ครูห้าวสอนสวาท บทที่1.ขุนเขาแมกไม้ และแสงแดด
บทที่1.ขุนเขาแมกไม้ และแสงแดด
ทิพย์นรีไม่อยากคุยประสบการณ์เรื่องเพศของเธอ กับเพศตรงข้าม ใช่ว่าเธอจะไม่รู้จักเสียเมื่อไหร่ เธอเองก็ไม่ใช่ย่อย เมื่อเธอเสียสาวตั้งแต่เป็นประจำเดือนครั้งแรก แต่ไม่ได้กระโตกกระตากให้บิดา มารดารู้ ภายใต้สายตาของบุพการี ทิพย์นรีแก่นเซี้ยวตามประสาลูกคนมีสตางค์ทั่วไป เธอเก็บงำความลับโสมมนั้นไว้ แอบซ่อนไว้ใต้หน้ากากของลูกที่ดี
ท่ามกลางป่าไม้รกครึ้มบนยอดดอย หมู่บ้านชาวเขาที่มีสมาชิกในหมู่บ้านไม่เกิน30หลังคาเรือน ใจกลางหมู่บ้านคือโรงเรือนขนาดกลาง มีกระดานดำ มีโต๊ะเก้าอี้ที่ค่อนข้างเก่า แต่สภาพใช้งานได้ดีพอควร พอที่เด็กๆ ชาวเขาจะใช้นั่งเรียนหนังสือ มันเป็นแค่ศูนย์สอนหนังสือเด็กก่อนวัยเรียน มีเด็กชาวเขาอายุถึงเกณฑ์ประมาน10กว่าคน แต่ที่ขาดคือคนสอน ทิพย์นรีเลยได้รับมอบหมายทำหน้าที่ตรงนั้น
หญิงสาวกอดอกมองคราบฝุ่นใต้โต๊ะด้วยสีหน้าบรรยายไม่ถูก ที่ตนเองต้องมาผจญกับความลำบากก็เพราะต้องการหลบสายตาของเพื่อนๆ หากมีใครคนใดคนหนึ่งรู้ว่าเธอถูกลงโทษจากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ที่คุยฟุ้งไว้... ก็จะกลายเป็นเรื่องตลก ใครจะไปคิดล่ะ...บิดาที่รักเธอนักหนา จนใช้เหตุครั้งนี้ดัดนิสัยชอบขับรถเร็วของเธอเสียนี่
“เอาน่าทิพย์แค่15วันเอง”
ระยะที่ถูกทำโทษไม่นานเท่าไหร่ ทิพย์นรีรับได้ แต่ที่จะทนไม่ได้คือที่นี่มีแต่ต้นไม้ใบหญ้า สัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดๆ หายๆ ต้องเดินหาคลื่นอยู่นาน หากต้องการใช้เครื่องมือสื่อสารสักครั้ง
“พอไหวไหมครู?”
เสียงแหบเครือจากชายวัยกลางคนเอ่ยถาม มะดอ ชายผู้นั้นเป็นผู้นำชนเผ่า กึ่งๆ ผู้ใหญ่บ้านเพียงแต่จำนวนหลังคาเรือนน้อยเกินไป จึงจัดตั้งไม่ได้ พวกเขาเลยต้องช่วยกันดูแล มะดอเลยทำหน้าที่หัวหน้าหมู่บ้านกรายๆ
“ก็…ไม่แย่นักค่ะ”
ทนได้หรือไม่ได้ ทิพย์นรีก็ต้องทน ในเมื่อตนเองตัดสินใจมาแล้ว ให้ถอยหลังกลับบิดาก็คงคาดโทษไปอีกนาน และหากเธอก่อเรื่องขึ้นอีกท่านคงไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยอีกเป็นแน่ ทิพย์นรีเลยต้องจำใจทน เพราะนี่คือทางเลือกเดียวของเธอ
“เดี๋ยวกระผมจะให้ลูกบ้านมาช่วยกันปัดฝุ่น ส่วนที่หลับที่นอน ครูใช้บ้านหลังนั้นได้เลยครับ”
มะดอชี้มือไปที่บ้านไม้หลังหนึ่ง ไม่ห่างจากโรงเรือนที่เป็นที่สอนนัก สภาพไม่ต่างอะไรกับจุดที่เธอยืนอยู่ ขนาดมองไกลๆ ยังเห็นแต่ฝุ่นผง
“ขอถังน้ำกับผ้าเช็ดพื้นให้ฉันด้วยนะคะ”
เธอร้องขอ เพราะหากไม่ทำความสะอาดพื้นเสียก่อน คืนนี้เธอคงทรมานตายกับการนอนกลางฝุ่นกองเท่าภูเขา
มะดอยิ้มแผล่…ครูคนใหม่ไม่ได้สำรวยจัดเหมือนกับครูคนที่มาคราวก่อน ถึงผิวพรรณจะเหมือนเป็นลูกคนมีสตางค์ที่ไม่เคยผ่านความยากลำบาก แต่คนตรงหน้าก็ไม่ได้หยิบโหย่งนัก เมื่อเธอร้องขออุปกรณ์ทำความสะอาดจากตนเอง
“ครับ…”
ทิพย์นรีเดินตรงไปยังบ้านไม้ที่เธอต้องซุกหัวนอนทั้ง15วันทันที เธอวางเป้หนักอึ้งบนหลังไว้ที่พื้น จัดแจงเปิดหน้าต่างไล่อากาศอับๆ เป็นสิ่งแรก เธอเกือบถอดใจหันหลังหนี เมื่อภายในมีแต่ฝุ่นหนาเป็นคืบ
“พ่อให้ฉันเอานี่มาให้ครูจ้ะ”
เสียงหวานใสจากผู้หญิงชาวเขาคนหนึ่งดังอยู่ด้านหลัง
เจ้าหล่อนกอดผ้าห่มสีซีดๆ กับอุปกรณ์ทำความสะอาดทั้งหลายแหล่ไว้เต็มอ้อมแขน
รอยยิ้มแสนซื่อ กับแววตายินดี ทำให้ทิพย์นรีเปลี่ยนความคิด คนที่นี่ยินดีกับการมาถึงของเธอ แล้วเธอจะปล่อยให้เขาผิดหวัง เพียงเพราะอุปสรรคเล็กๆ นี่ได้อย่างไร
สาวหน้าใสที่เอาผ้าห่มกับเครื่องนอนมาให้เธอชื่อมะแด
มะแดเป็นลูกสาวมะดอ เธอมีอายุแค่14ปี ชาวเขาที่เริ่มเป็นสาวผิวสวยจนทิพย์นรีรีบก้มมองตัวเอง ปีนี้เธอมีอายุ25 ผิวของเธอกร้านเพราะใช้งานหนัก จนแอบอิจฉาแม่สาวตรงหน้าขึ้นมาตงิดๆ
“ให้มะแดช่วยนะครู”
เป็นน้ำใจเล็กๆ ที่สาวชาวป่ามีให้กับครูคนใหม่
ทิพย์นรียิ้มรับ เธอพยักหน้า เด็กสาวผู้นั้นจึงรีบกุลีกุจอเข้ามาช่วย เกือบ2ชั่วโมงเต็มกับการทำลายคราบสกปรก รวมทั้งฝุ่นที่กองสูงเกือบ1นิ้ว พื้นไม้สะอาดเป็นเงาวับ เครื่องนอนถูกวางไว้มุมห้อง ทิพย์นรีชะเง้อมองเปลวแดด มันยังมีเวลามากพอที่จะทำความสะอาดเครื่องนอนพวกนั้น คืนนี้เธอคงหลับสบาย