บทย่อ
“พี่ชาย หากท่านไม่รักข้า ท่านจะย่ำยีข้าไปถึงไหน ข้าเจ็บ ข้าปวดใจท่านรู้หรือไม่ ข้าไม่ใช่เสี่ยวอวี้ของท่านนะ” เรื่องย่อ ลู่ฟางหลิน เรียบร้อยอ่อนหวาน อีกทั้งยังทำอาหารเก่งนัก แต่ติดที่บ้านของนางยากจนเท่านั้น ทำการค้าขายเพียงแค่ผักและผลไม้ หวังอ้ายเทียน ชายหนุ่มรูปงาม ตำแหน่งของเขาคือท่านรองแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ เห็นหน้าหล่อเหลาคมคาย จะคิดว่าเขาเป็นคนใจดีมีเมตตา หาใช่ดั่งรูปลักษณ์ภายนอกไม่ เขาคือ มัจจุราชหน้าหยก รอยยิ้มจำแลงดูราวกับปีศาจของเขานั้นน่ากลัวนัก แววตาเย็นยะเยือกชวนให้น่าหวาดหวั่นไม่น้อย เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น เพราะฉู่หยางเฉิน เทยาบำรุงเกินขนาดทำให้ ท่านรองสหายรักคึกคักอีกทั้งเพิ่งจะอกหัก จึงได้ย่ำยีน้องสาวเข้าให้ ก่อนนางจากไปนาง มอบจดหมายให้แก่ชายหนุ่ม ตัวอกษรนั่นบ่งบอกถึงความเจ็บปวดชอกช้ำมากมาย
ตอนที่ 1 อกหัก
วันเกิดเหตุ
ภายในของหลิวชิง บุรุษรูปงามผู้หนึ่ง กำลังถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่เพื่อมามอบให้สตรีที่เขาพึงพอใจ หลังจากที่หลิวชิง แม่ทัพแห่งแคว้นนั้นกำจัดศัตรูทั้งหลายหมดสิ้น
ขจัดเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทงไปจนหมดเรียบร้อย เขาก็เลยถือโอกาสดีงาม ในวัยที่นางเพิ่งจะพ้นพิธีปักปิ่นได้สามวันให้หลัง
เสี่ยวอวี้ และเสี่ยวอ้าย สองพี่น้องเดินพูดคุยหัวเราะสนุกสนาน ยิ้มแย้มตลอดสองข้างทางเดินมา หัวเราะร่วนอย่างคนอารมณ์ดี ทั้งสองเดินลัดเลาะหวังว่าจะกลับเรือนนอนของพวกนาง
สองเท้าเล็ก ๆ ก้าวเดินอย่างไม่ได้รีบร้อนอันใด เสี่ยวอ้ายนึกขึ้นได้ว่า ลืมเอ่ยเรื่องสำคัญกับท่านกุนซือ คนรู้ใจของนาง จึงได้บอก เสี่ยวอวี้ น้องสาวเสียก่อน นางจะไปบอกธุระสักครู่เดี๋ยวจะตามไป
เสี่ยวอวี้น้องสาวพยักหน้าเล็กน้อย มองเห็นแผ่นหลังบอบบางของพี่สาวจนลับตาไป นางระบายยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มที่แก้มทั้งสองข้าง
ก่อนจะเดินนวยนาดเข้าไปในเขตเรือนนอนที่ไม่ห่างจาก เรือนใหญ่ ที่เป็นของเจ้าของจวนอย่างท่านแม่ทัพหยาง
พวกนางสองคนพี่น้องมิใช่เป็นเพียงสาวใช้ธรรมดา แต่ทว่า ท่านแม่ทัพเอ็นดูพวกนางคล้ายดั่งน้องสาว เช่นนั้นสาวใช้ทั้งสองคนพี่น้อง โชคดีนักที่มีเจ้านายเมตตาเช่นนี้ มอบเรือนนอนให้พวกนางสองคนพี่น้อง
เบี้ยหวัดก็มีมากมายไม่น้อย เพราะเจ้าของจวนนั้นใจดีมาก อีกทั้งบ่าวไพร่ในเรือนก็มีเพียงไม่ถึงสิบคนในจวนแห่งนี้ หากเทียบกับตระกูลขุนนางทั้งหลาย จวนของท่านแม่ทัพมีบ่าวน้อยที่สุดกระมัง
