ตอนที่5[ให้หมั้น]
คลั่งรักพายุร้าย
ตอนที่5
[ให้หมั้น]
@ปัจจุบัน
หลังจากได้เข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย ฉันก็ได้ขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ออกมาเช่า คอนโดอยู่ตามลำพังฉันเลือกทำเลที่ติดกับสถานที่ฉันศึกษาอยู่ เพื่อสะดวกในการเดินทางเข้าออกเพื่อไม่ให้ตัวเองลำบากมากนัก
ตอนแรกท่านทั้งสองก็ไม่ยินยอม เพราะท่านบอกว่าเป็นห่วงและคิดถึงฉันมาก ไม่อยากให้ไปอยู่ห่างท่าน แต่ฉันก็ให้เหตุผลว่ามหาวิทยาลัยกับบ้านเราอยู่ห่างกัน เดินทางไม่สะดวกและทำให้ฉันมีเวลาดูหนังสือไม่พอเพียง คุณแม่เลยจำใจอนุญาต แต่มีข้อแม้เย็นวันศุกร์ฉันต้องรีบกลับมาบ้านทุกครั้ง ฉันก็รับปากตกลงทันที
______________
บริษัทPP.กรุ๊ป
พายุกำลังนั่งตรวจเอกสารกองโตอยู่บนโต๊ะ หลังจากช่วงเช้ามีประชุม ส่วนพี่ใหญ่ได้ออกไปพบกับลูกค้ารายใหญ่ข้างนอกเพื่อพูดคุยตกลงงานกัน
ขณะนั่งทำงานอยู่เกือบห้าโมงเย็น เสียงมือถือของเขาก็ดังดังวานขึ้น เขารีบเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์คุณแม่จึงกดรับสาย
"ฮัลโลครับคุณแม่ มีอะไรหรือเปล่าครับ"
["ตายุ วันนี้วันศุกร์ งานยุ่งไหมลูก แม่จะให้ไปรับน้องหน่อย"]
"อ๋อ! ได้ครับ เดี๋ยวผมเคลียร์งานอีกหน่อยแล้วจะรีบไปนะครับ"
["จ๊ะลูก ทุกทีพี่ใหญ่จะไปรับ นี่พี่เขาเพิ่งโทรมาบอกแม่ ว่าธุระยังไม่เสร็จแม่เลยจะให้ยุออกไปรับน้องแทน"]
"ครับคุณแม่ เดี๋ยวผมไปรับให้" ว่าจบก็วางสาย
พายุไม่ค่อยได้ไปรับพร้อมรักนักหรอก เพราะหน้าที่นี้พี่ใหญ่เป็นคนอาสาตั้งแต่แรก แต่วันนี้พี่ใหญ่ไม่ว่างทำให้เขาได้มีโอกาสไปรับเสียเอง
เมื่อรถคันหรูได้แล่นออกจากบริษัท แล้วเบนหัวรถไปหาเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปมาหาวิทยาลัย ร่างโตยกยิ้มร้ายออกมา เมื่อนึกถึงใบหน้าสวยหวานดวงตากลมโตแก้มป่อง ที่ชอบเชิด ใส่เขาตลอดเวลายามอยู่ที่บ้าน พร้อมหน้ากับครอบครัว อยากรู้นักถ้ารู้ว่าวันนี้พี่ใหญ่ไม่ได้ไปรับแต่เป็นเขาเองเธอจะทำสีหน้าอย่างไร
เมื่อรถแล่นเข้าเขตหน้ามหาวิทยาลัย พายุก็เข้าจอดเทียบข้างฟุตบาททันที ร่างโตรอสักครู่ก็มองเห็นร่างบอบบางคุ้นตา อยู่ในชุดนักศึกษาที่พอดีตัว ทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งดูรูปร่างเย้ายวนชวนมองยิ่งนัก กำลังเดินเคียงคู่มากับนักศึกษาหนุ่มหน้าตาดีสูงขาวร่างเพรียว
ร่างโตนั่งมองแล้วเผลอกำหมัดแน่น ขบกรามจนนูนขึ้นเป็นสัน ดวงตาวาวโรจน์อย่างลืมตัว
หนุ่มหล่อข้าง ๆ ส่งยิ้มหวานให้พร้อมรัก
"พี่ชายยังไม่ออกมารับใช่ไหมพร้อม"
"อื้อ! ยังเลยพี่ใหญ่อาจจะรถติดก็ได้" ฉันได้แต่ตอบเพื่อนชายออกไป อยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น ฉันหยิบมาดูเป็นเบอร์ของพี่พายุโทรเข้ามา จึงกดรับสาย
"จะยืนชะง้อคอยาวอยู่ตรงนั้น อีกนานไหมฉันเบื่อจะรอ" ว่าจบก็ตัดสายทิ้ง
ฉันมองไปอีกฝั่งก็เห็นว่ารถคันหรู ของพี่พายุจอดอยู่ จึงหันไปบอกเพื่อนแล้วแยกตัวเดินออกมาที่รถ
ฉันเปิดประตูรถออกแล้วก้าวขึ้น มานั่งคู่กับคนขับ ก่อนจะดึงสายเข็มขัดนีรภัยมาคาดจนเรียบร้อย
"ฉันกระแทกคนเดียวไม่พอใช่ไหม หรือใหญ่ยาวไม่สะใจ" เสียงเข้มตวาดขึ้น
ฉันได้แต่อึ้งกับประโยคของเขา ที่เอ่ยขึ้นมาถามฉันด้วยดวงตาวาวโรจน์
"พี่ยุหมายถึงอะไรค่ะ พร้อมไม่เข้าใจ" ฉันถามเขาออกไปเพราะฉันไม่เข้าใจจริง ๆ
"ก็ไอ้หน้าอ่อนนั่นไง อย่าให้รู้นะ ว่าเธอไปนอนอ้าขาให้มันกระแทกเข้าไปแล้ว" เขาพูดจบ ฉันก็ฟาดฝามือฉันลงไปที่ข้างแก้มของพี่พายุเต็มแรง จนมือฉันแดงและเจ็บ แต่ก็ยังเจ็บน้อยกว่าคำพูดของเขา ที่ดูถูกเหยียดหยามฉันเมื่อสักครู่นี้
"นี่เธอ! กล้าดียังไงถึงมาตบหน้าฉันล่ะฮึ!" เสียงแข็งกร้าวตะเบ็งใส่หน้าฉัน
"ก็พี่ยุดูถูกพร้อมก่อนทำไมละ" ฉันเถียงสวนกลับออกไปทันที
"แล้วมันจริงอย่างที่ฉันพูดไหมละ"
"ไม่จริง! ถึงพร้อมจะเป็นแค่เด็กกำพร้า พร้อมก็มีสมอง มีความคิด และไม่เคยคิดเรื่องสกปรกที่จะทำให้ เสียเกียรติของตระกูลศิลปการสกุลของคุณพ่อด้วย" ฉันตวาดกลับอย่างไม่ยอมแพ้ และน้ำตาก็รินหลั่งไหลลงร่องแก้ม
ดวงตาคมลดแสงลง แล้วเขาก็ยกมือขึ้น มากอบกุมที่แก้มฉันทั้งสองข้าง แล้วใช้นิ้วแม่โป้งเกลี่ยซับน้ำตาให้ฉัน อย่างแผ่วเบา ฉันรับรู้ถึงความอ่อนโยนของเขา แต่ก็แค่แปปเดียว พี่พายุก็รีบชักมือกลับ แล้วกำหมัดหลวม ๆ ไปกระแทกลง พนักพิงของเบาะรถ ไม่แรงนักก่อนจะหันมามองหน้าฉัน
"กลับบ้านกันเถอะคุณแม่รออยู่" ว่าจบ เขาก็ออกรถไปตามเส้นทาง ที่เนืองแน่นไปด้วยรถราที่หนาตา ในกรุงเทพฯเวลาคนเลิกงาน และวันนี้เป็นวันศุกร์ด้วยจึงทำให้รถติดยาวมากขึ้น
พี่พายุตั้งหน้าตั้งตาดูถนน และรถราที่ติดกันเป็นสายยาว เขาก็ได้แต่ถอนหายใจยาวออกมา
ส่วนฉันไม่พูดจาอะไรออกมาอีกเลย หลังจากต่อปากต่อคำกับเขา เราสองคนนั่งอยู่ในรถด้วยกันนานหลายชั่วโมง จนเป็นเขาเองที่หันหน้ามามองฉัน แล้วก็เอ่ยถามฉัน
"หนูพร้อมหิวไหม" ฉันหันไปสบตาเขา แล้วส่ายหน้าเบา ๆ ออกมาเป็นคำปฏิเสธ จนพี่พายุทนไม่ไหวจึงหันมาต่อว่าฉันด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นมัว
"ทำไม? เกลียดขี้หน้าพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ ถามอะไรก็ไม่ตอบ ทีกับพี่ใหญ่นี้ออดอ้อนกันจังนะ" เสียงเข้มขุ่นเอ่ยต่อว่าฉัน
"ก็พี่ใหญ่กับพี่ยุไม่เหมือนกันนะสิคะ" ฉันว่า
"ไม่เหมือนกันตรงไหน" เสียงเข้มยังเอ่ยถามฉันต่อ แล้วจะให้ฉันตอบยังไงดีละเนี่ย! ก็พี่ใหญ่ดีกับฉันและรักฉันเหมือนน้องสาว ไม่เหมือนอีกคนเอาแต่จ้องจะหาเรื่องฉัน และที่สำคัญเขาเป็นคนทำลายสิ่งหวงแหนของฉันด้วย
"พี่รอคำตอบอยู่นะ พี่กับพี่ใหญ่ต่างกันตรงไหน" ฉันเลือกที่จะไม่ตอบคำถามเขา เพราะเขาก็น่าจะรู้ว่าตัวเองทำอะไรไว้บ้าง
เมื่อรถแล่นมาใกล้จะถึงบ้าน เขาก็หันมาถามคำถามเดิมอีก และฉันก็เลือกที่จะเงียบ
"ถ้าไม่ตอบพี่จะจอดรถอยู่ตรงนี้ ให้คนแถวนี้สงสัยไปเลย ว่าเรากำลังทำอะไรกัน" เขาว่า
"อยากจอดก็จอดไปพร้อมจะลงเดินไปเองก็ได้" ว่าจบฉันก็เตรียมตัวจะเปิดประตูและก้าวลง แต่พี่พายุก็กดล็อคไว้อย่างแน่นหนา แล้วเอื้อมมือมาคว้าเอวฉันยกลอยขึ้น มาวางลงบนตักแกร่งของเขาทันที
"อื้อ! พี่ยุจะทำอะไรปล่อยพร้อมนะคะ ไม่อย่างนั้นพร้อมจะฟ้องคุณแม่" ฉันรีบขู่ และดิ้นรนจะลงจากตักของเขา
"เชิญฟ้องเลย พี่ก็อยากให้ฟ้องตั้งนานแล้ว ทุกคนในบ้านจะได้รู้ ว่าเราเคยเอากัน" ว่าจบพี่พายุก็ซุกไซ้ลงที่ซอกคอของฉัน สองมือก็แยกกันทำหน้าที มือข้างหนึ่งมาบีบบี้ที่อกอวบของฉัน ส่วนอีกข้างก็ลูบไล้ไปที่แผ่นหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมไล่เรื่อยลงไปหาสะโพกกลมกลึงของฉัน
ฉันน้ำตารินไหลลงอาบแก้ม พร้อมร้องอ้อนวอนเขาเสียงสั่นเทาแล้วหาทางเอ่ยขู่
"พี่ยุหยุดและปล่อยพร้อมเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นพี่ยุจะไม่ได้เห็นหน้าพร้อมอีกเลย" ร่างโตหยุดชะงักลง แล้วกอดฉันแน่น
"พี่ปล่อยก็ได้ แต่หนูห้ามดื้ออีกเข้าใจไหม" ว่าจบเขาก็จับยกตัวฉันมาวางบนเบาะข้าง ๆ กันเหมือนเดิม แล้วฉันก็จัดเสื้อผ้าตัวเองจนเรียบร้อยเขาถึงได้ออกรถ
เมื่อรถแล่นผ่านประตูรั้ว แล้วแล่นไปจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ ฉันก็เปิดประตูก้าวลงมา พี่พายุก็ก้าวลงเดินตามมาติด ๆ
เราสองคนเดินเข้ามาถึงห้องโถง ที่มีชุดโซฟาหรูราคาแพง ก็เห็นคุณแม่กับคุณพ่อกำลังนั่งรอพวกเราอยู่
"มากันแล้วเหรอลูก หนูพร้อมมาหาแม่เลย แม่จะกอดให้ชื่นใจให้หายคิดถึงไปเลย" คุณแม่ว่าจบฉันก็โผเข้าซบอกที่อบอุ่นอย่างโหยหา เหมือนต้องการหาที่พักพิง แล้วน้ำตาแห่งความเสียใจก็หลั่งไหลออกมา ฉันรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ แต่ก็อธิบายบอกใครไม่ได้
"อื้อ! หนูพร้อมร้องไห้ทำไมละลูก บอกแม่มาสิใครทำให้ลูกสาวแม่ต้องร้องไห้แบบนี้จ๊ะ" เสียงมารดาเอ่ยถาม แล้วลูบไล้ที่แผ่นหลังฉันเบา ๆ เพื่อปลอบโยน ฉันเอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธ
"ไม่มีใครทำอะไรค่ะ แต่หนูคิดถึงคุณแม่" ฉันพูดปดออกไป จะให้ฉันตะโกนบอกใคร ๆ ได้อย่างไรว่าถูกพี่พายุรังแกทั้งร่างกายและจิตใจ
"อ้าว! นั่นพี่ใหญ่มาพอดี มาพร้อมหน้ากันแล้ว เดี๋ยวเข้าไปนั่งกันที่โต๊ะอาหารเลยจ๊ะ จะได้นั่งทานข้าวด้วยกันและคุยกันไปด้วย" มารดาว่า ก่อนจะหันมาซับน้ำตาให้ฉันด้วยความอ่อนโยน
