บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 ภรรยาจ๋าจุ๊บหน่อย

บทที่ 6 ภรรยาจ๋าจุ๊บหน่อย

ลู่หันเฉินนอนลงบนเตียง ในปากพูดละเมอว่า “ภรรยาจ๋า จุ๊บๆ...”

เซิ่งหวั่นซิงกำลังถอดรองเท้าให้ลู่หันเฉิน พอได้ยินเสียงนี้เธอก็อดหัวเราะไม่ได้

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินลู่หันเฉินเรียกตัวเองว่าอย่างนี้ เธอยกขาทั้งสองข้างของลู่หันเฉินขึ้นบนเตียง ขณะเดียวกันโทรศัพท์ที่อยู่หัวเตียงก็สั่นขึ้น

เป็นเบอร์โทรศัพท์ของ ‘ประธานหลี่’

ปกติแล้วเซิ่งหวั่นซิงจะไม่ยุ่งกับโทรศัพท์ของลู่หันเฉิน แต่เธอกลัวว่าฝ่ายตรงข้ามเขาจะมีธุระอะไรด่วน ก็เลยกดรับ “ขอโทษทีค่ะ หันเฉินดื่มจนเมา คุณประธานหลี่มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”

ข้างในสายโทรศัพท์นิ่งเงียบ

เซิ่งหวั่นซิงนึกว่าสัญญาณไม่ดี ก็เลยพูดซ้ำไปอีกรอบ และแล้วฝ่ายตรงข้ามก็รีบตัดสายไป

“อะไรกันเนี่ยะ?” เซิ่งหวั่นซิงรู้สึกประหลาดใจ

วางโทรศัพท์กลับไปที่หัวเตียง หันกลับไปมองใบหน้าของลู่หันเฉินที่เมาแอ๋อยู่ ในปากของเขายังคงพูดพึมพำ

เซิ่งหวั่นซิงรู้สึกมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าลู่หันเฉินมีอะไรปิดบังเธออยู่หรือเปล่า?

ทำไมรู้สึกว่าช่วงนี้เขาดูมีความลับ?

เธอเดาไปอยู่หลายเรื่องจนเริ่มหงุดหงิดและสับสนไปหมด รีบหยิบกระเป๋า แล้วสั่งแม่บ้านเตรียมยาแก้เมาหลังตื่นนอนให้ลู่หันเฉินไว้ด้วย แล้วลงบันไดไป

คุณปู่นั่งอยู่บนโซฟาที่ห้องรับแขก เห็นเธอลงบันไดมา รู้ว่าลู่หันเฉินดื่มเหล้าจนเมา แล้วพูดว่า “หนูหวั่นซิง ดึกขนาดนี้แล้วหนูกลับคนเดียวคงจะไม่ปลอดภัย เดี๋ยวให้ซื่นสิงไปส่งหนูละกัน”

“คุณปู่คะ...ไม่เป็นไรค่ะ...”เธอไม่กล้าไปนั่งบนรถของลู่ซื่นสิงหรอก

แต่ว่าเซิ่งหวั่นซิงกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ ลู่ซื่นสิงที่ใส่เสื้อสบายๆสีเทาบังเอิญกำลังเดินลงมาจากบันได

คุณปู่เผยยิ้มแล้วทักว่า “ซื่นสิง ถ้าไม่มีธุระอะไรหล่ะก็ ขับรถไปส่งหวั่นซิงหน่อยสินะ ให้เธอกลับไปคนเดียวมันอันตราย”

ลู่ซื่นสิงเหลือบตามามองเซิ่งหวั่นซิง “อืม” เสียงหนึ่ง หยิบเสื้อกันหนาวที่อยู่บนโซฟาสวมเข้าไป แล้วเดินไปทางออกไปสวมรองเท้า

“งั้นลาก่อนนะคะ คุณปู่”

ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เซิ่งหวั่นซิงก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ กล่าวคำลากับคุณปู่ พอเห็นลู่ซื่นสิงก้าวเดินออกไป เซิ่งหวั่นซิงก็ไม่กล้าช้า รีบเดินตามออกไปที่ลานจอดรถให้ทันฝีเท้าของลู่ซื่นสิง ระหว่างที่กำลังจะเปิดประตูที่หลังรถ

ลู่ซื่นสิงเห็นเธอกำลังจะเปิด น้ำเสียงที่เยือกเย็นก็พูดขึ้น “ที่นั่งด้านหลังมีของวางอยู่ คุณมานั่งข้างหน้า”

เซิ่งหวั่นซิงมองเข้าไปเห็นกล่องสองกล่องวางอยู่ เลยทำตามที่เขาบอกแล้วย้ายมานั่งด้านข้างคนขับ

รถค่อยๆเร่งออกไปจากลานจอดรถ ขับอยู่บนถนนลาดยาง

บรรยากาศภายในรถเงียบสนิท อึดอัดจนเซิ่งหวั่นซิงแทบจะหายใจไม่ออก

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ลู่ซื่นสิงน้ำเสียงต่ำๆถามขึ้นว่า “คุณกับหันเฉิน คบกันมากี่ปีแล้ว?”

“หะ ห้าปีแล้วค่ะ” เซิ่งหวั่นซิงอึ้งไปสักพัก แล้วค่อยตอบ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมลู่ซื่นสิงถึงถามคำถามนี้

5ปี?

ลู่ซื่นสิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เแววตาเหมือนมีอะไรแวบขึ้นมาแต่ก็หายวับไปในเสี้ยววินาที

เห็นเขาไม่พูดอะไร สีหน้านิ่งๆ เซิ่งหวั่นซิงรู้สึกไม่สบายใจเลยถามขึ้นว่า: “อา อาชายสามคะ ทำไมอาถึงถามคำถามนี้ขึ้นมากะทันหันหล่ะคะ?”

แค่คำว่า อาชายสาม คำเดียว ก็ทำให้สีหน้าของลู่ซื่นสิงที่นิ่งเฉยอยู่ก็เคร่งเครียดขึ้นไปถึงสุดขีด เท้าก็เหยียบคันเร่งแรงขึ้น

ยังไม่ทันรอให้เซิ่งหวั่นซิงสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ก็รู้สึกได้ว่าช่วงร่างของมายบัคนี้ก็เหมือนม้าป่าที่วิ่งไปอย่างบ้าคลั่ง

“อ้าก!” ความเร็วนี้มันเร็วมาก เร็วจนเสียงร้องของเซิ่งหวั่นซิงขำอยู่ตรงคอ ลมด้านนอกหน้าต่างก็พัดไปอย่างรวดเร็วจนทำให้ผมของเธอยุ่งไปหมด

แต่ผู้ชายข้างๆคนนั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย

เซิ่งหวั่นซิงพูดตะกุกตะกัก จับสายรัดนิรภัยไว้แน่น “อา...อาชายสาม อา...ขับช้าๆหน่อย ฉันกลัว!”

เสียงของเธอราวกับพูดร้องขอออกมาจากร่องฟัน ก็เหมือนกับเสียงคืนนั้นที่เธออยู่บนตัวเขา แล้วร้องไห้ไปด้วยพูดร้องไปด้วยว่าของเขาใหญ่เกินไป บอกให้เบาๆหน่อย เธอกลัว

ลู่ซื่นสิงรู้สึกช่วงล่างตึงๆ ตึงจนอาการออกทางสีหน้า เขารีบเหยียบเบรคทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel