บทที่ 14 ไข้ขึ้นแล้ว
บทที่ 14 ไข้ขึ้นแล้ว
การสัมผัสไออุ่นจากฝ่ามือของเขา เซิ่งหวั่นซิงรู้สึกฝ่าเท้าเริ่มร้อน แก้มก็แดงโดยไม่รู้ตัว
เห็นพนักงานสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆสีหน้าตื่นตาและอิจฉา สายตามองมาทางพวกเธอแถมเสียงซุบซิบก็ดังอีก
“ผู้ชายคนนั้นเป็นนายแบบหรือเปล่าเนี่ย สูงมาก หุ่นก็ดี!”
“ว๊า อิจฉาผู้หญิงคนนั้นจริงๆเลย! เธอว่าเขาไปหาแฟนอย่างนี้กันที่ไหนเนี่ย ฉันก็จะไปหาบ้าง”
เซิ่งหวั่นซิง:“……”
เธอแทบจากตายอยู่แล้วนะ!
เธอดูไม่ออกเลยว่าผู้ชายที่หยิ่ง เย็นชาอย่างเขา จะทำเรื่องที่อ่อนโยนอะไรอย่างนี้เป็นด้วย?
เธอกลัวแล้ว แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร
ไม่กี่นาทีหลังจากนี้ ลู่ซื่นสิงก็เดินไปรูดบัตร เซิ่งหวั่นซิงก็รีบเดินตามหลังเขาไป
หลังจากขึ้นไปบนรถ เซิ่งหวั่นซิงก็หยิบเงินออกมาจากกระเป๋าตัง เอาเงินยื่นออกไปให้ลู่ซื่นสิง “อาคะ เมื่อกี้ฉันลืมเอากระเป๋าตังลงไป นี่คะ เงินค่าเสื้อกับรองเท้าค่ะ”
ลู่ซื่นสิงมองเธอหนึ่งครั้ง ไม่รับเงิน
“ผมไม่เคยพบเงินสด ไม่อย่างงั้น คุณแอดวีแชทผมสิ แล้วโอนให้ผมก็พอแล้ว”
วีแชท?
“ค่ะ” เซิ่งหวั่นซิงก็ไม่รู้สึกว่าให้ไม่ได้หรือยังไง เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเพิ่มเพื่อนวีแชท แล้วก็โอนเงินไปให้เขา
เธอไม่ทันได้สังเกตเลยว่าผู้ชายเย็นชาคนนี้เริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
เซิ่งหวั่นซิงรู้สึกเริ่มง่วง พิงไปที่หมอนแล้วหลับตาลง
ลู่ซื่นสิงปรับลดความเร็วลง เพราะกลัวว่าจะทำเธอตื่น
รอช่วงไฟแดง ลู่ซื่นสิงก็เอื้อมมือไปหยิบผ้าคลุมผืนเล็กๆห่มให้เซิ่งหวั่นซิง เงยหน้าขึ้นเห็นว่าเซิ่งหวั่นซิงยังนอนไม่ค่อยสนิท คิ้วขมวด แก้มสีแดงอมชมพู ใบหน้าก็แสดงสีหน้าความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“หวั่นซิง?เซิ่งหวั่นซิง?” ลู่ซื่นสิงตบที่แก้มของเธอเบาๆ รู้สึกถึงความร้อน จับไปที่หน้าผาก ก็ยิ่งร้อนมากกว่า แล้วก็มั่นใจแล้วว่าเธอไข้ขึ้น
“ให้ตายเถอะ!”
ลู่ซื่นสิงด่าเสียงต่ำๆ จะต้องเป็นเพราะเซิ่งหวั่นซิงตากฝนจนเปียก แล้วไปเดินเป่าแอร์ในห้างอีก ถึงได้ไข้ขึ้นแบบนี้
เขาไม่สนว่าที่นี่จะยูเทิร์นได้ไหม เขาหมุนพวงมาลัย แล้วขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล
“คุณหมอครับ!”
ลู่ซื่นสิงอุ้มเซิ่งหวั่นซิงไว้แล้วรีบวิ่งเข้าไปทางห้องฉุกเฉิน สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล พอเห็นหมอมาก็รีบพูดไป “เธอไข้ขึ้นครับ หมอช่วยรักษาให้ที”
คุณหมอ: “ไปลงทะเบียนก่อนครับ”
ลู่ซื่นสิงจ้องตาเขม็งใส่คุณหมอ แววตาแหลมคม “ผมบอกว่าเธอไข้ขึ้น ต้องการรักษาตอนนี้ เดี๋ยวนี้”
คุณหมดตกใจ ทำงานในโรงพยาบาลนี้ก็เห็นญาติคนไข้โวยวายมาหลายรายแล้ว แต่กับกรณีของลู่ซื่นสิงก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย หมอจึงรีบตะโกนเรียกพยาบาลหาเตียงว่างมาหนึ่งเตียง แล้วหยอดสายน้ำเกลือให้เซิ่งหวั่นซิงทันที
หลังจากให้ไปครึ่งขวด แก้มที่แดงของเซิ่งหวั่นซิงก็ค่อยๆจางหายไป ลู่ซื่นสิงถึงได้โล่งอก
“หันเฉิน……” เซิ่งหวั่นซิงที่นอนป่วยอยู่บนเตียงพูดพึมพำ น้ำเสียงแหบๆ ฟังแล้วไร้เรี่ยวแรง “คุณไปไหน...”
ลู่ซื่นสิงถอนหายใจดังกระหึ่ม น้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย
ลู่หันเฉินอีกแล้วหรอ!
วันนั้นที่โรงแรม ตอนเธอเมาเหล้าก็มองเขาเป็นลู่หันเฉิน ตอนนี้เธอเป็นไข้ ในปากก็ยังร้องหาแต่ลู่หันเฉิน!
รอไปสักพัก ลู่ซื่นสิงก็หันหลังเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย
ไหนเขาจะไปดูซิ ลู่หันเฉินมันมัวยุ่งอะไรนักหนา!
ลู่ซื่นสิงโทรศัพทไปให้ผู้ช่วยส้ง น้ำเสียงเยือกเย็น “โทรหาลู่หันเฉินให้ฉันหน่อย ถ้าโทรไม่ติดก็ไปหาตัวมา แล้วบอกให้มันมาที่โรงพยาบาล!”
ตอนที่คุยโทรศัพท์ ลู่ซื่นสิงนั้นออกมาจากลิฟต์แล้ว กำลังเลี้ยวไปทางห้องการเงิน
มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านหน้าของเขาไป
ลู่หันเฉิน?