"ไปทานข้าวกันจ๊ะหนูพร้อม"
ฉันลุกเดินไปที่โต๊ะอาหาร เมื่อมองเห็นพี่ใหญ่และพี่พายุเดินไปนั่งรอกันพร้อมหน้าแล้ว
เรานั่งทานอาหารทุกคนต่างพูดคุยกัน คุณพ่อก็ถามเรื่องงานที่บริษัทกับพี่ ๆ คงมีแต่ฉันที่นั่งทานอาหารอย่างเงียบ ๆ ทำเหมือนผู้ฟังที่ดีอยู่ในวงสนทนา อยู่ ๆ คุณแม่ก็เอ่ยขึ้น
"เดี๋ยวอาทิตย์หน้าลุงอมรกับพี่อาทิตย์ เขาก็จะกลับจากอังกฤษ แม่อยากให้หนูพร้อมทำความรู้จักกับพี่เขาไว้นะลูก" ว่าจบคุณแม่ก็หันมาส่งยิ้มหวานให้ฉัน
"หมายความว่าไงครับคุณแม่" เป็นพี่พายุเองที่ร้อนรนอยากรู้กว่าคนอื่นแทรกขึ้นมา
"ก็ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นดีเห็นงาม จะให้พี่อาทิตย์กับหนูพร้อมหมั้นหมายกันเอาไว้ก่อนนะสิ" คุณแม่เอ่ยออกมา
"จะหมั้น หมายความว่าคุณแม่จะให้หนูพร้อมหมั้น กับลูกชายคุณลุงอมรเหรอครับ" เสียงพี่พายุเอ่ยถามเร็วรัว
"นี่! ตายุทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนั้น นี่! เป็นข่าวดีต่างหากที่น้องสาวเรา จะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับคนดี ๆ อย่างพี่อาทิตย์"
"จะรีบทำไมละครับหนูพร้อมก็ยังเรียนไม่จบเลย ผมว่า ไว้ให้น้องเลือกเอง ไม่ดีกว่าเหรอครับ" พี่พายุรีบแย้งและออกความคิดเห็นออกมา
"ผมก็เห็นด้วยกับพายุนะครับคุณแม่" เสียงพี่ใหญ่เอ่ยสมทบ
"แต่พ่อกับลุงอมรเป็นเพื่อนกันมานาน ตั้งแต่สมัยพ่อยังไม่มีอะไรเลย ก็มีแต่ลุงนี่แหละที่ช่วยพ่อทุกอย่าง จนเรามีวันนี้พ่อกับแม่เลยไม่อยากขัด เมื่อคุณลุงเห็นหนูพร้อมก็เกิดหลงรักขึ้นมา จนอยากได้ไปเป็นสะใภ้นะสิ" ทุกคนในโต๊ะอาหารต่างเงียบเสียงลง ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ
อะไรกันนี่!! ทำไมชีวิตฉัน จึงไม่มีอะไรเป็นของตัวเองบ้างเลย จากเด็กกำพร้าที่โดนทิ้ง พอมีคนใจดีรับมาอุปการะ ดูเหมือนชีวิตจะดีและสุขสบาย ฉันก็ต้องมาพบเจอกับเรื่องร้าย ๆ ในชีวิตอีก ที่โดนซาตานในคราบพี่ชาย บังคับ ล่วงเกินทำลายสิ่งที่หวงแหนในชีวิตของฉัน อย่างเจ็บปวด และเอากลับคืนมาไม่ได้ แล้วนี่! ฉันจะต้องรับหมั้นหมาย กับผู้ชายที่ไม่รู้จัก จะมีอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกไหม'พร้อมรัก'
เมื่อรู้สึกกลืนข้าวไม่ลง มันจุกติดอยู่ที่หน้าอก ฉันก้มหน้าลงกระพริบตาปริบ ๆ เพื่อไล่น้ำตาให้ไปตกด้านในแทน ก่อนจะหันไปหาคุณแม่และขอตัว
ฉันลุกออกจากโต๊ะอาหาร ด้วยจิตใจที่หดหู่ แล้วรีบสาวเท้าขึ้นไปที่ห้องนอน เมื่อเปิดประตูเข้าแล้วหันมาปิดกดล็อค แล้วไปล้มตัวลงนอน น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็พรั่งพรูไหลออกมาเต็มหมอน