งานของพวกนางก็หยิบจับให้วุ่นพอตัว ด้วยว่าเบี้ยหวัดรายเดือนนั้นมากก็โข ทำงานมือเป็นระวิงทีเดียว พวกนางสองคนพี่น้อง มิเคยเอ่ยบ่นเหนื่อยหรือลำบาก ออกจะมีความสุขเสียด้วยซ้ำไป
มีที่นอนนุ่ม ๆ มีเตียงนอนที่กว้างใหญ่ มีอาหารเลิศรสได้ลิ้มลองทุกมื้อ หากวันใด นายท่านฉู่ใจดีมาก ก็จะพาพวกนางไปที่เหลาอาหารด้วยเช่นกัน
ผู้ที่ยืนอยู่ในความมืดสีหน้ากระวนกระวายไม่น้อย มือหนาชื้นไปด้วยเหงื่อที่ฝ่ามือของเขา ดวงตาหรี่เล็กจ้องมองไปยังทางเดิน วาดหวังว่าจะทำให้สตรีที่หมายปองตกใจและซาบซึ้งใจ
จนในที่สุดคนที่เขารอคอยก็มาถึง เสี่ยวอวี้เดินเข้ามา เห็นท่านรองยืนยิ้มแป้น พร้อมช่อดอกไม้หนึ่งช่อ ซึ่งคาดว่าเขาจะเก็บมาจากสวนในจวนแน่ ๆ
เสี่ยวอวี้ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ไม่ให้เขาผิดหวังและเสียใจ เพราะนางรู้อยู่แก่ใจว่าคนเบื้องหน้านั้นต้องการสิ่งใด
นางมีคนที่หมายหมั้นกันอยู่แล้ว เรื่องนี้นางมิได้เอ่ยให้ใครได้รับรู้มาก่อน
“ท่านรอง มืดค่ำแล้ว มิกลับจวนหรือเจ้าคะ” ถึงแม้จะเห็นว่าในมือของชายหนุ่มถือช่อดอกไม้เอาไว้
แม้ว่าจะดีใจลึก ๆ กับสิ่งที่เขามอบให้นาง มีแต่ความจริงใจ และห่วงหา ตลอดเวลาที่ได้รู้จักกับเขา เขาเป็นบุรุษอบอุ่นไม่น้อย
นางยังแอบเผลอใจให้เขาด้วยเช่นเดียวกัน แต่ทว่านางมีคู่หมายแล้ว ถึงเขาจะไม่ได้ร่ำรวยอันใด พอมีพอกิน แต่รู้จักกันมาตั้งแต่นางได้ ห้าหนาวแล้ว
บิดา มารดา ก็เอ่ยปากว่ายกนางให้พวกเขา ในวัยที่นางพ้นปักปิ่นไป นางอดที่จะตื่นเต้นและเสียใจในคราเดียวกันไม่ได้ ที่จะต้องจากจวนนี้ไป ด้วยคำสั่งเสียของมารดา อย่าผิดคำพูดเด็ดขาด
“ข้ามารอเจ้า เสี่ยวอวี้ คือข้า” ท่านรองเอ่ยกุกกัก ตื่นเต้นไม่น้อย อยากจะบอกรักนางในดวงใจ แต่ไม่กล้า
“คืออันใดหรือเจ้าคะ ท่านรองนี่ก็ดึกมากแล้ว นอนดึกไม่ดีนะเจ้าคะ” นางก็เป็นห่วงทุกคน ไม่ใช่แค่ ท่านรอง เท่านั้น
“นี่ช่อดอกไม้ ข้ามอบให้เจ้า เสี่ยวอวี้ ข้าชอบเจ้านะ” ในที่สุดเขาก็ได้พูดออกไป พร้อมกับความโล่งอกที่ได้เอ่ยพูดในสิ่งที่เก็บมันเอาไว้มานาน
คนฟังนั้นยืนนิ่ง มิกล้าขยับตัวไปไหน นางกำลังคิดทบทวนว่า เหตุใด ท่านรองแม่ทัพถึงได้เอ่ยขอเรื่องรักใคร่ยามดึกดื่นเช่นนี้
“ท่านรอง คือ...คือว่า ข้ามีคู่หมายแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวอวี้ตัดสินใจเอ่ยพูดกับคนตัวโต เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียใจแล้วเขาจะได้ตัดใจจากนางเสีย
