ตอนที่1 สัญญาทาส
ตอนที่1 สัญญาทาส
“นายครับ เธอมาแล้วครับ”
“สัญญาของเธอ อ่านแล้วเซนต์ซะ” กระดาษสีขาวที่มีข้อความพิมพ์เต็มหน้ากระดาษขนาด A4 ถูกดันไปตรงหน้าเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม
รายละเอียดในสัญญา
เป็นผู้หญิงในความลับ สามารถมาหาได้ตลอดเวลาเมื่ออีกฝ่ายต้องการโดยไม่มีข้อแม้ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในสัญญาห้ามนอนกับผู้ชายคนอื่นหรือใกล้ชิดกับผู้ชายอื่น ห้ามแสดงความเป็นเจ้าของต่อเจ้าของสัญญาไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ และทำตามที่เจ้าของสัญญาต้องการตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน โดยจะได้รับเงินค่าจ้างจำนวน 4 ล้านบาทแลกกับอิสระตลอด 4 ปี เมื่อสิ้นสุดสัญญาทั้งสองฝ่ายจะไม่มีพันธะผูกพันต่อกัน
“../..” ณิชานั่งจ้องสัญญาอยู่นานจนชายหนุ่มพูดขึ้นเสียงดัง
“ถ้าอ่านเข้าใจแล้วก็เซนต์” เสียงเรียบนิ่งเร่งเร้าให้อีกฝ่ายรีบเซนต์สัญญาให้เสร็จสิ้นเพราะเขามีธุระหลายอย่างที่ต้องไปจัดการต่อ ไม่มีเวลามานั่งรอเด็กสาวได้ทั้งวัน
“แล้วถ้าตอนนั้นคุณเอ่อ..ต้องการแล้วหนูติดเรียนอยู่ล่ะคะ” เสียงเบาสั่นเล็กน้อยเอ่ยถามขึ้นเพราะในอนาคตข้างหน้าเธออาจจะต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้แน่นอน
“นั่นมันปัญหาของเธอไม่ใช่ปัญหาของฉัน ถ้าไม่ตกลงก็กลับบ้านไปซะ” ซันเดย์บอกเสียงเรียบไม่แสดงอาการเสียดายความสาวความสวยของเด็กสาวตรงหน้าแม้แต่น้อย
“มะ..ไม่ค่ะ หนูตกลงค่ะ” เด็กสาวตอบตกลงละล่ำละลัก รีบคว้าปากกาขึ้นมาเซนต์ชื่อลงในสัญญาโดยเร็ว
“ห้องใหม่ของเธอเตมินจัดการไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ย้ายของเข้ามาอยู่ได้เลย เอามาเฉพาะของใช้ที่จำเป็น ของเส็งเคร็งอย่างอื่นไม่ต้องขนมาให้รกห้อง”
“เตมินเอาของมา” แขนเสื้อเชิ้ตถูกปลดกระดุมและพับขึ้นถึงศอก
“นี่ครับ” เข็มฉีดยาและหลอดพลาสติกสีใสคล้ายหลอดใส่เลือดวางลงตรงหน้าชายหนุ่ม เด็กสาวเห็นถึงกลับนั่งตัวเกร็ง
“ยื่นแขนมา” เสียงเรียบนิ่งบอกกับเด็กสาวที่ตอนนี้นั่งเกร็งมือสองข้างกำเข้าหากันแน่น
“คุณจะทำอะไรคะ” ริมฝีปากบางสั่นระริกด้วยความกลัว มือสองข้างกำเข้าหากันแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
“เจาะเอาเลือดเธอไปตรวจ ฉันไม่เสี่ยงติดโรคกับเธอหรอกนะ”
“อ้ะ!” ปลายเข็มทิ่มเข้าเส้นเลือดบริเวณข้อพับ นิ้วเรียวยาวจัดการดึงเข็มยาและดูดเลือดขึ้นมาจนเต็มสลิ้งและฉีดใส่เข้าไปหลอดสีใสที่เตรียมไว้อย่างชำนาญ
“เตมิน ส่งเลือดไปตรวจที่โรงพยาบาล ฉันต้องการผลภายในวันพรุ่งนี้” พูดจบก็ลุกขึ้นเต็มความสูงเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ณิชานั่งมองแผ่นกระดาษที่กุมอิสรภาพเธอ 4 ปีต่อจากนี้
“นี่คีย์การ์ดเข้าคอนโด ส่วนในซองนี่เป็นรหัสประตูหน้าห้องและบัตรเครดิตที่คุณซันเดย์ให้เตรียมไว้ให้ โทรศัพท์เครื่องใหม่บันทึกเบอร์ผมและเบอร์เจ้านายไว้แล้ว ถ้านายต้องการพบผมจะติดต่อไปที่เบอร์นี้ครับ ส่วนเงิน 4 ล้านผมโอนเข้าบัญชีคุณเรียบร้อยแล้วครับ” เตมินที่ยังยืนอยู่ในห้องแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมกับเด็กสาว
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ” ณิชาได้แต่ยอมรับข้อเสนอแบบไม่มีข้อโต้แย้งเพราะเธอพึ่งเซนต์สัญญาและยอมรับข้อตกลงของอีกฝ่ายไปหมาด ๆ
“ผมขอตัวก่อนนะครับ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมโทรหาผมได้ตลอดเวลาครับ” เตมินพูดจบก็หันหลังเดินตามคนเป็นนายออกไป เหลือเพียงเด็กสาวที่นั่งนิ่งมองกระดาษสีขาวที่พิมพ์ข้อตกและเงื่อนไขมากมายที่เธอพึ่งจรดปลายปากกาเซนต์ลงไป
“เธอเลือกเองณิชา อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เป็นเมียน้อยใคร เลิกคิดฟุ้งซ่านแล้วเดินหน้าทำตามความฝันของเธอสิ” เด็กสาวบอกกับตัวเอง เมื่อหัวใจดวงน้อยได้ถูกทำลายความสุขลงไปเกือบครึ่ง คนตัวเล็กหยิบสัญญาทาสของเธอเดินเข้าไปในห้องที่อยู่ถัดไปด้านใน ซึ่งคาดว่าเป็นห้องนอนของเธอ
ห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน เตียงนอนขนาดคิงไซซ์วางเด่นอยู่กลางห้อง ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องแต่งตัวและห้องน้ำซึ่งมีของใช้จำเป็นอยู่ครบ รวมทั้งเสื้อผ้าของใช้ต่าง ๆ ก็ถูกจัดเตรียมพร้อมหมดแล้ว
“คนรวยสามารถทำทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย เสื้อผ้าราคาแพงพวกนี้คงเป็นแค่เศษเงินของพวกคุณสินะ” ณิชาพูดขึ้นเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าก็เจอกับชุดต่าง ๆ ทั้งชุดนอน ชุดใส่อยู่บ้าน รวมทั้งชุดนักศึกษาล้วนเป็นของแบรนด์ดังแขวนอยู่เต็มตู้
มือเล็กหยิบเสื้อผ้าออกมาสองสามชุดมาทาบเข้าที่ตัวปรากฏว่าเป็นไซซ์ที่เธอใส่พอดี ราวกับว่าเสื้อผ้าพวกนี้เขาตั้งใจซื้อมาสำหรับเธอโดยเฉพาะ ใบหน้าเรียวเล็กเผลอยิ้มมุมปากเมื่อคิดว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เห็นเธอเป็นแค่เครื่องระบายอารมณ์ แต่รอยยิ้มนั้นก็เกิดขึ้นได้ไม่นานเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาอาจจะแค่ซื้อมาสำหรับใครสักคนที่รับข้อเสนอของเขา และไซซ์เสื้อผ้ามันบังเอิญพอดีกับเธอเพียงเท่านั้นเพราะผู้หญิงส่วนมากจะหุ่นและรูปร่างใกล้เคียงกัน
บนรถ
“นายจะให้คนของเราเอารถไปช่วยเธอขนของที่ต่างจังหวัดไหมครับ” เตมินเอ่ยถามคนเป็นนายเมื่อทั้งสองอยู่บนรถกำลังจะเดินทางไปโรงพยาบาล หลังจากเสียเวลามาคุยข้อตกลงกับเด็กสาวที่พึ่งจะเซนต์สัญญาพันธะผูกพันกับเขาอีก 4 ปี
“ถ้ามึงอยากไปก็ไป ของเด็กนั่นมีอะไรนักหนาที่ต้องเอารถไปขน ของจำเป็นทุกอย่างก็สั่งให้ซื้อมาให้หมดแล้ว” ชายหนุ่มไม่ได้สั่งห้ามแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอนุญาตออกไปตรง ๆ
“ถ้าอย่างนั้นผมขอถามเธอก่อนแล้วกันครับ ว่าเธอต้องการให้เราไปช่วยขนอะไรไหม”
“อือ”
“เรื่องค่าเทอมของเธอผมจัดการเรียบร้อยตามคำสั่งของนายแล้วนะครับ ส่วนเงินค่าจ้างของเธอตามสัญญา 4 ล้านบาทผมโอนเข้าบัญชีให้เธอเรียบร้อยแล้ว”
“../..”
“แต่ดูเธอจะยังกลัว ๆ กับเรื่องนี้อยู่นะครับ นายใจเย็นกับเธอหน่อยแล้วกัน เธอดูน่าสงสาร” เตมินที่ได้พูดคุยกับเด็กสาวตั้งแต่แรก รู้ดีว่าฐานะความเป็นอยู่นั้นลำบากมากแค่ไหน จึงพูดขอร้องเจ้านายออกไป
“ถ้ากลัวจะตกลงรับข้อเสนอทำไม”
“เธออาจจะไม่มีทางเลือกก็ได้ครับ”
“ทุกคนมีทางเลือกเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นจะเลือกความสบายหรือความลำบาก ในเมื่อเธอเลือกความสบายก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจของตัวเอง ฉันจ่ายเงิน 4 ล้านไม่ใช่เพื่อเอาเธอมาเลี้ยงไว้เปลืองข้าวเปลืองน้ำเฉย ๆ รับเงินไปก็ต้องตอบแทนให้คุ้มกับค่าจ้างที่ได้รับ” เสียงเรียบตอบกลับไร้ความสงสาร ซันเดย์เป็นนักธุรกิจเมื่อลงทุนก็ย่อมต้องการผลตอบแทนที่คุ้มค่าเสมอ
“เธอเป็นมนุษย์นะครับ ไม่ใช่สินค้าทางธุรกิจ”
“ร่างกายคนก็ไม่ต่างจากสินค้าทั่วไป ในเมื่อเอามาขายแลกเงิน สำหรับฉันทุกอย่างคือธุรกิจ จ่ายเงินซื้อก็ต้องได้ของ และต้องได้ของที่คุ้มค่า”
ณิชาจำเป็นต้องนอนค้างคืนที่คอนโดที่ซันเดย์จัดหาไว้ให้เพราะกว่าจะเดินทางกลับต่างจังหวัดก็มืดค่ำ เธอเองไม่ได้มีรถยนต์ส่วนตัวอาศัยนั่งรถโดยสารประจำทางต้องต่อรถหลายต่อเกรงว่าถ้าเดินทางกลับตอนนี้จะมืดค่ำแล้วไม่มีรถต่อเข้าหมู่บ้านซึ่งอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง
เด็กสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดนอนตัวบางที่ชายหนุ่มเตรียมไว้ให้ในตู้ เดินสำรวจรอบ ๆ ห้องที่แบ่งสัดส่วนอย่างเป็นอย่างระเบียบ โต๊ะเขียนหนังสือที่ตั้งอยู่มุมห้องพร้อมกับ Laptop แบรนด์ดังรุ่นใหม่ล่าสุดวางอยู่บนนั้น เมื่อเดินสำรวจบริเวณห้องครัวก็พบว่ามีอุปกรณ์เครื่องครัวที่จำเป็นครบทุกอย่าง สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบายถ้าทำอาหารเป็น คอนโดแห่งนี้ไม่ต่างจากบ้านหนึ่งหลังและยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าบ้านหลังที่เธออาศัยอยู่ด้วยซ้ำ
“คนรวยเขาสามารถซื้อความสะดวกสบายให้ตัวเองแบบนี้สินะ ไม่แปลกหรอกที่ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลือกอาชีพนี้ คำว่าเด็กเสี่ยที่เขาใช้เรียกกันมันก็ไม่เกินไปจริง ๆ” ณิชาพูดตัดพ้อกับตัวเองขณะที่นั่งเอนหลังพิงหัวเตียงกอดตุ๊กตาตัวใหญ่ทอดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง
“หนูขอโทษนะคะยายที่หนูเลือกความสบาย เวลาในการสร้างอนาคตของหนูไม่ได้มีมากเหมือนคนอื่น หนูจะรีบเรียนให้จบจะได้มีงานดี ๆ ทำ เมื่อถึงวันนั้นหนูจะสามารถเลี้ยงยายให้อยู่สุขสบายได้ค่ะ”
เมื่อนึกถึงคนเป็นยายที่รออยู่ที่บ้านก็พลอยให้น้ำตาไหล เสียงสะอื้นไห้ดังขึ้นเป็นระยะเมื่อนึกถึงโชคชะตาของตัวเอง ตั้งแต่เล็กจนโตเธอสู้กับความลำบากมาไม่เคยท้อ พอถึงวันนี้เธอรู้แล้วว่าต่อให้พยายามมากเท่าใดถ้าเราไม่มีโอกาสที่ดีก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากความจนนี้ไปได้ นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอตัดสินใจมานั่งอยู่ตรงนี้ ตรงที่ไม่ใช่ที่ที่ดีสักเท่าไหร่
ทางด้านซันเดย์
“เด็กคนนั้นยังไม่เปิดเทอมใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นขณะกำลังนั่งรถกลับบ้าน
“ยังครับ น่าจะอาทิตย์หน้าครับ”
“แสดงว่าเธอยังไม่ได้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดวันนี้เลย”
“ยังครับ เธอแจ้งผมไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วว่าเธอจะขอกลับไปดูแลยายก่อน ถึงวันเปิดเทอมเธอถึงจะย้ายมาอยู่ที่คอนโดครับ” เตมินตอบกลับคนเป็นนาย เมื่อได้ยินคำตอบจากเลขาคนสนิทคิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อรู้ว่าเขาต้องรออีกหนึ่งอาทิตย์ถึงจะสามารถเรียกใช้เด็กสาวได้
“แล้วแกก็ตัดสินใจแทนฉันที่เป็นคนจ่ายเงิน” เสียงเข้มถามกลับไม่ค่อยพอใจนักกับการตัดสินใจของลูกน้องครั้งนี้
“ครับ เพราะเหตุผลของเธอก็ดูสมเหตุสมผล เธอกลับไปดูแลยายไม่ใช่ไปทำอย่างอื่น เด็กกตัญญูเราควรสนับสนุนไม่ใช่เหรอครับ” เตมินตอบกลับเสียงเรียบเช่นกัน เพราะทุกครั้งเขาก็จะทำหน้าที่ตัดสินใจแทนซันเดย์แทบทุกเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และครั้งนี้เขาเองก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาสามารถตัดสินใจแทนได้ จึงเลือกที่จะอนุญาตเด็กสาวไป
