บทที่ 2 เงื่อนงำ
บทที่ 2 เงื่อนงำ
เซิ่งหวั่นซิงตกใจจนรีบลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง ในมือกำโทรศัพท์ไว้แน่น ทั้งตกใจกลัวและใจสลาย
อย่างนี้ก็หมายความว่า เมื่อคืนเธอได้เสียตัวให้กับผู้ชายคนอื่นไปแล้ว?
ในสายโทรศัพท์ เสียงของลู่หันเฉินก็พูดต่อว่า: “ไม่ใช่ว่านัดกันแล้วหรอ วันนี้10โมงจะไปลองชุดแต่งงานกัน? คุณอยู่ที่ไหน เดี๋ยวผมจะไปรับ? ฮาโหล ทำไมคุณไม่พูดหล่ะ?”
“คือฉัน ฉันอยู่ที่สถานีโทรทัศน์” หลังจากดึงสติกลับมาได้ เซิ่งหวั่นซิงก็รีบตอบโมเมไป
“น้ำเสียงคุณเป็นอะไรไปหรือเปล่า?”
“หา เป็นอะไรหรอ?” เซิ่งหวั่นซิงเพิ่งจะรู้ตัวว่าเสียงตัวเองแหบๆ นึกถึงภาพเมื่อคืนที่ดุเดือดและเร่าร้อน เธอถึงกับหน้าแดง พูดตะกุกตะกัก: “สงสัยจะเป็นหวัด”
กลัวว่าตัวเองจะมีพิรุธไปมากกว่านี้ เซิ่งหวั่นซิงเลยรีบตอบกลับไปว่า: “เดี๋ยวฉันไปร้านลองชุดแต่งงานเอง คุณไม่ต้องมารับฉันค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะ ฉันยุ่งอยู่ เดี๋ยวเจอกัน!”
“ครับ ขับรถระวังด้วยหล่ะ”
คำพูดเป็นห่วงของแฟนหนุ่มยิ่งทำให้เซิ่งหวั่นซิงรู้สึกผิดมากไปอีก แค้นจนอยากจะจับผู้ชายที่นอนด้วยเมื่อคืนมาหั่นเป็นพันๆชิ้น เธอรีบลุกลงมาจากเตียงและใส่เสื้อผ้า
“ไอ้ผู้ชายนั้นมันสมควรตาย อย่าให้ฉันได้เจอตัวนะ!”
เซิ่งหวั่นซิงกัดฟันด่า รีบเดินพุ่งตัวออกมาจากลิฟต์ และเนื่องจากก้มหัวไม่ได้มองทาง ก็เลยชนกับคนข้างๆเข้าจังๆ กระเป๋าปลิว ของก็ตกกระจายเต็มพื้น
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ!” ในใจหงุดหงิด พูดขอโทษไปด้วยและก็คุกเข่าเก็บของที่ตก
มือเรียวยาวข้างหนึ่งยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้เธอ
เซิ่งหวั่นซิงได้กลิ่นอายแปลกๆที่ทั้งเหมือนไม่รู้จักแต่ก็เหมือนคุ้นเคยของผู้ชายคนหนึ่ง แต่ว่าเธอนั้นมัวแต่คิดเรื่องลองชุดแต่งงาน เลยไม่ทันได้คิดอะไรมาก พูดขอบคุณและเก็บของที่ตกพื้นอยู่เรียบร้อยก็รีบเดินออกไป โดยไม่ทันได้เงยหน้ามอง
เธอไม่รู้เลยว่าสายตาผู้ชายคนนั้นจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลาจากด้านหลังของเธอ สายตาที่ลึกซึ้ง
“ท่านประธานลู่...”