“มันก็แค่คู่หมาย มิได้หมั้นกันเสียหน่อย เจ้ากับข้ามีใจให้กัน เช่นนั้นก็แต่งงานกันเถิดนะ” ท่านรองยังคงตื้อนางต่อ เขาเอ่ยเหตุผลที่มันอาจจะเป็นไปได้
“ท่านรอง ข้าขอบคุณที่ท่านเอ็นดูข้านะเจ้าคะ แต่ข้ามิอาจจะผิดคำพูดที่ให้ไว้ได้ ข้อน้อยขอโทษเจ้าค่ะ” แม้ว่าตนเองจะรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกด้านซ้าย อย่างบอกไม่ถูก และมันก็คงไม่ต่างกันกับเขา ความรักที่ไม่อาจจะเป็นไปได้
แต่นางก็ได้ทำตามคำสั่งเสียของบิดามารดาก่อนที่จะสิ้นใจไป และรู้สึกว่านางทำให้เขาเสียใจเป็นแน่ ที่เห็นเขายืนนิ่งพร้อมกับช่อดอกไม้ นั่นหลุดมือและหล่นลงที่พื้น
เขาไม่แม้แต่จะก้มมองมัน มองไปยังสตรีที่เขาพึงพอใจ และแอบชอบนางอย่างสุดหัวใจก็ว่าได้ เขาปวดร้าวทรมานนัก เจ็บปวดยิ่งกว่า ผ่านศึกสงครามมานับไม่ถ้วน
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว” เขาตัดบทไปดื้อ ๆ เพียงแค่นั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว เขาอยากจะกำจัดชายผู้นั้นให้ออกไป
หวังว่านางจะมองเขาหากชายคนนั้นได้หายไปจากสายตานาง เขาวาดหวังไว้ให้เป็นเช่นนั้น เขาจะต้องสืบให้ได้
ชายคนนั้นมีดีกว่าเขาหรืออย่างไร ฐานะของเขาก็ใช่ว่าจะหาสาวงามข้างกายไม่ได้ แต่เขารักนางชอบนางไปแล้ว จะให้ทำอย่างไร
เขาเดินด้วยความขึ้งเคียด สีหน้านั้นดูไม่ยิ้มแย้ม อารมณ์ขุ่นมัวมากนัก เขาเดินอย่างรวดเร็ว จนมาถึงที่สนามหญ้าหน้าจวนของ ท่านแม่ทัพ
“นี่ วันนี้ภรรยาข้าใจดี พวกเราไปดื่มฉลองดีหรือไม่” ฉู่หยางเฉิน ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันขาวสะอาด แถมยังเบิกบานใจไม่น้อย ที่ภรรยาปล่อยให้เขาไปดื่มสุรากับสหายของเขาบ้าง
“ที่ไหนเล่า” ท่านกุนซือยิ้มอย่างดีอกดีใจเช่นเดียวกัน เมื่อครู่เขาขอเสี่ยวอ้าย ว่าอยากจะไปร่วมวงสุรากับเหล่าท่านอ๋อง นางใจดีอนุญาตด้วย
“ที่ตำหนักของข้าดีหรือไม่เล่า” ท่านอ๋องยิ้มแย้มขึ้นพลางเสนอตัวทันที ตัวเขาเองจะกระดิกไปไหนนั้นก็ยากนัก เพราะเกรงใจภรรยา หากบอกว่ามาที่จวนของน้องสาว
นางรีบให้ท่านอ๋องพี่ชายที่แสนดีของหลิวชิงมาหาทันที ที่เอ่ยกล่าว ไม่รู้ว่ากลัวหรืออย่างไรกัน แต่เขาอดที่จะขอบใจภรรยารักไม่ได้
“ดีเป็นความคิดที่ดี” ฉู่หยางเฉินเอ่ยขึ้น แต่ทุกคนนั้นไม่ได้สังเกตกับความผิดปกติของใครบางคนที่เอาแต่เงียบไป
“ว่าแต่พระชายาจะไม่โกรธหรือ ที่เห็นพวกข้าไปก่อความวุ่นวายเช่นนี้” ท่านกุนซือเกรงใจนัก เพิ่งจะแต่งงานกับพระชายาได้ไม่นาน ท่านอ๋องก็ชวนสหายไปดื่มที่ตำหนักเสียแล้ว
“นางใจดีมาก ไม่โกรธหรอกน่า”