บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 หญิงหม้ายแห่งต้าเจิ้ง

โรงยาเจี้ยนคังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองหลวงแคว้นต้าเจิ้ง

มิใช่มีดีเพียงยารักษาโรค แต่กลับมีสิ่งที่ล้ำเลิศเป็นที่นิยมยิ่งกว่า นั่นก็คือยาบำรุงความงาม

สตรีทั่วเมืองไม่ว่าจะเป็นคุณหนูในห้องหอทั่วไปหรือองค์หญิงในวังล้วนเป็นลูกค้าของที่นี่ทั้งสิ้น

นอกเหนือจากยาบำรุงความงามแล้ว สิ่งที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน คือเจ้าของโรงยาเจี้ยนคัง

สตรีผู้เลอโฉมและเฉิดฉาย ความสามารถโดดเด่น นางมีนามว่าติงยวี่ถิง

หากจัดอันดับความงามของนาง แน่นอนว่าสามารถติดหนึ่งในห้าหญิงงามแห่งต้าเจิ้ง

ทว่าน่าเสียดาย ต่อให้นางมีดีหรือต่อให้ถึงขั้นงามเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวงก็ตาม แต่ติงยวี่ถิงผู้นี้กลับเป็นเพียงสตรีที่ผ่านการหย่าร้าง

เป็นหญิงหม้ายที่ถูกสามีทิ้งขว้าง

สตรีต่อให้งามล้ำเลิศทว่าตำหนินี้ช่างด่างพร้อยยิ่ง สิ้นความบริสุทธิ์ของพรหมจรรย์ ยังมีดีอันใดคู่ควรให้เอ่ยถึง

“นายหญิง”

“หืม?”

“บ่าวได้ยินผู้คนล่ำลือถึงท่านเช่นนี้ก็แทบทนไม่ไหว ให้รู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจเหลือเกิน”

สาวใช้นามว่าเสี่ยวจิงกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด คิดแล้วคิดอีกก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายหญิงถึงทนได้

แม้นายหญิงของนางจะดีเลิศ แต่ยังคงมีคนครหา คอยสบประมาทดูหมิ่นเหยียดหยามไม่เว้นวัน

ทำเอาสตรีผู้หนึ่งแทบไม่มีที่ยืนแล้วรู้หรือไม่?

“ท่านทนให้ผู้คนดูแคลนได้อย่างไรเจ้าคะ ถึงขนาดยกมาอ้างเพื่อกดราคาสินค้า บ้าที่สุดเลยเจ้าค่ะ”

ติงยวี่ถิงเองก็เอือมระอาไม่แพ้กัน ยังไม่ทันมีแฟนกลับเป็นหม้ายเสียอย่างนั้น เฮ้อ!

แม้ทดท้อแต่ไม่เผยออกมา หญิงสาวเงยหน้าจากตะกร้าสมุนไพรเอ่ยยิ้มๆ “ข้าคือผู้หญิงที่สวย รวย โสด สันโดษแบบมีความสุขสุดๆ สามารถใช้ชีวิตเชิดๆ ไม่สะดุดอย่างไรเล่า?”

เสี่ยวจิงกะพริบตาปริบๆ หมายความว่าอันใด?

ติงยวี่ถิงเห็นอาการบื้อใบ้เช่นนั้นจึงกระแอมไอ “ข้าหมายถึงแค่เคยเสียตัวมิได้ขาขาดแขนขาดสติฟั่นเฟือน ยังคงทำสิ่งที่ชอบได้มากมายเท่าที่อยากจะทำ และที่สำคัญ ข้านั้นงดงาม ร่ำรวย เปี่ยมอิสระเสรี อยากไปไหนก็ได้ไป ติดปีกโบยบินได้ไกลแสนไกล ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาสามีอย่างไรเล่า”

“อ้อ...” เสี่ยวจิงพยักหน้าหงึกหงัก

นายหญิงช่างมีคำพูดแปลกประหลาดบ่อยเหลือเกิน

ติงยวี่ถิงนั่งคัดใบยาและชาสมุนไพรอย่างสงบนิ่ง เพื่อไว้อาลัยให้กับคำนินทาที่มีมาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่ามิติที่จากมาหรือมิติโบราณที่นี่ล้วนหนีไม่พ้นคำพูดคนได้ทั้งนั้น

โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ทำชีวิตตัวเองให้ดีก็พอแล้ว ใครจะพร่ำวาจาเพ้อเจ้อไร้สาระหาประโยชน์มิได้ก็ปล่อยไป

และที่สำคัญ ราคาสินค้าที่ตั้งไว้ก็สูงมากพอที่จะทำให้เหลือกำไรแม้จะถูกกดไว้ด้วยคำตำหนิด้อยค่า

ช่วยมิได้ ในเมื่อสมุนไพรของนางหายากมากๆ นี่นา ไม่มีใครรู้ราคาแท้จริงเสียหน่อย หึหึ!

ทำงานที่ตนรักอย่างสงบมีความสุขต่ออีกสักพัก เจียวมิ่ง สาวใช้อีกคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเอ่ยว่า

“นายหญิงเจ้าคะ รู้หรือไม่ว่าบ่าวไปเจอใครมา”

ผู้เป็นนายมุ่นคิ้วสงสัยใคร่รู้ ทว่าเพียงครู่กลับนิ่วหน้ามองเจียวมิ่งที่ทำสีหน้าเหมือนนางร้ายในละครอย่างนึกขัน

“ดูทำหน้าเข้า แล้วเจ้าไปเจอใครล่ะ ทำตัวมีลับลมคมในเหลือเกินนะเจ้าเนี่ย”

เจียวมิ่งเหยียดปากรายงานเสียงหยัน “บ่าวไปเจอชายหญิงคู่หนึ่งมาเจ้าค่ะ ท่านลองทายสิเจ้าคะ ว่าเป็นใคร”

ติงยวี่ถิงถอนหายใจ เข้าเรื่องเสียทีได้หรือไม่?

เสี่ยวจิงย่อมเข้าใจนายหญิงยิ่งกว่าใคร นางเข้ามา ตีไหล่เจียวมิ่งดังเพียะ “เจ้ารีบพูดเร็วเถอะ เจอใครอย่างไร หาไม่ ข้าจะฉีกปากเจ้าซะ!”

ว่าพลางกางเล็บออกทำท่าจะฉีกทึ้งเนื้อหนังกันจริงๆ

สาวใช้ทั้งสองนี่นางร้ายชัดๆ ติงยวี่ถิงกะพริบตามอง “พวกเจ้าใจเย็นๆ ค่อยๆ เล่าก็ได้ ข้ารอฟังตรงนี้ไม่ไปไหน”

“เจ้าค่ะนายหญิง”

เจียวมิ่งพยักหน้าขึงขังก่อนเล่าอย่างออกรสออกชาติด้วยกิริยาเหยียดปากถลึงตา “บ่าวไปเจอคุณชายเซียวกับคุณหนูเหวินในตลาดเจ้าค่ะ”

ติงยวี่ถิงรับฟังนิ่งๆ

กลับเป็นเสี่ยวจิงที่ดวงตาวาวโรจน์ เผยริ้วรอยชิงชัง นางตบโต๊ะดังปัง “หญิงชั่วชายเลว ในที่สุดก็เปิดตัวคบหาอย่างสง่าผ่าเผยเลยสินะ!”

“ใช่!” เจียวมิ่งตะเบ็งลั่น “ไร้ยางอายเป็นที่สุด!”

เสี่ยวจิงตวาดถาม “พวกมันตามมาถึงที่นี่เชียวรึ”

“น่าจะใช่ เฮอะ! ข้าเกลียดนัก ตามมาทำไมนะ?”

“หรือว่าจะมาเยาะเย้ยนายหญิงของพวกเรา”

“ลักลอบสานสัมพันธ์กัน ใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ นานาจนนายหญิงต้องหย่า ตอนนี้ยังจะตามมารังควานอีกรึ? ช่างต่ำช้ายิ่งนัก”

“หน้าด้านปานนั้น สัตว์เดรัจฉานชัดๆ”

“พวกเราต้องหาวิธีจัดการเสียแล้ว”

“ข้าเห็นด้วย คนเลวพวกนั้น ปล่อยไว้ไม่ได้”

“ใช่! ชั่วช้าสามานย์ยิ่งนัก”

เจียวมิ่งกับเสี่ยวจิงผุดคำผรุสวาทสาดกันไปมา ในขณะที่ติงยวี่ถิงเพียงเลิกคิ้วมองเงียบงัน

เถียงกันเข้าไป น้ำลายพวกเจ้ากระเด็นไปทั่วแล้ว ส่วนใบชาพวกนี้สงสัยต้องเอาไปทิ้ง ทางผ่านน้ำลายพอดี!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel