ตอนที่ 5
เมื่อก้มหน้าเชยชมจนรู้สึกได้ถึงความชื้นลื่น หลากหลั่งไปทั่วกลีบบุปผา สูดกลิ่นจางๆจากความหอมอันประหลาดล้ำของเนื้ออ่อนบาง เจือจับอยู่ในลมหายใจ ปลุกความใคร่กระหายที่จะร่วมรักกับเธอให้ปะทุแรงขึ้นอีกหลายเท่าทวี
เดลรีบช้อนร่างระทดระทวยขึ้นอุ้ม เมื่อการชมเชยเพียงภายนอกไม่อาจทำให้คนทั้งสองบรรลุในความปรารถนาที่มีต่อกัน ปลายเท้าน้อยๆของโซเฟียละลิ่วลอยจากพื้น เขาอุ้มเธอเดินดุ่มไปยังห้องนอนของเธอซึ่งอยู่ไม่ไกล
เมื่อเขาวางเธอลงบนที่นอนด้วยอาการทะนุถนอม โซเฟียกระถดร่างเข้าไปใกล้หัวเตียง คว้าเอาหมอนมารองหลัง แล้วเอนพิงพนักหัวเตียง อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน มองดูเดลคลายเข็มขัด ปลดเปลื้องเสื้อผ้าลนลาน
เสี้ยวอึดใจ ทว่าช่างรู้สึกว่ามันยาวนานสำหรับคนรอ ร่างนั้นก็เปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้า
โซเฟียเหมือนเชลยศึกซึ่งเพลี่ยงพล้ำอยู่กลางสนามรบ หัวใจเต้นระส่ำ รอคอยการลงทัณฑ์อันแสนหวาน จากศาสตราวุธที่แลเห็นรูปลำน่าเกรงขามของมันเหวี่ยงไหวอยู่ในแสงแดดลำสุดท้ายของยามเย็นที่สาดลอดช่องหน้าต่างมาทางเบื้องทิศตะวันตก
จากนั้นเขาก็โถมถาเข้าหาเธอที่ชันเข่ารอ
“คิดถึงเหลือเกินโซเฟีย”
กล่าวพร้อมกับคว้าชายกระโปรง ถลกเลิกมันขึ้นไปกองอยู่เหนือหน้าท้อง ลำตัวหนาแทรกลงกลางความอบอุ่นที่อ้ารับ เดลเริ่มเคลื่อนไหว ด้วยการคลึงขยับบั้นท้าย กระถดไถเบาๆ ทำราวกับเป็นวัวกระทิงตัวผู้ที่ตรงเข้าเกลือกกายกับกับพุ่มแพรไหมสีทองระยับ ให้ความรู้สึกเหมือนต้นหญ้าอ่อนๆที่ผลิรับฝนแรก
ร่างกายที่เสียดสีกันจนอุ่น ทว่าแค่เพียงสัมผัสคงไม่อาจทำให้อิ่ม เดลจึงอาสาทำหน้าที่เป็นคนสวนที่กำลังจะปลูกต้นไม้ใหญ่ลงในสวนของเธอ เมื่อผืนดินของเธอพร้อมแล้ว จากการไถพรวนของเขา เดลจึงค่อยๆเคลื่อนลำต้นของไม้ใหญ่ ละเลียดลึกลงไปในหลุ่มอารมณ์ที่ตัวเองขุดเอาไว้รอ
เพราะความขรุขระของเปลือกและลำต้นอันใหญ่หนา ทำให้โซเฟียต้องหลับตาปี๋ กับความรู้สึกเสียดสาก เมื่อเขาพยายามจะหยั่งรากลึกลงในผืนดินที่เต็มไปด้วยความรู้สึกรับรู้ จนสุดลิ่มลำของความกระหาย
โซเฟียสะดุ้งเฮือก เหลือกลูกตาขึ้นมองเพดาน ลมหายใจสะท้าน พ่นพรูออกมาช้าๆ ค่อยๆออมลมหายใจเอาไว้ ราวกับกลัวว่ามันจะหมดลงเสียก่อนที่จะได้แลกเหงื่อกับเขา
รู้สึกได้เลยว่าต้นไม้ของเดล กำลังหยั่งรากลึกเข้าไปในผืนดินของเธอ เสี้ยวนาทีสั้นๆ รากของมันก็แทรกเข้าไปสานรวมอยู่ในอณูเซลล์ของความสัมพันธ์อันซับซ้อน แต่เป็นสุขเหลือเกิน