“ช่วงนี้มึงดูเป็นคนใจบุญขี้สงสารคนนะ แม่มึงส่งหนังสือธรรมะเล่มไหนให้มึงอ่านอีกล่ะ” ซันเดย์ถามกลับน้ำเสียงประชด
“ก็หนังสือธรรมะทั่วไปแหละครับ นายจะลองอ่านดูไหมครับเผื่อจิตใจจะอ่อนโยนกับเพื่อนมนุษย์บ้าง” คำตอบราบเรียบธรรมดาแต่คนฟังถึงกับจุกอก ไม่ต่างกับโดนด่าต่อหน้า
“ไอ้เตมิน”
“ครับผมชื่อเตมิน คนเรียกผมชื่อนี้มาเกือบสามสิบปีแล้ว ผมจำได้ครับ” เตมินยังยั่วโมโหเจ้านายไม่หยุด
“แล้วมึงจำได้หรือเปล่าว่าใครเป็นคนจ่ายเงินเดือนมึง”
“อย่าบอกนะครับว่าเดือนที่แล้วนายลืมจ่ายเงินเดือนให้ผม ถึงมาถามผมว่าใครเป็นคนจ่ายเงินเดือนผม” เตมินยังยอกย้อนไม่หยุด
“ไอ้เตมิน จอดรถ!” เสียงกร้าวตะโกนดังลั่นรถ คนขับรถหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าจอดข้างทางโดยเร็ว
“นายจะแวะร้านสะดวกซื้อเหรอครับ” คนที่ไม่รู้ชะตาตัวเองหันมาถามคนเป็นนายที่นั่งอยู่เบาะด้านหลัง
“ลงไป”
“นายไล่ใครลงจากรถครับ”
“กูไล่มึงนั่นแหละลงไป ปากดีนักก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง”
“โอเคครับ งั้นผมฝากกระเป๋ากลับบ้านด้วยนะครับ มันหนักขี้เกียจถือ” เตมินเปิดประตูลงจากรถด้วยรอยยิ้ม เท้ายาวสาวเท้าเดินไปยังโซนถนนคนเดินที่มีร้านค้าต่าง ๆ มาตั้งร้านขายของ ร้านข้าวต้มกุ๊ยเจ้าดังเป็นเป้าหมายของเตมินที่จะฝากท้องสำหรับมื้อเย็นที่กลายเป็นมื้อดึกคืนนี้ไปแล้ว
เตมินกำลังนั่งทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยสายตาคมก็เหลือบไปเห็นเด็กของเจ้านายกำลังเดินหาของกินรอบดึก จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสาย
ตู้ด~ตู้ด~ตู้ด~
[สวัสดีค่ะ] เด็กสาวกดรับสายโดยเร็วเมื่อมีคนโทรเข้ามา
[ณิชา เดินมาข้างหน้าสิพี่นั่งอยู่ร้านข้าวต้ม มานั่งทานข้าวด้วยกัน] สรรพนามเรียกดูเป็นกันเองไม่ถือตัวเด็กสาวจึงกล้าที่จะมานั่งร่วมโต๊ะด้วย
“สวัสดีค่ะ คุณเตมินมาทานข้าวคนเดียวเหรอคะ”
“เรียกพี่เตมินเฉย ๆ ก็ได้ พี่โดนเจ้านายไล่ลงจากรถกลางทางน่ะ เลยมาหาอะไรกินแถวนี้”
“อะไรนะคะ โดนไล่ลงจากรถข้างทางดื้อ ๆ แบบนี้เลยเหรอคะ”
“ครับ เป็นเรื่องปกติพี่ชินแล้วแหละ”
“ดูคุณซันเดย์จะเป็นคนที่ใจร้ายมากเลยนะคะ”
“เจ้านายไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น อย่ากลัวเจ้านายไปเลย จริง ๆ แล้วเจ้านายเป็นคนใจดี แค่อย่าดื้อกับเจ้านายแค่นั้น ถ้าทำตัวดีเป็นเด็กดีเจ้านายก็จะใจดีด้วยครับ”
“ต้องเป็นเด็กดีอย่างนั้นเหรอคะ”