ผู้ช่วยรีบวิ่งมา หายใจหอบเหนื่อย: “ฉันเคาะประตูห้องอยู่หลายทีก็ไม่มีเสียงคนตอบรับค่ะ ก็เลยเอาเสื้อนั้นฝากไว้ให้แม่บ้าน รอตอนที่เธอทำความสะอาดห้องเสร็จก็ให้ส่งเข้าไปให้คุณผู้หญิงคนนั้นค่ะ”
ผู้ช่วยพูดจบก็เงยหน้ามองหน้าของเจ้านายตัวเอง
ติดตามเจ้านายมานานหลายปี ยังไม่เคยเห็นว่าเจ้านายจะมีผู้หญิงคนไหน เธอก็คิดเหมือนกับพนักงานคนอื่นๆที่คิดว่าสเป็คของท่านประธานคงจะพิเศษหน่อย แต่ว่า...วันนี้ก็ได้เปลี่ยนความคิดของเขา
ผู้ชายเหมือนจะเอาของอะไรบางอย่างเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง แล้วก็ก้าวเท้าเดินจากไป “ไปกันเถอะ”
…
หลังจากออกมาจากโรงแรม แม้แต่บ้านเซิ่งหวั่นซิงก็ไม่กล้ากลับไป เพราะกลัวคนที่บ้านเห็นสภาพทรุดโทรมของตัวเองตอนนี้จะต้องรู้ว่ามีเงื่อนงำแน่ๆ เธอเปิดห้องแล้วไปซื้อเสื้อผ้าสักชุดที่ซุปเปอร์ ใช้รองพื้นหนาๆกลบรอยจูบที่คอและมือ
หลังจากปกปิดทุกอย่างจนเรียบร้อย เซิ่งหวั่นซิงก็ต่อรถแท็กซี่ไปลงที่ร้านลองชุดแต่งงาน
ลู่หันเฉินถึงแต่เช้าแล้ว พอเห็นเซิ่งหวั่นซิงผลักประตูเข้ามา เขาก็รีบลุกไปหาเธอทันที
“หวั่นซิง?” เห็นสีหน้าของเซิ่งหวั่นซิงดูซีดขาว ลู่หันเฉินเป็นห่วง มือลูบไปตรงแก้มของเธอ พูดว่า “ทำไมหน้าตาถึงดูซีดขนาดนี้หล่ะ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่...ไม่เป็นไรค่ะ” เซิ่งหวั่นซิงส่ายหัว
หลังจากที่เห็นลู่หันเฉิน ในใจของเธอยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ราวกับก้อนหินก้อนใหญ่ทับอยู่กลางอก
พนักงานนำชุดที่สั่งตัดออกมา และให้เซิ่งหวั่นซิงเข้าไปลอง
ตอนที่เธอออกมา ลู่หันเฉินก็ได้เปลี่ยนเป็นชุดสูทสีขาวเรียบร้อยแล้ว เห็นแววตาของเธอที่อึ้งตะลึง เขารีบเดินเข้ามาจับมือเธอและจูบไปที่หลังมือ: “ คุณเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลก”
เซิ่งหวั่นซิงฝืนยิ้ม ในใจลังเล: “หันเฉิน คือฉัน...”
เธออยากจะเล่าเรื่องที่เธอเสียครั้งแรกของเธอเรื่องนี้ให้ลู่หันเฉินฟัง แต่มันก็ติดอยู่ตรงปาก พูดไม่ออก
“อืม คุณมีอะไรจะพูดงั้นหรอ?” ลู่หันเฉินเห็นเธออ้ำอึ้ง เลยถามขึ้น
“ฉันจะบอกว่าชุดแต่งงานนี้สวยมาก” เซิ่งหวั่นซิงก็ยังไม่มีใจกล้าที่จะพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน “เทสต์ของคุณนี่ดีจริงๆเลยนะคะ เพราะถ้าเป็นชุดที่ฉันเลือก มันคงจะไม่สวยขนาดนี้แน่เลย”
“ใช่เทสต์ของผมดีซะที่ไหนกันหล่ะ เป็นเพราะคุณสวยต่างหาก ใส่อะไรก็สวย!” ลู่หันเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน เงยหน้าจับหัวของเธอเบาๆ
สีหน้าของเซิ่งหวั่นซิงยิ่งซีดขึ้นพร้อมกับฝืนยิ้ม
หลังจากที่ลองชุดเสร็จ ลู่หันเฉินก็ส่งเซิ่งหวั่นซิงกลับสถานี
“อ่อใช่ หวั่นซิง อาชายสามของผมกลับมาแล้วนะ”
ลู่หันเฉินจับพวงมาลัยรถไว้มั่นๆ พูดว่า: “คืนนี้ที่บ้านจะจัดปาร์ตี้ต้อนรับเขากลับมา แม่บอกผมว่าให้พาคุณไปด้วยกัน เดี๋ยวเลิกงานแล้วผมมารับนะครับ”
อาชายสามของหันเฉิน?
เหมือนว่าแต่ก่อนจะเคยเห็นแค่ครั้งสองครั้ง คนคนนี้ไม่ชอบพูดและไม่ชอบยิ้ม ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเคร่งเครียด ทำให้คนที่อยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข และเกรงกลัว