชายอย่างอ่อนโยน
“ขอโทษนะครับ ผมเอาการบ้านมาส่งให้น้องชาย”
เสียงของชายคนหนึ่งดังเข้ามาทางประตู ทำให้ทั้งครูสาวสวยและเด็กนักเรียนในห้องต่างพากันหันไปมองที่ต้นเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง
“พี่น่านน้ำ” เด็กชายที่นั่งคุยอยู่กับแพรวารีบลุกขึ้น แล้ววิ่งไปหาคนที่บอกว่ามาหาน้องชาย
แพรวามองไปทางชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้อยู่ในชุดนักศึกษาสีขาว กางเกงสีดำ ก็ทำให้รู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างมาก เพียงแค่เสี้ยวนาทีที่อีกฝ่ายส่งการบ้านให้น้องชายเสร็จแล้วช้อนสายตาขึ้นมองมาทางเธอ หัวใจดวงน้อยก็กระตุกวูบแทบจะหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
ผู้ชายคนนี้คือคนมีซัมติงกับเธอในคืนนั้น ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเกิดอาการสั่นระรัวเสียงดังตึกตัก พลางคิดในใจว่าเขาจะจำเธอได้ไหมนะ ขอร้องเถอะ อย่าจำได้เลย