“เดล” เธอเรียกชื่อเขา เดลตอบด้วยเสียงพ่นลมหายใจถี่กระชั้น เมื่อมันถึงที่สุดในการเดินทางของเขา
แม้ไม่ได้มองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นให้ชัดๆ หากโซเฟียก็รู้สึกได้ถึงร่างกายที่โยกโยน เนื้อตัวของเขาเริ่มเปลี่ยนจากอุ่นไปเป็นร้อน เมื่อมันเริ่มเคลื่อนไหว ผิวกายก็ชื้นจนอาบสายเหงื่อไปในที่สุด เขาพลิ้วไหวเหมือนลมที่พัดใบยูคาลิปตัสอยู่ภายนอก ไม่ผ่อนพักแม้แต่เสี้ยววินาที นับจากที่มันเชื่อมประสาน
เดลชอบฟังเสียงครางของโซเฟีย มันไพเพราะกว่าบทเพลงใดๆที่เคยถือกำเนิดมาบนโลกใบนี้ เสียงนั้นอาจเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยยืนยันว่าเธอต้องการเขา แม้โซเฟียจะไม่เคยหยิบยื่น ‘คำรัก’ ให้เขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เดลมีความสุข เมื่อลอบชำเลืองมองดวงตาปรือปรอยของโซเฟีย ดวงตาคู่ที่กำลังกระพริบถี่เหมือนคนหายใจไม่ทัน ยืนยันว่าหล่อนปรารถนา เรียกร้องจนดวงหน้าสวยร่อนลอยด้วยความลืมตัว เร่งเร้าให้เขาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย
เนื้อตัวของเขาใหญ่ บั้นท้ายของเขาแกร่ง ทุกจังหวะจึงหนักแน่นรุนแรง สองร่างบดกระทั้นจนโซเฟียกัดฟัน กลั้นเสียงร้องเอาไว้ไม่ไหว ผมยาวสลวยที่ขมวดมวยเอาไว้ ลุ่ยหลุดกระเจิงกระจาย เรี่ยอยู่ที่แผ่นหลังซึ่งโยกโยนไปตามเสียงกึกกักของเตียงที่กระแทกผนัง
เธอเร่งเขาด้วยมือที่จิกเกร็งอยู่บนผืนผ้าปูที่นอนซีดเก่า เมื่อแลเห็นสวรรค์รำไร ในดินแดนไกลโพ้นที่มีดอกไม้โรยรองใต้ร่างของเธอและเขา แลเห็นสายรุ้งรำไร ดวงดาวผุดพราย และสะพานทอดยาวไปสู่ประตูสวรรค์คล้ายภาพลวงตา พร่าเลือนอยู่ตรงหน้า หากความรู้สึกก็สัมผัสได้ถึงความมีอยู่จริงของมัน
เดลรีบเร่งจังหวะเพื่อส่งเธอไปสู่อีกความรู้สึก หล่อนส่งสัญญาณด้วยการจิกปลายเล็บจนเจ็บเนื้อ ทว่าเดลก็เต็มใจที่จะรับความเจ็บปวดนั้นไว้ กระทั่งเสียงหายใจของเธอและเขาขาดหายไปเป็นห้วงๆ กระท่อนกระแท่นเหมือนหัวใจจะขาด
จากนั้นไม่นาน โซเฟียก็เป็นฝ่ายปลดปล่อยเสียงครางยาวออกมาก่อน แผ่วเบาจนเกือบกลืนกลบไปกับเสียงลมที่พัดอื้ออึงอยู่ภายนอก ในหูของเธอได้ยินแต่เสียงบทเพลงที่บรรเลงจากเครื่องดนตรีอันประกอบขึ้นด้วยเนื้อกระทบเนื้อ
เดลเหมือนคนอดอยาก ทุกรอยประทับของเขาที่ฝากเอาไว้ จึงแน่นหนักจนริมฝีปากของเธอเผยออ้า กัดเม้มกลีบปากของตัวเองไปมา พยายามกลืนเสียงครางลงลำคอไป